รีวิวข้อสอบ IELTS Writing Task 1 เจาะลึกทุกประเภทคำถาม พร้อมเผยเทคนิคการอ่านภาพให้เขียนง่าย โดย ดร. พี่กั๊ก

สวัสดีครับน้องๆ วันนี้กลับมาพบกับ ดร.พี่กั๊ก กันอีกแล้ว กับบทความดีๆ ที่จะช่วยให้น้องๆเห็นภาพข้อสอบ IELTS Writing มากขึ้น พร้อมช์เทคนิคเล็กๆน้อยๆ ในการอ่านภาพ IELTS Writing Task 1 เพื่อเพิ่มความมั่นใจของน้องๆ ในการทำข้อสอบมากขึ้นครับ
อย่างแรก พี่อยากจะเล่าให้น้องๆ ฟังก่อนว่า ข้อสอบ IELTS ในพาร์ท Writing จะมีทั้งหมด 2 ส่วนที่น้องๆ ต้องเขียนตอบ คือ Task ที่ 1 บรรยายภาพ (อย่างน้อย 150 คำ) และ Task ที่ 2 เขียนตอบคำถามที่กำหนดให้เป็นเรียงความ (อย่างน้อย 250 คำ) ซึ่งในบทความนี้ พี่จะมาแชร์ประเภทภาพและคำถามที่น้องๆ จะต้องเจอ รวมถึงเทคนิคในการอ่านภาพให้ครอบคลุมและเขียนตอบได้ง่ายที่สุด เราลองไปดูกันครับว่าใน IELTS Writing Task ที่ 1 นี้ มีรูปทั้งหมดกี่ประเภทและเราจะเริ่มอ่านภาพพวกนั้นอย่างไรบ้าง
Pie Chart - IELTS Writing Task 1

ใน IELTS Writing Task ที่ 1 จะมีประเภทของภาพทั้งหมด 6 รูปแบบ ได้แก่ Pie chart, Bar graph, Line graph, Table, Process diagram, และ Maps
ข้อมูลสำคัญ 2 อย่าง ที่จะช่วยให้น้องๆ พิชิต Band 7 ของ Task 1 นี้ คือ การเขียนบรรยาย main features และ comparisons โดยที่ไม่จำเป็นต้องบรรยายทุกข้อมูล ดังนั้นพี่กั๊กเลยอยากให้น้องๆ ได้ฝึกฝนการหาข้อมูลเพื่อวางโครงในการเขียนอยู่ 2 แบบ ได้แก่
- การหา main features 2 อย่าง แล้วเขียนเป็น 2 ประโยคพอ ประโยคแรก คือ ภาพรวมที่เด่นๆ ประโยคที่สอง คือ contrasting infromation ที่เด่นๆ ในส่วนของภาพรวมที่เด่นๆ อันนี้ต้องดูจากโจทย์เป็นหลักว่าเราพอเห็นอะไรบ้าง แต่ในส่วน contrasting information เราจะเจาะหาข้อมูล แบบใดแบบหนึ่ง ได้แก่ an increasing trend เทียบกับ a decreasing trend หรือ เป็นข้อมูลที่เราใช้เครื่องมือทางภาษาที่เกี่ยวกับ comparison (superlative degree หรือ comparative degree) ได้ เช่น the highest ของข้อมูลที่ 1 เทียบกับ the highest ของข้อมูลที่ 2 หรือ the highest เทียบกับ the lowest หรืออะไร higher/lower กว่าอะไร
- การหา detailed information เพื่อมาเขียน comparisons ซึ่งพี่กั๊ก แนะนำว่าให้แยกส่วนนี้เป็น 2 paragraphs โดยส่วนใหญ่ข้อมูลจะช่วยให้เราแบ่งได้ง่ายๆ อยู่แล้ว เพราะเราจะได้ 2 ชุดข้อมูล จาก 2 pie charts หรือ 2 line graphs เป็นอย่างน้อย น้องๆ ก็แค่บรรยายที่ละชุดข้อมูลในแต่ละ paragraph
รูปแบบแรกที่พี่จะพูดถึงคือ Pie chart โจทย์มักจะให้กราฟรูปวงกลมที่แบ่งสัดส่วนมา อาจจะสัก 2-3 กราฟ ส่วนข้อมูลในวงกลมที่น้องๆ ต้องเลือกมาเขียนและเปรียบเทียบก็จะอาจจะมีทั้งกลุ่มข้อมูลที่เหมือนและแตกต่างกัน เช่น โจทย์อาจให้สัดส่วนของค่าใช้จ่ายของคนในอังกฤษว่าใช้จ่ายไปกับสิ่งใดบ้าง มี 2 กราฟให้น้องเปรียบเทียบช่วงเวลาที่แตกต่างกันคือปี 1975 และปี 2000
