Review หนังสือ SAT Subject test Chemistry พิชิต 800 เต็มกับพี่ก๊อฟ
Review หนังสือ SAT Subject test Chemistry พิชิต 800 เต็มกับพี่ก๊อฟ
Highlights
- ในตลาดมีหนังสือ SAT Subject Test Chemistry ทั้งหมด มีหนังสือที่น่าสนใจอยู่ทั้งหมด 5 เล่ม ได้แก่ College board, Barron, Kaplan, The Princeton Review, และ Dr. Jang
- เล่มที่มีจำนวน Full test เยอะที่สุด คือ Jung มีทั้งหมด 10 ชุด
- เล่มที่มี Full test ที่เหมือนจริงที่สุด คือ College board แต่มีแค่ 2 ชุด (จะไม่เหมือนได้ไงเป็น สถาบันออกข้อสอบ)
- เล่มที่สรุปแต่ละบทได้ค่อนข้างดี อ่านเข้าใจง่าย เป็น bullet point ขอยกให้ The Princeton Review ที่มี Summary ต่อท้ายในแต่ละบท เป็นการ wrap-up ที่ดีมากๆ
- สุดท้ายหนังสือเล่มไหน ไม่สำคัญเท่าวิธีการ ซึ่งแนะนำไว้ 3 ขั้นตอน จับเวลาจริง, จดข้อผิด, และ อ่านทบทวน
- ถ้ารู้ตัวว่าไม่มีสมาธิ จับเวลาเองไม่ได้ รวมถึงต้องการคนคอยวิเคราะห์กลยุทธ์ จุดแข็ง และ จุดอ่อน ของตัวเอง เพื่อประสิทธิภาพในการอ่านทบทวนอย่างสูงสุด การเรียนแบบมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดสามารถตอบโจทย์ได้เช่นเดียวกัน
ใกล้ช่วงฤดูการสอบ SAT และ SAT Subject Tests เข้าไปทุกที น้องๆ หลายคนก็ได้เตรียมตัวในเรื่องเนื้อหาของแต่ละวิชากันไปมากพอสมควรแล้ว หลายคนได้มีโอกาสทำโจทย์แยกบทเพื่อดูว่าลักษณะหน้าตาของโจทย์เป็นอย่างไรกันไปบ้างแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยสำหรับการฝึกซ้อมในสนาม SAT Subject tests ก็คือ การลองฝึก Full test และจับเวลา เนื่องจากจำนวนข้อสอบ SAT Subject Tests นั้นเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SAT Subject Test Chemistry จะต้องทำข้อสอบทั้งหมด 85 ข้อ ภายในเวลา 60 นาที หรือประมาณ 42 วินาที/ข้อ ซึ่งถือว่าโหดหินมาก ถ้าใครไม่เคยเตรียมตัว เรื่องจับเวลามา ขอบอกได้เลยว่าโอกาสได้คะแนนสูงยากมากทีเดียว
เมื่อเป็นเช่นนี้น้องๆ หลายคนที่ได้เรียนเนื้อหาในบทต่างๆ จบไปแล้ว ก็มักจะหาหนังสือ SAT Subject Test Chemistry มาฝึกเสริมเพิ่มเติมในเรื่อง การลองทำข้อสอบแบบ Full test เพื่อจับเวลา หรือ โจทย์แบบแยกบทเพื่อที่จะทบทวนเนื้อหาที่น้องๆ อาจจะหลงลืมหรือตกหล่นไป วันนี้พี่เลยอยากจะมารีวิว หนังสือ SAT Subject Test Chemistry ในท้องตลาดว่าเล่มไหนเป็นยังไงบ้าง ตามความคิดของพี่เอง (ต้องขออภัย หากความคิดเห็นอาจจะไม่ตรงกับน้องๆบางคน)
