คัมภีร์วิธีลัดในการพิชิตคะแนน SAT Verbal 2019
ในบทความที่แล้วพี่ข้าวได้พาน้องไป รีวิวข้อสอบ SAT Verbal ในปี 2018 น้องคนไหนที่ยังไม่ได้อ่านในบทความที่แล้ว พี่ข้าวแนะนำว่าให้ย้อนกลับไปอ่านก่อนดีกว่าค่ะ เพราะในบทความนี้จะพาไปดู Tips&Tricks ต่างๆ จะได้เข้าใจรูปแบบข้อสอบกันมากขึ้น แต่หากใครยังไม่รู้เลยว่าข้อสอบ SAT คืออะไร สามารถเข้าไปอ่านได้ที่บทความ รีวิวข้อสอบ SAT VERBAL แบบเจาะลึกทุกรายละเอียด
ในบทความนี้พี่ข้าวจะขอพาน้องๆ ไปเปิดคัมภีร์วิธีลัดในการพิชิตคะแนน SAT Verbal พร้อมทั้ง Tips and Tricks ในการทำข้อสอบ SAT ใน Part Writing และ Reading พร้อมยกตัวอย่างข้อสอบให้ดูกันอย่างชัดเจน พี่มั่นใจว่าถ้าน้องอ่านจนจบ เอาไปฝึกฝนเพิ่มเติมกันอย่างต่อเนื่อง ตามวิธีที่พี่แนะนำหรือจะพลิกแพลงแบบที่น้องถนัด คะแนนอัพสูงขึ้นได้อย่างแน่นอน พร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยดีกว่า
How to prepare yourself for SAT Verbal?
Set Goal วางเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน ว่าน้องๆ ต้องการคะแนน SAT verbal เท่าไหร่ เพราะแนวทางการเตรียมตัวสอบสำหรับน้องๆ ที่ต้อง การคะแนนช่วง 600 กับ 700 คะแนนจะแตกต่างกัน กลุ่มคะแนน SAT Verbal
- น้องๆที่ต้องการคะแนนช่วง 600 ต้องฝึกทำข้อสอบ Reading ให้ทันอย่างน้อย 4 เรื่องที่เราถนัดจากทั้งหมด 5 เรื่องและพยายามเก็บคะแนนให้ได้อย่างน้อย 35 ข้อจาก 52 ข้อ (เท่ากับประมาณ 300 คะแนน และ assume ว่าน้องสามารถทำพาร์ท Writing and Language ได้มากกว่า 300 คะแนน) อย่าลืมว่าคำถามข้อยากและข้อง่ายมีคะแนนดิบเท่ากันข้อละ 1 คะแนน คำถามข้อไหนที่น้องอ่านแล้วไม่เข้าใจอะไรเลย หรือ choice ข้อไหนที่ลังเล 50/50 อยู่นานหลายนาที ให้รีบตอบและข้ามไปเลย เพราะการจมอยู่นานๆแล้วสุดท้ายตอบผิด จะทำให้น้องๆเสียโอกาสทำข้อง่ายๆไปหลายข้อ
- สำหรับน้องๆที่ต้องการคะแนนช่วง 700 ขึ้นไปนั้น บอกเลยว่า There’s really little room for error. แน่นอนว่าน้องๆต้องพยายามทำทุกข้อให้ถูกต้องทั้งในพาร์ท Reading และ Writing and Language ดังนั้นน้องต้องฝึกอ่านบทความทุกประเภทให้ชำนาญ นอกจากจะต้องทำได้ถูกเกือบทุกข้อแล้ว การฝึกบริหารเวลายังเป็นสิ่งสำคัญมากๆในการทำข้อสอบให้ทันทุกข้อด้วย
Read Read Read! It’s impossible to score well on the SAT if you can’t read well. จากวันนี้จนถึงวันสอบ น้องๆต้อง implement นิสัยการอ่านให้เป็นส่วนหนึ่งในทุกๆวันให้ได้ เช่น สัญญากับตัวเองว่า ทุกเช้าจะต้องอ่านบทความอย่างน้อย 1 เรื่อง หรือ ทุกครั้งก่อนเล่น facebook เล่น IG จะทำข้อสอบ Reading ให้เสร็จก่อน 1 เรื่อง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา น้องๆ ที่ทำคะแนนได้เกิน 650 ส่วนใหญ่เป็นยอดนักอ่านเลย ทำให้น้องมีความรู้รอบตัวดีมากๆ และคลัง Vocab ของน้องก็เยอะมากเช่นกัน
Do Practice Test ของ College Board แน่นอนว่าข้อสอบเหมือนจริงมากเพราะเขาเป็นคนออกข้อสอบเอง และใจดีทำออก มาให้เราได้ฝึกฟรีๆถึง 8 ชุด แนะนำให้น้องๆ ทำอย่างน้อย 4 ชุดก่อนไปสอบจริง เพื่อทำความคุ้นเคยกับโครงสร้างและแนวข้อสอบ SAT น้องๆสามารถหาซื้อเจ้า Big Blue Book ได้ตามร้านหนังสือทั่วไป หรือดาวน์โหลดมา print เองได้จากเว็บไซต์ https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/practice/full-length-practice-tests ถ้าน้องๆทำจนครบ 8 ชุดแล้ว สามารถฝึกทำต่อได้เลย พี่แนะนำตำราของ Erica L. Meltzer มีหลายเล่มทั้ง Grammar, Vocabulary, Reading และ Writing and Language practice ส่วนข้อสอบชุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับของจริงคือข้อสอบจาก Ivy Global ซึ่งมีทั้งแบบหนังสือและมีบางชุดออนไลน์ และข้อสอบ PSAT ซึ่งออกโดย College Board เช่นกัน