ส่วนเทคนิคในการอ่านภาพแบบ Pie chart คือ
- การหา main features: อย่างแรกเราเปิดให้เห็น main features ว่ามี a greater variety of spending activities ในปี 2000 เทียบกับ 1975 (เห็นได้ชัดจากจำนวนของรายการที่เพิ่มขึ้นเยอะเลย) จากนั้นเราเริ่มลุยกับ contrasting information ซึ่งจากข้อมูลนี้ เราเน้นไปที่ the highest ของแต่ละอันได้เลย แล้วเอา the highest ของแต่ละปีมาเปรียบเทียบกัน ด้วยเครื่องมือทางภาษาแบบ superlative degree
- การหา detailed information: โอ้ อันนี้ง่ายเลย น้องๆ แค่แยกข้อมูล 1975 ไปบรรยาย 1 paragraph แล้วก็เอาข้อมูล 2000 ไปบรรยายอีก 1 paragraph
Bar Graph - IELTS Writing Task 1

ประเภทภาพต่อไปคือ Bar graph เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่มักวนมาออกอยู่บ่อยๆ ภาพในรูปแบบนี้จะมีลักษณะของแท่งข้อมูล ซึ่งก็จะมีจำนวนแตกต่างกันไป ความซับซ้อนของภาพแบบนี้คือน้องๆต้องรู้จักสังเกตภาพทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ดูข้อมูลว่าต้องเขียนถึงส่วนไหนบ้าง เช่น ในตัวอย่างข้างต้น เป็น Bar graph ที่รายงานอัตราส่วนของประชากรที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ ตามพื้นที่ต่างๆ ของโลกและตามเพศหญิง-ชายในแนวนอน ส่วนแนวตั้งเป็นสัดส่วนของจำนวนประชากรดังกล่าว น้องๆ ก็ต้องระวังใช้หน่วยของสัดส่วนให้ถูกต้องด้วยนะครับ
สำหรับเทคนิคการอ่านภาพ Bar graph เพิ่มเติม คือ
- การหา main features: โจทย์นี้ดูแว๊บแรก เหมือนจะมี trend แต่ระวังนะครับ trend มันบรรยายไม่ได้เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกันของแต่ละทวีป ดังนั้นจะต้องใช้การมองหาแบบที่สอง ซึ่งข้อมูลภาพรวมในทุกทวีปเราจะเห็นว่าข้อมูล female จะสูงกว่า male ทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นเอาเครื่องมือ comparative degree มาบรรยายประเด็นนี้ได้ ถัดมาคือ contrasting information ก็อาจจะเอาเครื่องมือ superlative degree มาบรรยายว่า literacy rates ใน south asia จะสูงสุดในภาพรวม แต่ใน other developed countries จะน้อยสุด
- การหา detailed information: การแยกข้อมูลนี้เป็น 2 paragraphs ทำได้หลายวิธี ขึ้นกับมอง category ไหน ซึ่งโจทย์นี้มี 2 main categories คือ locations กับ genders บางคนอาจจะแยก 3 พื้นที่เพื่อบรรยาย 1 paragraph และอีก 3 พื้นที่เพื่อบรรยายอีก 1 pargraph แต่ถ้าให้พี่กั๊กแนะนำ พี่คิดว่าแยกตาม gender category มันจะงงน้อยกว่า ฝากไว้ง่ายๆ ว่าการแยก detailed information เป็น 2 paragraphs พยายามยึดตามข้อมูลที่โจทย์แบ่งเป็นสองข้อมูลให้อยู่แล้ว มันจะบรรยายง่ายกว่า ซึ่งก็บรรยายข้อมูลของ male ไป 1 paragraph แล้วก็ female ไปอีก 1 paragraph
Line Graph - IELTS Writing Task 1