โดยวันนี้พี่จะนำหนังสือเล่มยอดฮิตในท้องตลาดทั้งหมด 5 เล่ม ได้แก่ College board, Barron, Kaplan, The Princeton Review, และ Dr. Jang มารีวิวว่า หนังสือเล่มไหนดี หนังสือเล่มไหนคุ้ม พร้อมกับสรุปภาพรวมข้อแนะนำสำหรับการเตรียมตัวเพื่อให้น้องๆทุกคนพิชิต 800 เต็ม…. พร้อมแล้วไปชมรีวิวกันเลย
เล่มที่ 1: College Board - SAT Subject Test Chemistry
สิ่งที่ให้มา
- Full-test 2 ชุด (ข้อสอบที่เคยออกจริง)
ราคา
- 662 บาท ใน Kinokuniya (online price)
ข้อดี
- เป็นข้อสอบจริงเพราะเป็นข้อสอบที่เคยออกจริง หลายครั้งข้อสอบมีการนำมาออกซ้ำแบบตรงเป๊ะ
- สัดส่วนข้อสอบ และความยากสามารถเอาไว้ใช้เป็น guideline สำหรับในการวางกลยุทธ์ได้เป็นอย่างดี
ข้อเสีย
- ไม่ค่อยคุ้มค่ากับราคาเพราะมีแค่ 2 ชุด
- ไม่มีเนื้อหาตามบทให้ทบทวน
ข้อแนะนำ: ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ แต่ว่าถ้ารวมกับกลุ่มเพื่อนซื้อแล้วแบ่งกันน่าจะโอเค
สรุปคะแนน: 3.5 / 5 คะแนน
เล่มที่ 2: Barron (14th Edition) - SAT Subject Test Chemistry
สิ่งที่ให้มา
- Diagnosis test 1 ชุด Full-test
- Full-test 4 ชุด ในหนังสือ
- Full-test 2 ชุด ใน online
- ทบทวนเนื้อหาทุก topic พร้อม Practice Exercise (บทละประมาณ 20 ข้อ)
ราคา
- 726 บาท ใน Kinokuniya (online price)
ข้อดี
- มีการอธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาได้ค่อนข้างละเอียด มีรูปภาพประกอบชัดเจน
- มีสรุปเป็น chapter summary ให้ท้ายบท มี Internet Resource ให้ไปศึกษาต่อเพิ่ม
ข้อเสีย
- มีเนื้อหาที่เดี๋ยวนี้ไม่ออกสอบ ยากเกินไปและไม่ออกสอบแล้ว เช่น quantum number, rate law
- ข้อสอบท้ายเล่มมีความยากไปในบางหัวข้อ อาจจะไม่ตรงกับข้อสอบมากนัก
ข้อแนะนำ: ถ้าไม่ใช่สายแข็งจะทำคะแนนเพื่อเอาเต็ม 800 ไม่แนะนำเท่าไหร่ แต่ถ้าใครคะแนนเกิน 750 แล้วยังอยากได้โจทย์ยากเพื่อทำคะแนนให้ถึง 800 อาจจะลองนำเล่มนี้ไปฝึกได้
สรุปคะแนน: 3.5 / 5 คะแนน
เล่มที่ 3: Kaplan - SAT Subject Test Chemistry
สิ่งที่ให้มา
- Diagnosis test 1 ชุด Full-test
Full-test 3 ชุด ในหนังสือ - ทบทวนเนื้อหาทุก topic พร้อม Practice Exercise (บทละประมาณ 20 ข้อ)
ราคา
- 622 บาท ใน Kinokuniya (online price)
ข้อดี
- ความยากของ Full test ทั้งสามชุดมีความใกล้เคียงกับข้อสอบจริง
- มีเนื้อหาแต่ละบทที่อ่านค่อนข้างง่าย
ข้อเสีย