Pinpoint the weakness เวลาที่ฝึกน้องๆ ฝึกทำข้อสอบอย่าสนใจแต่คะแนนที่ได้ ต้องอ่านเฉลยให้ละเอียดเพื่อเข้าใจด้วยว่าทำไมข้อที่เราเดาจึงถูก หรือทำไมข้อที่เราเลือกจึงผิด ใน 8 Practice Tests ของ College Board มี Answer key explanation ที่ละเอียดมาก ซึ่งการทบทวนคำตอบเหล่านี้จะทำให้เราวิเคราะห์ตัวเองได้ว่าเรามีจุดอ่อนกับคำถามประเภทไหน และต้องฝึกอ่านหรือเปลี่ยนมุมมองอย่างไรเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องจริงๆ ไม่ใช่แค่เดาๆ
Vocabulary เป็นเหมือนกับ jigsaw หลายๆชิ้นที่เอามาประกอบกันเป็นเรื่องราว เวลาที่เราอ่านแล้วไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่เป็นเพราะคลังคำศัพท์ของเรายังไม่มากพอ ยิ่งถ้าคำนั้นที่เราไม่รู้จักเป็น key word สำคัญของเรื่อง อาจจะทำให้เราพลาดใจความสำคัญไปเลยก็ได้ นอกจากตัว passage แล้ว เรายังต้องเจอ Vocab ยากๆ ที่ College Board ชอบใช้ในการตั้งคำถามและใน choice อีกด้วย จึงไม่แปลกถ้าน้องจะอ่าน passage รู้เรื่อง แต่ยังคงตอบผิดเพราะแปลคำบางคำไม่ออก
วิธีการพัฒนา Vocab น้องๆ สามารถทำได้หลายอย่าง บางคนชอบท่องจำ บางคนชอบอ่านหนังสือเยอะๆ แล้วเดาความหมายจากบริบท บางคนชอบเปิด dictionary แล้วอ่านประโยคตัวอย่าง หรือบางคนชอบจดรวบรวมไว้ในสมุด น้องๆจะใช้วิธีการใดก็ได้ที่สนุกและได้ผลสำหรับน้อง เพื่อให้ Vocab เป็นเรื่องไม่น่าเบื่อและเป็นสิ่งที่น้องๆ จะทำได้อย่างสม่ำเสมอ
Tip&Trick ในการทำข้อสอบ SAT
ก่อนสอบเลย สิ่งที่น้องต้องรู้และแม่นก็คือ Test format and instructions เพราะเราไม่มีเวลามาอ่านคำสั่งเหล่านี้อีกแล้วในห้องสอบ น้องควรจะรู้แล้วว่า เรากำลังจะเจออะไรในพาร์ทไหน มีคำถามกี่ข้อ กี่นาที มีเวลาพักกินขนมและเข้าห้องน้ำตอนไหนบ้าง และมีกฎอื่นๆ อะไรอีกบ้าง เช่น ตอบผิดไม่ติดลบ ฉะนั้นอย่าเว้นข้อไหนว่างไว้
PART READING
ในพาร์ทที่ 1 Reading Test เคล็ดไม่ลับในการอ่านให้มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ
- Read actively ตั้งอกตั้งใจอ่าน ไม่เหม่อไม่หลุด ตามความคิดของนักเขียนให้ทัน บางคนอาจจะถนัดใช้นิ้วลากตามแต่ละบรรทัด บางคนอาจจะชอบขีดเขียนหรือทำสรุปเอาไว้ในภาษาของเราเอง ซึ่งน้องๆสามารถเขียนลงไปในกระดาษคำถามได้เลย ไม่มีใครว่าอะไร
- Read for a purpose ขณะที่อ่านต้องพยายามทำความเข้าไปใจด้วยว่า แต่ละคำ แต่ละตัวอย่าง แต่ละพารากราฟ กำลังทำหน้าที่อะไรของมันอยู่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับสิ่งที่นักเขียนต้องการจะสื่อ
- Half right is not right. แม้ว่าใจน้องจะอยากตอบข้อนั้นมากแค่ไหนก็ตาม ถ้ามันยังมีส่วนเล็กๆที่ผิดอยู่ชัดเจน อาจจะเป็นแค่คำๆเดียวที่ผิด มันก็คือคำตอบที่ผิด น้องอย่าไปเสียเวลากับมัน
Example
ตัวอย่างเช่นข้อนี้จากหนังสือเรื่อง Villette ของ Charlotte Bronte ในฉากที่ผู้เขียนบรรยายตัวละครที่ชื่อ Mr. Home ซึ่งเป็นพ่อของ Paulina
“ Mr. Home was a stern-featured—perhaps I should rather say, a hard-featured man: his forehead was knotty, and his cheekbones were marked and prominent. The character of his face was quite Scotch; but there was feeling in his eye, and emotion in his now agitated countenance. His northern accent in speaking harmonised with his physiognomy. He was at once proud-looking and homely-looking. He laid his hand on the child’s uplifted head. She said—“Kiss Polly.”…”
The description of Mr. Home primarily serves to
- demonstrate the duality of his character.