รูปแบบคำถามประเภทถัดไป คือ Line graph ในคำถามนี้ ภาพที่น้องๆ จะต้องอ่านคือ การรายงานข้อมูลในรูปแบบของเส้นต่างๆ ที่มีขึ้น ลง ผันผวน หรือคงที่ ในบางครั้งโจทย์อาจจะให้น้องๆ เปรียบเทียบข้อมูลแค่ 2 เส้น หรือบางทีก็อาจจะมีชุดข้อมูลมากถึง 5 เส้นได้เลยแหละครับ ทั้งนี้ แอบอยู่ที่ดวงของน้องๆด้วยนะครับผม 5555 Line graph จะมีความคล้ายคลึงกับ Bar graph อยู่เหมือนกัน ตรงที่น้องๆ จะมีสองแกนที่ต้องอ่านข้อมูลคือ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน นอกจากนี้ อีกจุดสังเกตหนึ่งที่น้องๆ ไม่ควรพลาดในการอ่าน Line graph คือ การดูช่วงเวลาที่เกิด ในภาพประเภทนี้ โจทย์มักจะใส่ปีที่เกิดมาให้ด้วย ต้องอย่าลืมรายงานส่วนนี้ลงไปในคำตอบด้วยนะครับ
เราไปดูเทคนิคเพิ่มเติมในการอ่านโจทย์แบบ Line graph กันครับ
- การหา main features: โอ้ โจทย์ line graph นี่ของหวานเลยครับ เพราะเรื่อง trends over time เนี่ย เอามาใช้ได้ง่ายๆ เลย พี่แนะนำให้เปิด paragraph นี้โดยชี้ให้เห็นว่า rate of smoking ในผู้หญิงจะสูงกว่าผู้ชายตลอดช่วงเวลาที่ศึกษาโดยเครื่องมือ comparative degree มาใช้ จากนั้นโชว์ contrasting information ซึ่งจะเห็นว่า blue line แสดง a downward trend ที่ชัดเจน ส่วน female จะมี upward ในตอนแรก จากนั้นมี downward ต่อ
- การหา detailed information: อันนี้น้องๆ น่าจะเห็นพร้องต้องกันว่า การแยกออกเป็น 2 paragraphs ก็ควรที่จะแยก male กับ female นะครับ
Table Chart - IELTS Writing Task 1

ประเภทคำถามแบบที่ 5 ของ IELTS Writing Task ที่ 1 คือ Table หรือ ตารางข้อมูล นั่นเองครับ โจทย์ประเภทนี้ถือว่าหินมากๆนะครับ เพราะน้องจะแทบดูเทรนของการขึ้น-ลงไม่ออก และจะเห็นแต่ตัวเลขเต็มไปหมด ทำให้ต้องมานั่งสกัดทีละจุดดีๆเลยว่า มีข้อมูลไหนที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างและน่าหยิบยกมาขยายความและทำการเปรียบเทียบ นอกจากนั้น การเขียนข้อมูลตรงๆอย่างเดียวอาจไม่พอ น้องๆจะต้องรู้จักดูความต่างข้อมูลผ่านการบวก ลบ คูณ หาร กันสักหน่อย จะทำให้การรายงานข้อมูลของน้องๆมีมิติมากขึ้นครับ และแน่นอนว่า พี่ก็ยังคงมีเทคนิคดีๆ ในการอ่านข้อมูลจากตารางมาฝากน้องๆ ทุกคน ดังนี้ครับ
- การหา main features: เน้นย้ำอีกทีนะครับ แม้ข้อมูลจะเยอะแต่เราไม่จำเป็นต้องบรรยายทุกอย่าง ถ้าพี่จะเปิดภาพรวม พี่จะเริ่มจากการบอกว่าประเทศที่เป็น 1 คือ the US ซึ่งนอกจากได้ total medals จำนวนรวมเยอะสุดแล้ว ยังได้ medals แต่ละประเภทสูงที่สุดด้วย จากนั้น contrasting information พี่จะเจาะไปที่ 5 อันดับแรก และชี้ว่า great britian กับ south kore ต่างจาก trend ของอีก 3 ประเทศ เพราะถึงแม้จะมี total medals น้อย แต่ด้วยความที่มี goal medals เยอะจึงทำให้ถูก ranked ในอันดับ 3 และ 5 ตามลำดับ