- มีเนื้อหาที่เยะเกินกว่าข้อสอบจริงมากพอสมควร และส่วนใหญ่มักไม่ค่อยออก
- ขาดสรุปแต่ละบทที่เข้าใจได้ง่าย
ข้อแนะนำ: ถ้าจะซื้อมาทำโจทย์ เพื่อหาโจทย์ใหม่ๆถือว่าโอเค เพราะโจทย์มีความใกล้เคียงกับความจริงมากพอตัว แต่ถ้าจะเอามาทบทวนเนื้อหาด้วยไม่ค่อยแนะนำเพราะสรุปไม่ค่อยดีเท่าไหร่และมีบางเนื้อหาที่เกินจากที่ออกข้อสอบจริง
สรุปคะแนน: 3.5 / 5 คะแนน
เล่มที่ 4: The Princeton Review - SAT Subject Test Chemistry
สิ่งที่ให้มา
- Full-test 3 ชุด ในหนังสือ
- ทบทวนเนื้อหาทุก topic พร้อม Drill Exercise (บทละประมาณไม่เกิน 10 ข้อ)
ราคา
- 551 บาท ใน Kinokuniya (online price)
ข้อดี
- เนื้อหาสรุปค่อนข้างดี อธิบายได้อย่างชัดเจน มีตัวอย่างทำให้ดูก่อนให้ลองทำจริง มีการสรุปเป็น bullet point ชัดเจนให้ท้ายบทหลังลองทำข้อสอบ
- เนื้อหาครอบคลุมบทที่ออกและไม่มีบทหรือหัวข้อที่ออกเกินจากข้อสอบจริง
ข้อเสีย
- จำนวนข้อที่ทบทวนหลังบทไม่เยอะมาก บางบทมีไม่ถึง 10 ข้อ
ข้อเสนอแนะ: ถ้าใครต้องการทบทวนเนื้อหา และต้องการสรุปเนื้อหาแบบย่อยๆเป็น bullet point ใช้ทบทวน เป็นอันที่ตอบโจทย์มากๆ แต่ว่าถ้าจะซื้อมาเพื่อทำ Full test หรือ ต้องการ up คะแนนให้เต็มเล่มนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่
สรุปคะแนน: 4 / 5 คะแนน
เล่มที่ 5: Dr. Jang’s SAT* 800 Chemistry Subject Test
สิ่งที่ให้มา
- Diagnosis test 1 ชุด แต่เป็นแบบเรียงบท
- Full-test 10 ชุด
- ทบทวนเนื้อหาทุก topic พร้อม Practice Exercise (บทละประมาณ 30 ข้อ)
ราคา
- 1,056 บาท ใน Kinokuniya (online price)
ข้อดี
- มีจำนวนชุดข้อสอบเยอะมาก ความยากมีทั้งแบบที่ตรงกับข้อสอบ และยากกว่าข้อสอบเล็กน้อย
- เฉลยอยู่ด้านข้างเลย ไม่ต้องพลิกไปพลิกมา (แต่ก็จะทำให้เกิดการโกงแอบดูได้ง่าย)
ข้อเสีย
- มีเนื้อหาเกินกว่าที่จะออกสอบ ซึ่งยากกว่าข้อสอบจริง เช่น quantum number, rate law
- เฉลยอาจจะไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว
ข้อแนะนำ: สำหรับคนที่เน้นปริมาณข้อสอบ อยากได้ข้อสอบเยอะๆ หรือ สำหรับคนที่อยากทำคะแนนสูงเล่มนี้เหมาะมากกับน้องๆเพราะว่ามีข้อสอบให้เลือกทำหลายชุด มีหัวข้อยากและง่ายครอบคลุมทั้งหมด น้องที่อาจจะไม่ได้หวังคะแนนเต็มอาจจะเลือกทำโจทย์บางชุดที่ไม่ยากมาก ส่วนคนที่หวังเต็มก็อาจจะเลือกชุดท้ายๆ ที่มีความยากมากขึ้นได้ครับ
สรุปคะแนน: 4.5 / 5 คะแนน
สรุปเทคนิคการทำโจทย์ SAT Subject Test Chemistry ให้ได้ 800 คะแนนเต็ม !
