คะแนน ISE รอบ 1 (2019) สูงขึ้นมาก แล้วมันสูงขนาดไหน? คิดคะแนนรวมยังไง? ถ้าจะยื่นรอบ 2 ควรได้คะแนนเท่าไหร่?

         วันนี้พี่ภัทร์จะพามาดูคะแนน ISE ที่บอกว่าปีนี้ถือว่าสูงมากกกเลยครับ เลยทำให้มีน้องๆ หลายคนเข้ามาหาพี่ภัทร์ด้วยคำถามเหล่านี้

“ได้ SAT เกิน 700 ทุกวิชา ยังไม่ติดอีกหรอพี่”

“ผมได้ SAT เต็ม 800 ทำไมอันดับยังไม่ดีเลย”

“IELTS ต่างกัน 0.5 มีผลขนาดไหนครับ”

“ถ้าจะยื่นรอบถัดไปเตรียมตัวอะไรเพิ่มได้บ้าง”

พี่ว่าพี่เข้าใจอารมณ์น้องๆ เลยครับว่าตอนก่อนเรายื่น เรามองแล้วว่าคะแนนเราถือว่าสูงแล้วน่าจะติดแน่นอน แต่พอผลออกมากลับเป็นว่าเราไม่ติด หรือติดอันดับที่ไม่ดี

วันนี้พี่ภัทร์จะพาไปมาดูวิธีคิดคะแนนรวมของ ISE กันดีกว่าครับ หากว่าการดูคะแนนคิดเป็นวิชาภาพมันอาจจะยังชัดเจนไม่พอ

ISE Admission Criteria

          จากภาพ Pie Chart น้องจะเห็นได้ชัดเลยว่าแต่ละวิชามีเปอร์เซ็นต์การให้คะแนนที่ไม่เท่ากัน ซึ่งในบางกรณีของน้องบางคนอาจจะทำคะแนนได้ดีในส่วนของวิชาที่เปอร์เซ็นน้อย แต่อาจจะทำคะแนนได้กลางๆ ในวิชาที่เปอร์เซ็นต์เยอะ ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็จะทำให้ภาพรวมคะแนนไม่ได้ดีมากนะครับ

งั้นคราวนี้เราลองเอาคะแนนของเรา มาคิดเป็นคะแนนภาพรวมกันเลยดีกว่าครับ

วิเคราะห์คะแนน ISE รอบ 1 (2019)

 
RankingScore (95%)
1 – 25> 90.0
26 – 5088.7 – 89.9
51 – 7588.2 – 88.6
76 – 10087.8 – 88.1
101 – 16085.0 – 87.7
  • คะแนนดังกล่าวยังไม่ได้รวมคะแนนสัมภาษณ์ 5%  ดังนั้นอันดับอาจจะแตกต่างจากนี้ได้เล็กน้อยขึ้นอยู่กับคะแนนสัมภาษณ์ของน้อง
  • คะแนนของน้องๆใกล้เคียงกันมากๆๆ เช่นอันดับ 1 กับ 50 คะแนนรวมต่างกันไม่เกิน 2 คะแนน  ดังนั้นคะแนน SAT ที่ต่างกัน 20 – 30 คะแนน หรือคะแนน IELTS ที่ต่างกัน 0.5 – 1 มีค่าทุกคะแนน
 

คะแนนวิชา SAT Subject Test Physics & SAT Subject Test Chemistry สำคัญมากๆ เพราะถ่วงน้ำหนักรวมกันถึง 40% ถ้าได้ไม่ถึง 750 – 800 จะทำให้อันดับลดลงไปมาก

ถ้าจะยื่น ISE รอบถัดไปหรือปีหน้า ต้องเตรียมตัวยังไง?

สำหรับน้อง ม.6 ทุกคะแนนมีความหมาย!