- การหา detailed information: เอาล่ะ ความยากต่อเนื่องมาที่การแยกออกเป็น 2 paragraphs ว่าจะแยกจากอันไหนดี ถ้า country category ก็มีตั้ง 10 หรือ medal category ก็มีตั้ง 4 columns ให้มอง เพราะฉะนั้น จุดเน้นเดิมที่ต้องย้ำคือว่า เราไม่ต้องบรรยายทุกอย่าง สำหรับพี่การแยกกลุ่มประเทศ เช่น แยก 5 อันดับแรก กับ 5 อันดับหลัง มันอาจจะตามเรื่องยากนิดนึง พี่เลยจะเจาะไปที่ medal category คราวนี้มันมีตั้ง 4 columns จะเอาไงดีล่ะ จาก common sense เวลาคนพูดถึงเรื่องการแข่งกีฬา คนก็จะมองไปที่เหรียญทอง หรือไม่ก็จำนวนเหรียญรวม เพราะฉะนั้น พี่จะเลือกแค่สองชุดข้อมูลนี้ แล้ว focus on the number of total medals 1 pargraph แล้วก็ gold medals อีก 1 paragraph พอ แค่นี้ก็มีอะไรให้เลือกอธิบายเยอะมากอยู่แล้ว
Process Diagram - IELTS Writing Task 1

ภาพต่อไปที่น้องๆ หลายคนบอกว่ายากมากๆ คือ Process diagram หรือภาพที่แสดงขั้นตอนต่างๆ เช่น ขั้นตอนทางการผลิต, ขั้นตอนในการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือขั้นตอนวิวัฒนาการต่างๆ เป็นต้น ในการเขียนตอบคำถามประเภทนี้ พี่ขอแนะนำให้น้องๆ ท่องคำศัพท์ที่จำเป็นต่อการอธิบายกระบวนการ เช่น move to, change to, be carried to, be transformed to, be converted to เป็นต้น รวมถึง Transition words ต่างๆ เพราะจะทำให้งานเขียนของน้องสละสลวยและเข้าใจง่ายมากขึ้น และที่สำคัญ ถ้าน้องๆ รู้เทคนิคการอ่านภาพรูปแบบนี้ การเขียนตอบ Writing ก็จะง่ายขึ้นไปเยอะเลยครับ
เราลองไปดูวิธีการอ่าน Process diagram กันเลยครับ
- การหา main features: โจทย์แนวนี้ยากที่สุด คือ การสกัด main features ออกมา แต่ไม่เกิดความพยายามและการฝึกฝน ซึ่ง 2 ประโยคในการบรรยาย main features นี้ พี่แนะนำว่าเริ่มต้นจากการประโยคแรก คือ การบอกว่าการผลิตใน process diagram นี้มีขั้นตอนหลักๆ กี่ขึ้น ซึ่งถ้าโจทย์ไม่ได้บอกตรงๆ (ส่วนใหญ่ก็จะไม่บอก) เราสามารถจัดเองได้ เช่นจากรูปนี้ พี่แบ่งเป็น 3 ขั้นหลัก คือ การเตรียมส่วนผสมที่ใช้ การขึ้นรูปอิฐ แล้วก็การ packaging เพื่อส่งขายต่อ จากนั้นประโยคที่สอง น้องๆ อาจจะเน้นไปที่จุดเริ่มกับผลิตภัณฑ์สุดท้าย ซึ่งจากรูปนี้ เราสามารถบอกได้ว่า การผลิตให้ได้ออกมาเป็นอิฐนั้น จะมีการใช้ raw materials เป็น clay, sand and water ครับผม
- การหา detailed information: โจทย์แนวนี้เรื่อง detail เราแค่เดิมตามขั้นตอนเลยครับ ยืมคำที่โจทย์ให้บ้าง หรืออาจจะ paraphrase ไป เรื่อง split เป็น paragraphs อาจจะไม่ strict เหมือนโจทย์สี่แนวแรก น้องๆ ก็แค่บรรยายขั้นแรกต่อไปเรื่อยๆ เขียนได้ซัก 2-3 บรรทัด ก็ขึ้นย่อหน้าใหม่ แล้วบรรยายขั้นตอนต่อจนเสร็จครับ
Map Diagram - IETLS Writing Task 1