สุดท้ายนี้ขอพี่ขอแนะนำเทคนิคการฝึกทำโจทย์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งพี่ได้รวบรวมมากจากพี่ๆที่สอบได้ 800 คะแนนเต็มไว้เป็นขั้นตอนง่ายๆ 3 ข้อ ดังนี้
- จับเวลา: หลายคนมักคิดว่า ถ้าเราเรียนเนื้อหาและเข้าใจเนื้อหาทุกอย่างแล้วเราจะสามารถทำข้อสอบ SAT Subject Test ได้คะแนนดี พี่ขออนุญาตดับฝันน้องๆ เลยว่าโอกาสทำได้น้อยมากครับ เพราะโดยส่วนใหญ่เวลาเราทำโจทย์ตอนเราเรียนเนื้อหาเราไม่ค่อยได้คำนึงเรื่องเวลาซะเท่าไหร่ แต่ในข้อสอบนั้นความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากดังนั้น น้องๆทุกคนที่เริ่มจะทำโจทย์ก่อนไปสอบ ต้องจับเวลาเสมอนะครับ ไม่ว่าจะทำโจทย์ Full-test หรือบางครั้งจะทำแค่ 10 หรือ 15 ข้อ ก็ต้องฝึกคำนวณเวลาและจับเวลาอย่างจริงจัง เพื่อเวลาไปเจอข้อสอบจริงจะได้ ไม่ตื่นเต้นกับการบีบของเวลา และบางครั้งการฝึกแบบนี้จะช่วยเราในการกำหนดว่าข้อสอบแนวไหน ควรทำเร็ว ข้อสอบแนวไหน ควรทำช้า ข้อสอบแนวไหนควรข้ามไปก่อน ถ้าไม่เคยลองจับเวลาเลยจะทำให้เราไม่เก่งเรื่องการบริหารสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบ่งแยกระหว่าง คนทำได้คะแนนพอโอเค กับ คนที่ทำได้คะแนนสูงครับ
- จดข้อผิด: หลายคนมักไม่ทราบว่าเวลาเราผิด เรามักจะผิดข้อเดิมๆที่เราเคยผิดนั่นแหละครับ ข้อไหนที่มันง่ายและเราทำถูก เราก็มักจะทำถูกเมื่อเจอมันอีกรอบ แต่ถ้าข้อไหนที่เรามักจะทำผิดเราก็จะผิดซ้ำๆ ไปแบบนั้นแหละครับ ดังนั้นแล้วสิ่งที่น้องๆ ที่ได้คะแนนสูงทุกคนทำ คือ การจดข้อผิด ครับ หลายคนมักเข้าใจผิดว่า คนที่ได้คะแนนเยอะ คือ คนที่ทำถูกเยอะ จริงๆมักตกไปนิดนึงครับ คำที่ได้คะแนนเยอะ คือ คนที่ทำถูกเยอะตอนสอบจริง แต่ผิดเยอะมากตอนซ้อมอยู่ที่บ้านครับ คนที่ไม่เคยผิดเลยจะไม่มีทางรู้จุดอ่อนตัวเอง และคนที่ไม่เคยจดหรือบันทึกจุดอ่อนของตัวเองเลย จะไม่เคยได้แก้ไขจุดอ่อนของตัวเอง ดังนั้นถ้าน้องคนไหน อยากได้คะแนนเยอะ skill หลักที่ต้องมีเลย คือ การจดบันทึกข้อที่ตัวเองผิด และพยายามอย่าให้ผิดพลาดซ้ำ
- อ่านทบทวน: ต่อเนื่องจากข้อ 2 เมื่อน้องๆ ได้ทำการจดบันทึก ข้อผิดพลาดของตัวเองซึ่งเป็นจุดอ่อนแล้ว เมื่อถึงเวลาใกล้สอบน้องๆ ไม่ต้องไปนั่งอ่านหนังสือทบทวนเนื้อหาทั้งหมด แค่หยิบสิ่งที่น้องจดไว้ว่าน้องผิดตรงไหนบ้าง ข้อไหนบ้าง concept ไหนบ้าง แล้วเลือกทบทวนเฉพาะส่วนนั้น อันนี้จะทำให้เราทบทวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ ปิดจุดอ่อนในจุดที่น้องมักจะผิด เมื่อปิดจุดอ่อนครบการที่จะได้คะแนนสูงก็ไม่ใช่เรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม พี่เข้าใจว่าน้องๆ หลายคนอาจจะไม่มีสมาธิในการจับเวลาด้วยตัวเอง หรือ บางครั้งอาจจะไม่มีระบบระเบียบในการจัดการข้อผิดของตัวเอง หรือน้องบางคนอาจจะต้องการกลยุทธ์ในการสอบเพื่อให้ได้คะแนนสูงสุดโดยออกแรงน้อยที่สุด ดังนั้นการมี coach ที่เชี่ยวชาญในเรื่องข้อสอบช่วยดูแลน้องๆ ก็อาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับน้องๆบางคน ซึ่งถ้าใครสนใจอยากจะได้โค้ชที่ดี และเทคนิคดีๆ ในการทำให้คะแนนของน้องพุ่งไปถึง 800 เต็ม