- emphasize his hard, cold nature.
- show the strong and obvious love he has for Paulina.
- reinforce his state of confusion.
ถ้าน้องๆ ตั้งใจอ่านในช่วงต้นพารากราฟที่บอกว่าเขาเป็นคนดุดัน ดูโหดๆ (stern-featured, hard-featured) จะสะดุดตากับ choice B (hard, cold nature) แต่ถ้าน้องๆตั้งใจอ่านช่วงท้ายของพารากราฟจะพบว่าเค้าเป็นพ่อที่อบอุ่น (there was feeling in his eye, homely-looking) ทำให้น้องอยากตอบ choice C (strong love for Paulina) ทั้ง B และ C ไม่ได้ผิดแบบ obviously wrong แต่มัน only half right โดยเก็บเอา key word บางอย่างมาได้ถูกต้องแต่ไม่ครบถ้วน ลองพิจารณาในข้อ A น้องจะเห็นคำว่า duality ซึ่งมันอาจจะไม่ได้หน้าตาเหมือนจะเป็นคำตอบที่ perfect ที่สุดเทียบกับ B และ C แต่มันรวมเอาทั้งสอง quality มารวมไว้ได้ครบถ้วนใน choice เดียว หลายครั้ง SAT จะชอบหลอกแบบนี้ คือ ทำให้คำตอบที่ถูกต้องมันไม่ถูกต้องแบบโจ่งแจ้งจนเกินไป
คำถามที่น้องๆถามกันบ่อยก็คือ เราควรอ่านเนื้อเรื่องก่อน หรืออ่านคำถามก่อน? ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำให้อ่านเนื้อเรื่องก่อนเพื่อเข้าใจภาพรวมและเห็น map of the passage พอตอบคำถามจะทำให้เรากลับมามองหา detail ได้ถูกที่และรวดเร็ว แต่บางคนก็แนะนำให้อ่านคำถามก่อน แล้วมาร์คเอาไว้ว่าเราต้องโฟกัสตรงไหนก่อนอ่านจริง พี่อยากให้น้องลองใช้ทั้งสองวิธีนี้กับตัวเอง คือ ข้อสอบชุดนี้ฝึกแบบนี้ ข้อสอบอีกชุดนึงลองทำอีกแบบ แล้วดูว่าตัวเราถนัดแบบไหนมากกว่า เพราะทั้งสองวิธีการนี้ใช้ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เวลาฝึกให้น้องลองสังเกตตัวเองว่าวิธีไหนที่ช่วยให้เรา ทำถูก และ ทำทัน ที่สุด
PART WRITING
ในพาร์ทที่ 2 Writing and Language Test
- น้องต้องเข้าใจก่อนว่าข้อสอบทั้ง 44 ข้อในพาร์ทนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ Expression of Ideas (Add/Delete/Change/Order) ประมาณ 24 ข้อ และ Standard English Conventions (Grammar) ประมาณ 20 ข้อ
- Read when you need. ถ้าคำถามนั้นเป็น Expression of Ideas หมายความว่าน้องต้องใช้เวลาอ่านให้เข้าใจ idea ในเนื้อเรื่องก่อน จึงจะตอบได้ว่าความคิดไหนเกี่ยว/ไม่เกี่ยว ขยาย/ไม่ขยาย support/ไม่support แต่ถ้าน้องเจอคำถามประเภท Grammar ไม่ต้องอ่านมากก็สามารถทำได้ เช่น เรื่อง Subject-Verb agreement, Pronoun agreement, Confusing words
- Know all the grammar rules. ชีวิตน้องจะง่ายขึ้นเยอะเลยถ้าน้องเห็นคำถามแล้วรู้ว่าเรากำลังโดนทดสอบเรื่องอะไร เช่น คำถามข้อนี้ที่ให้เรา revise ส่วนที่ขีดเส้นใต้
Example
Of all the Founding Fathers, Alexander Hamilton’s contributions to the establishment of the United States’ economy were unparalleled.