มาถึงรูปแบบคำถามประเภทสุดท้ายกันแล้วนะครับ นั่นก็คือ Maps นั่นเอง บอกเลยว่าใครว่ายาก พี่ว่าไม่เลยครับผม 5555 สำหรับรูปภาพประเภทนี้ โจทย์จะให้รูปแผนที่น้องๆมา มักจะเป็น 2-3 อัน จะเป็นภาพของสถานที่ใดที่หนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาอาจจะภายใน 20, 30, หรือ 50 ปี เป็นต้น พี่แนะนำว่าอยากให้น้องๆมองการทำโจทย์ประเภทนี้ให้เหมือนเกมส์จับผิดภาพ ว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง และมีอะไรเข้ามาแทนที่ ที่สำคัญ อย่าลืมสังเกตช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยนะครับ ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาแล้วในอดีต หรือเป็นแผนงานที่กำลังจะก่อสร้างในอนาคต เพื่อที่น้องๆจะได้เลือกใช้ Tense ในการเขียนให้ถูกต้องครับผม
เราลองไปดูเทคนิคเพิ่มเติม ที่จะทำให้การอ่านภาพการเปลี่ยนแปลงของแผนที่ง่ายขึ้นกันครับ
- การหา main features: โจทย์แนวนี้ เราสามารถเอาหลักการวางโครงเหมือนโจทย์ bar graph, pie chart, line graph หรือ table มาใช้ได้ครับ โดยที่การบอก main features สองประโยคนั้น พี่แนะนำว่า ประโยคแรก บอกว่าอะไรเปลี่ยนแปลงแบบ significant change หรือแบบสร้างใหม่ หายไป แบบใหญ่ๆ เลย โดยยึดภาพแรกกับภาพสุดท้าย (จุดเริ่มต้นกับจุดสุดท้ายที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป) จากนั้น บอกว่า อะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ซึ่งจากหลักการนี้ น้องๆ จะเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงแบบเด่นๆ เลย คือ houses and farmland หายไป แล้วมีการสร้าง sciene block, carpark and sport field ขึ้นมาแทน แต่ว่าส่วนที่เปลี่ยนแปลงน้อยมาก คือ main building and play ground ฝากสังเกตนะครับ โจทย์แนวนี้ส่วนใหญ่จะมีเข็มทิศประกอบด้วย เวลาบรรยาย พยายามบอกว่าอยู่ตำแหน่งทิศไหนในพื้นที่นั้นๆ
- การหา detailed information: การ split detailed information เป็น 2 paragraphs ในโจทย์แนวนี้ จะต่างจากโจทย์ bar graph, pie chart หรือ line graph เพราะพี่ไม่แนะนำว่าแยกบรรยายทีละ map เพราะถ้าเราทำแบบนั้น สิ่งที่ขาดไปในการบรรยายของเรา คือ comparisons ดังนั้น เราต้องบรรยายเชิงเปรียบเทียบ ซึ่งถ้าให้เรื่องเดินต่อเนื่องกับ paragraph ของ main features พี่แนะนำว่า focusing on the development with significant changes ไป 1 paragraph แล้วค่อยๆ บอกไปว่าจาก 1950 ไป 1980 ไป 2010 มีการเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน จากนั้นค่อย turning to the development with minimal changes ไปอีก 1 paragraph มันก็จะให้การ flow ของการเขียนเราชัดเจนด้วยครับ
Live Class Online เรียนสดที่บ้าน

เต็มอิ่มกันเลยมั้ยครับน้องๆ กับเทคนิคเล็กๆน้อยๆ จากพี่ เพื่อนำไปใช้ฝึกฝนเขียน IELTS Writing Task ที่ 1 กัน แต่นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของข้อสอบเขียนที่น้องๆ ต้องทำ และยังเป็นแค่ 1 ใน 4 ทักษะที่น้องๆต้องสอบด้วย ยังมีแบบฝึกหัดและเทคนิคในการพิชิตคะแนน IELTS อีกมากมายให้น้องๆ ได้เรียนรู้นะครับ