         น้องที่ไม่ติดรอบแรกอย่าเพิ่งคิดว่าเราหมดโอกาส เพราะพี่คาดว่าคะแนนรอบถัดไปน่าจะลดลง เพราะคนที่คะแนนสูงก็ติดไปจำนวนมากแล้ว

ในรอบถัดไปคาดว่า ISE จะรับเพิ่มอีก 40 – 50 คน และพี่กล้าบอกเลยว่าเดี๋ยวจะมีคนสละสิทธิ์จากรอบแรกมากกว่า10คนแน่นอน (ถ้าอิงจากปีที่แล้วน่าจะยื่นรอบ 2 ช่วง มี.ค. 2562)

         ถึงแม้ว่าน้อง ม.6 จะไม่มีรอบสอบ SAT Subject Test แล้ว แต่น้องยังมีโอกาสอัพคะแนนอีกหลายตัวที่เป็นไปได้ เช่น SAT Math, IELTS, CU-TEP พี่ขอย้ำว่าทุกคะแนนที่น้องได้เพิ่มมาจะสร้างโอกาสให้น้องติดได้มากขึ้นแน่นอนยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ถ้าน้องอัพคะแนนIELTS เพิ่มอีก 0.5 จะเทียบเท่ากับน้องได้คะแนน SAT Subject Test Physics เพิ่มอีก 40 คะแนน และเทียบเท่ากับ 1%  ถ้าน้องสามารถเพิ่ม IELTS ได้อีก 0.5-1 คะแนน หรือ SAT Math ได้อีก 50 คะแนน คะแนนรวมน้องจะเพิ่ม 2-3% ซึ่งอันดับเราจะขยับขี้นเยอะเลย

 

สำหรับน้อง ม.4 – 5 ต้องเริ่มเตรียมตัวแล้ว!

         การสอบ SAT รอบแรกของปีกำลังจะมาแล้ว ยิ่งน้องเริ่มเตรียมตัวกับการสอบเร็วเท่าไหร่น้องก็จะมีโอกาสทำคะแนนได้สูงมากและลดความกดดันในช่วงปลายปีด้วย เช่น ถ้าน้องสอบ SAT Math ได้คะแนนตั้งแต่ รอบ Mar น้องก็จะมีโอกาสสอบ SAT Subject Test เพิ่มอีกหลายรอบเลย

         สำหรับน้องคนไหนต้องการตัวช่วยเพื่อเสริมความมั่นใจในการทำโจทย์ หรืออยากได้เทคนิคในการทำข้อสอบเพื่อพิชิต 800 คะแนนของพี่ภัทร์ สามารถมาเจอกับพี่ภัทร์ได้ใน คอร์สสด Exclusive Class for SAT MATH เริ่มเรียน 9 มีนาคมนี้ เวลา 09:00-12:00 น. สถานที่เรียน อาคารสยามพิวรรธน์ ชั้น 12B

         คอร์สเนื้อหาที่สอนอย่างเป็นระบบ ครบจบในคอร์สเดียว นอกจากพี่ภัทร์จะรวบรวมโจทย์ใหม่ล่าสุดตามแนวข้อสอบ Official SAT 2018 มาให้น้องๆแล้ว ปีใหม่นี้พี่ภัทร์ก็ขอมอบของขวัญพิเศษ คือการดูแลน้องๆแบบรายบุคคล (Student Success Program) เรียกได้ว่าพี่ภัทร์จะติดตามน้องๆ จนกว่าน้องจะสอบติดเลยครับ อีกทั้งน้องๆที่ลงเรียนคอร์สนี้จะได้รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม Boost up และ Sat Clinic ที่จะจัดก่อนการสอบ SAT ทุกรอบด้วยครับ

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.ignitebyondemand.com/platform-live-class/

หรือหากน้องๆ ต้องการดูรายละเอียด คอร์ส SAT Math แบบ Self ก็สามารถเข้าดูได้ที่ https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/sat-math-cu-aat/

Shop online

Related Blog & News

ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

Comments

Comment Write a comment...