คอร์ส Advanced SAT Subject Test อาจจะเป็นสิ่งที่น้องตามหาอยู่ก็เป็นได้ เพราะคอร์สนี้จะรวบรวมข้อสอบใหม่ที่ไม่มีในหนังสือเล่มไหน รวมถึงเทคนิคต่างๆ พร้อมทั้งช่วยน้องจับเวลาจากแบบฝึกหัดเล็กๆ ไปจนถึง Full-test 60 นาที รวมถึงจะมี session ที่จะพบเจอน้องๆ กันแบบตัวต่อตัวเพื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ให้น้องเป็นรายบุคคล และพยายามผลักดันน้องๆ ทุกคนให้ถึงจุดเป้าหมายสูงสุดของตัวเอง
สำหรับน้องๆ คนไหนอยากเตรียมพร้อมข้อสอบ SAT สามารถเข้าไปอ่านบทความทุกเรื่องของข้อสอบ SAT เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/category/sat/
ใหม่ล่าสุด! กับคอร์ส SAT / SAT Subject Tests ในระบบ Learn Anywhere ที่พร้อมเสิร์ฟให้น้องๆ ทุกคนเข้าถึงบทเรียนได้ เพียงมี Mobile, iPad, iMac, Notebook หรือ PC ก็สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ถ้ามี Internet เพื่อให้น้องๆ สามารถเรียน Online ที่ไหน เมื่อไหร่ก็เรียนได้ พร้อมตะลุยโจทย์กับทุกคอร์ส Versions ล่าสุด!
สามารถดูรายละเอียดคอร์สเรียน SAT Subject Tests ได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/sat-subject-test/
ดูรายละเอียดคอร์สเรียนในระบบ Learn Anywhere ทั้งหมดได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/platform-anywhere/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
คู่มือสำหรับพ่อแม่ อยากให้ลูกติดหมอ ตั้งแต่ TCAS รอบแรก ต้องใช้อะไรบ้าง
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทุกที่อยากให้ลูกๆเป็นหมอทุกท่านนะครับ…วันนี้ ignite จะขอมาแนะนำการ สอบเข้าคณะแพทย์ TCAS รอบ 1 หรือที่ผู้ปกครองหลายๆ ท่านจะคุ้นหูกับคำว่า “แพทย์รอบ Portfolio” ซึ่งมีมหาวิทยาลัยที่เปิดรับ เช่น แพทย์จุฬาฯ แพทย์รามาฯ แพทย์ม.ขอนแก่น แพทย์ม.เชียงใหม่และอีกมากมายโดยวันนี้ ignite จะมาแนะนำข้อมูลสำคัญที่จะทำให้ลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่สอบติดหมอก่อนใครตั้งแต่ TCAS รอบแรก…ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลย !! สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio ต้องใช้อะไรบ้าง GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม สิ่งที่จำเป็นต่อการ สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio อย่างแรกคือ GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะกำหนดให้ใช้เกรดรวมทั้งหมด 4-5 เทอมด้วยกัน แต่จะมีเกณฑ์เกรดเฉลี่ยสะสมแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของแต่ละคณะ แต่ต้องเรียนคุณพ่อคุณแม่ว่าหากลูกของท่านมี GPAX ตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป น้องๆ จะมีโอกาสในการยื่นเข้าคณะแพทย์รอบ 1 ได้ทุกมหาวิทยาลัย […]
Comments (0) -
Blog, GED
GED Math & Science สองวิชาสำคัญ ช่วยอัพ Total Score