สำหรับน้องๆ ที่วางแผนสอบ IELTS กันอยู่ อยากให้น้องๆ มีวินัยในการทำข้อสอบ ฝึกพูด ฝึกเขียนอย่างถูกต้อง และถ้าใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการเพิ่มคะแนน IELTS เพื่อปูทางสู่มหาวิทยาลัย มาเจอกับพี่และพี่แพททริคได้ในคอร์สสด IELTS ในรูปแบบ Live Class Online เรียนสดที่บ้าน กันครับ รับรองว่าทั้งสนุกทั้งได้ความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริงในห้องสอบแน่นอนครับ โดยน้องๆ จะได้สิทธิพิเศษมากมายกว่าเดิมอาทิ เช่น น้องๆ สามารถ Request online consult ตัวต่อตัวกับคุณครูได้ เพื่อให้คุณครูและทีมงานวางแผนการเรียนรายบุคคลให้ และมีห้อง Line ส่วนตัวกับคุณครูและเพื่อนในคอร์สเดียวกัน เพื่อถามคำถามนอกเวลาเรียนได้ตลอดเวลา อีกทั้งน้องๆ สามารถทบทวนบทเรียน Online ผ่านระบบ Anywhere ได้ ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มคอร์สจนถึง 1 เดือนหลังจบคอร์ส
สามารถปรึกษาสอบถามรายละเอียดข้อมูลคอร์สเพิ่มเติม และสมัครคอร์สเรียนได้ทาง Line : @ignitebyondemand หรือโทร 02-6580023 , 091-5761475
ดูรายละเอียด คอร์ส IELTS เพิ่มเติมได้ทาง >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/ielts/
ใหม่ล่าสุด! คอร์สเรียน IELTS ออนไลน์ ในระบบ Anywhere ที่ให้น้องสามารถเข้าถึงบนเรียนได้ 24 ชม ผ่าน Platform Mobile, Tablet, Notebook ของตัวน้องเองเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตก็สามารถเรียนออนไลน์ เมื่อไหร่ ก็เรียนได้
โดยน้องๆ สามารถช้อปคอร์สเรียน Online ได้เองง่ายๆ ผ่านทาง >> ShopOnline
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, SAT Reading and Writing, SAT
แชร์เทคนิคพิชิตข้อสอบ SAT Reading and Writing ประเภท Vocabulary in Context
สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย เตรียมตัวในการสอบ SAT ไปถึงไหนกันแล้วบ้างครับ หลายๆ คนคงเริ่มเรียนและฝึกฝนทำโจทย์ SAT กันอยู่เพื่อพิชิตคณะในฝัน วันนี้พี่แพททริคจึงขอมาให้กำลังใจพร้อมทั้งแชร์เทคนิคพิชิต ข้อสอบ SAT Reading and Writing กันครับ น้องๆ รู้มั้ยเอ่ยว่าข้อสอบประเภท Vocabulary in Context เนี่ย ก็เป็นข้อสอบอีกประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญมากๆ และสามารถช่วยเราเพิ่มคะแนนสอบได้ เพราะว่ามีข้อสอบประเภทนี้ถึง 8-9 ข้อต่อชุด (อ้างอิงจาก Official SAT Practice Tests ชุดที่ 8-9 โดย College Board) นับว่าเกือบจะเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนข้อสอบทั้งหมดเลยทีเดียว (ข้อสอบพาร์ท Reading มีทั้งหมด 52 ข้อ) ดังนั้น หากน้องๆ สามารถเก็บคะแนนในส่วนนี้ได้ทั้งหมด โอกาสในการพิชิต Perfect Score ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยครับ หลังจากรู้ถึงความสำคัญที่จะต้องพิชิตข้อสอบ Vocabulary […]
Comments (0)
-
Blog, GED
รวมคำถามยอดฮิต GED อยากสอบติดม.ดังต้องได้คะแนนเท่าไหร่ถึง SAFE!
สวัสดีค่าน้องๆ ตั้งแต่ ignite เริ่มให้คำแนะนำเรื่องการวางแผน เตรียมตัวสอบ GED ก็มีน้องๆ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบข้อสอบตัวนี้หลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น GED ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยไหน คณะไหนได้บ้าง? แล้วต้องมีคะแนน GED เท่าไรถึงจะ SAFE? วันนี้พี่หมิงเลยรวบรวมคำถามที่โดนถามบ่อยๆ พร้อมมาให้คำแนะนำดีๆ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้น้องๆ เตรียมตัวสำหรับการสอบ GED ได้อย่างไม่พลาดเป้า แถมยังได้ Perfect score ด้วยนะคะ ไปดูกันเลยค่า! 1. อยากเข้าอินเตอร์ ม.ดัง คะแนน GED เท่าไหร่ถึง SAFE! คณะส่วนใหญ่ของกลุ่ม มหาวิทยาลัย จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์อินเตอร์ จะตั้งเกณฑ์รับนักเรียน GED ตามเกณฑ์ที่ ทปอ. กำหนด นั่นก็คือ คะแนนรวม […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT, SAT Subject Tests
บทสัมภาษณ์ “ISE อันดับ 1 ปี 64” น้องวิน กรุงเทพคริสเตียน
สวัสดีครับวันนี้พี่แอดมินพา ignite idol ดีกรี “อันดับ 1 ISE CU ปีล่าสุด” อย่างน้องวินจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน มาแนะนำเคล็ดลับการเตรียมตัวสอบเข้าคณะวิศวะอินเตอร์ยอดฮิต ให้น้องๆ ว่าที่วิศวะทุกคนได้มีแนวทางการเตรียมตัวในการสอบเข้านะครับ พี่วินพร้อมมาเจอน้องๆแล้ว…พร้อมแล้วไปกันเลย Timeline เตรียมตัวสอบเข้า ISE CU จากน้องวิน อันดับ 1 ปีล่าสุด พี่เริ่มเตรียมตัวสอบเข้า ISE CU ตอนม.5 ครับ ถือว่าเป็นการเตรียมตัวที่ไม่ช้าไป ไม่เร็วไป แต่ในกรณีของพี่จะต้องเจอกิจกรรมของโรงเรียนที่เราได้ไปมีบทบาทสำคัญอย่างตอนม.5 ที่เป็นฝ่ายเขียนโค้ด แปรอักษรงานจตุรมิตรสามัคคี และม.6 ที่จัดงานวันเกิดให้กับทางโรงเรียน…กิจกรรมเหล่านี้ค่อนข้างกินเวลาชีวิตเราพอสมควร ทำให้พี่ต้องวางแผนจัดการเวลาในการเตรียมตัวสอบเข้า ISE CU ให้รอบคลอบมากที่สุด เริ่มจากม.5 พี่ได้สมัครคอร์ส Engineer pack ของ ignite ครับ ซึ่งเป็นคอร์สแพ็คสำหรับคนที่อยากสอบเข้าคณะวิศวะโดยเฉพาะ ตอนนั้นพี่สมัครสอบครั้งแรกในรอบ Nov โดยได้คะแนนสอบ SAT Subject tests ดังนี้ครับ วิชา Chemistry […]
Comments (0)
-
Blog
BJM คืออะไร? เรียนอะไรบ้าง? อยากสอบติดต้องทำอย่างไร?
สวัสดีน้องๆ สายศิลป์ทุกคนนะครับ พี่แอดมินพาคณะอินเตอร์ปังๆ มาแนะนำให้พวกเราได้รู้จักกันอีกแล้ว…วันนี้มาพบกับ BJM คณะอินเตอร์ยอดฮิตที่รับรองว่าตรงใจชาวสายศิลป์หลายคนแน่นอน ไม่พูดพร่ำทำเพลง เราไปทำความรู้จักกันว่า คณะ BJM คืออะไร? ในหลักสูตรเรียนอะไรบ้างกันเลยดีกว่า BJM คืออะไร? เรียนอะไร? BJM หรือ Bachelor of Arts Program in Journalism (Mass Media Studies) คือ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน สาขาวิชาสื่อ หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น้องๆ นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า คณะวารสารอินเตอร์หรือ BJM นั้นเอง สำหรับหลักสูตรนี้จะมีความคล้ายคลึงกับคณะนิเทศศาสตร์ที่พวกเราคุ้นเคยกันอยู่พอสมควรครับ แต่ที่ BJM จะเน้นเรียนครอบคลุมมากกว่า ไม่มีการเลือกสาขา เฉพาะเจาะจงแต่น้องจะได้เรียนครบเกี่ยวกับสื่อในทุกด้าน ตั้งแต่การผลิต ออกแบบ สร้างสรรค์ ภาพยนตร์ โฆษณา ประชาสัมพันธ์หรือวิทยุและโทรทัศน์ ไปจนถึงเรียนการบริหารการสื่อสาร ซึ่งรุ่นพี่แอบกระซิบมาว่าที่นี่เน้นเรียนปฏิบัติ น้องจะได้ศึกษาทั้งการเป็นเบื้องหน้าและเบื้องหลัง รับรอบว่ามาเรียน […]
Comments (0)
Comments