สวัสดีค่ะน้องๆ กลับมาพบกับพี่หมิง Ignite อีกครั้ง วันนี้พี่หมิงก็มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับ GED มาฝากอีกเช่นเคยค่ะ สำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากใช้คะแนน GED เทียบวุฒิเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลายๆ คณะมักจะกำหนดคะแนนรวม (Total Score) ขั้นต่ำที่น้องๆ ต้องทำได้ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นสมัครเข้าคณะนั้นๆ เช่น CU-TU กำหนดคะแนน GED ขั้นต่ำที่ 660 คะแนน, MUIC กำหนดที่ 600 คะแนน เป็นต้น ดังนั้น นอกจากน้องๆ จะโฟกัสที่การสอบรายวิชาแล้ว อีกเรื่องที่ต้องคำนึงคือคะแนนรวม และสองวิชาที่ครูหมิงขอบอกเลยว่าเป็นตัวช่วยดึงคะแนนรวมที่ดีมากๆ ให้กับน้องๆ ก็คือ GED Mathematical Reasoning และ GED Science ค่ะ ก่อนอื่นเรามาเจาะลึกดูรายละเอียดของแต่ละวิชากันก่อนนะคะ GED Mathematical Reasoning ข้อมูลที่ต้องรู้ GED Mathematical Reasoning 1.ข้อสอบมี […]
Comments (0) -
Blog
เจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูเกมและครูเวิลด์
นับถอยหลังอีกเพียง 4 เดือนสู่การสอบ IGCSE รอบตุลาคมสำหรับน้องๆ ระบบการศึกษานานาชาติ การสอบครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญเลยทีเดียว เพราะน้องๆ ต้องนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้ศึกษาต่อวิชาที่ต้องการในระดับ A-Level และอาจต้องใช้ยื่นควบคู่กันในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตอีกด้วย วันนี้พี่ๆ Ignite เลยจะพาน้องๆ มาเจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูพี่เกมและครูพี่เวิลด์ ผู้ที่มีประสบการณ์แน่นในการสอนน้องๆ หลักสูตรอินเตอร์ เพื่อที่จะได้รีบเตรียมตัวคว้าคะแนน A* กันถ้วนหน้า เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า! เจาะลึกข้อสอบ IGCSE Chemistry จุดไหนยากสุด? ครูพี่เกมต้องขออธิบายก่อนว่า ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึงความยากของ IGCSE Chemistry นั้น น้องๆ อาจจะต้องดูก่อนว่าข้อสอบที่น้องๆ จะเจอนั้นมาจากบอร์ดไหน CIE (Cambridge) หรือ Pearson Edexcel ถึงเเม้ว่าทั้ง 2 […]
Comments (0) -
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เหมือนไม่เหมือน เอาปากกามาวง เทียบให้ชัด CU-ATS VS ACT SCIENCE
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ ทีมวิทยา วิศวะอินเตอร์ทุกคน ตั้งแต่มีการยกเลิก SAT Subject Tests ไป พี่เชื่อว่าน้องๆ หลายคน ต้องวางแผนเส้นทางสู่คณะในฝันกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ทั้ง CU-ATS และ ACT Science เป็นหนทางใหม่ในการพาน้องไปสู่จุดมุ่งหมาย แต่พี่เชื่อว่าคงมีหลายคนสงสัยว่า แล้วหน้าตาข้อสอบของ CU-ATS และ ACT Science เป็นอย่างไร แตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง และเราจะเลือกสอบตัวไหนดี วันนี้ทั้งพี่อิ้งค์และพี่ก๊อฟ ขอมา เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อสอบ CU-ATS และ ACT Science จับทั้งสองข้อสอบมาเปรียบเทียบกันในทุกแง่มุม เพื่อเป็นอีกแนวทางในการช่วยน้องๆ ตัดสินใจครับ ทำความรู้จักข้อสอบ CU-ATS VS ACT Science อย่างแรก เรามาทำความรู้จักข้อสอบทั้ง 2 แบบก่อนนะครับ […]
Comments (0)
Comments