- NO CHANGE
- Even among those of all of the Founding Fathers, Alexander Hamilton’s contributions to the establishment of the United States’ economy
- Alexander Hamilton’s were the greatest, the contributions of all of the Founding Fathers
- Alexander Hamilton, more than any other contributions to the establishment of the United States’ economy
จริงอยู่ว่า ข้อสอบหลายๆข้อจะให้เราเลือก choice ที่สั้นกระชับ และได้ใจความ แบบ Shorter is better. แต่ถ้าน้องรู้ว่าข้อสอบข้อนี้ นอกจากจะหน้าตาเหมือนกฎ Grammar เรื่อง Concision แล้ว มันยังหน้าตาเหมือนกฎข้อ Logical comparison อีกด้วย และเมื่ออ่านดีๆ จะพบว่าเราตอบข้อ A ไม่ได้แม้ว่ามันจะประหยัดคำมากกว่า เพราะเป็นการเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่งที่เทียบกันไม่ได้ (fathers เทียบกับ contributions ไม่ได้) เราจึงต้องตอบข้อ B เพื่อให้ contributions ถูกเทียบกับ contributions (ใช้คำว่า those แทน) ในกรณีนี้เราจะยอมใช้คำฟุ่มเฟือยเพื่อให้ประโยคนี้ถูกหลักไวยากรณ์
การที่น้องๆ รู้กฎที่ออกสอบทั้งหมด นอกจากจะทำให้หาคำตอบที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังทำให้เราโฟกัสเรื่องที่ต้องอ่านก่อนสอบได้ดีขึ้นอีกด้วย เช่น ถ้าน้องรู้ว่า SAT จะออกข้อสอบ punctuation ตัวไหนบ้าง ก็ให้ไปโฟกัสเฉพาะตัวที่ออกสอบ ส่วนตัวที่ไม่ออกสอบก็ไม่ต้องอ่านเลย จะทำให้น้องประหยัดเวลา เอาไปอ่านเรื่องที่ออกสอบได้มากขึ้น
- Don’t jump read. ในพาร์ท Writing and Language นี้จะมีข้อที่ดูสั้นๆ และน่าทำก่อนอยู่หลายข้อ แต่น้องไม่ควรทำข้ามไปข้ามมา อย่าลืมว่าเรามีข้อ Expression of Ideas เกินครึ่ง การอ่านสลับข้อไปมาจะทำให้เราไม่เข้าใจ idea ได้โดยตลอดเรื่องและต้องเสียเวลามากกว่าในการกลับมาหาคำตอบในภายหลัง
- สำหรับข้อ placement หรือการเรียงตำแหน่งนั้น ลองสังเกตให้ดีน้องจะเห็นบางเรื่องมี ตัวเลขแบบนี้ –1–, –2–, … วางอยู่หน้าพารากราฟทุกย่อหน้า หมายความว่าน้องกำลังจะเจอคำถาม paragraph order ให้เปิดไปที่ดูที่ข้อสุดท้ายของเรื่องนั้นเลย ว่าเราต้องย้ายพารากราฟไหน เผื่อตอนที่เราอ่านไปแล้วมันไม่ make sense เราจะได้ไม่งง หากน้องเจอตัวเลขแบบนี้ [1], [2], … วางอยู่หน้าทุกประโยคในย่อหน้า ก็หมายความว่ามีคำถาม sentence order มาร์คไว้ก่อนเลยว่าประโยคไหนเป็นคำถามเช่นกัน
สุดท้ายนี้ พี่อยากบอกกับน้องๆ ทุกคนว่า หลักการและรูปแบบของข้อสอบ SAT Verbal ยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ปี 2016 ทั้งหัวข้อ แนวคำถาม และการคิดคะแนน เป็นข้อสอบที่มีความเฉพาะตัวค่อนข้างสูงและต้องอาศัยการฝึกฝนเตรียมตัวมาจนชำนาญ ทั้งในเรื่องของ History, Literature, Question Types, Grammar rules และ Vocabulary ที่ออกสอบอยู่บ่อยๆ มันไม่ใช่ข้อสอบที่จะบอกว่าใครเก่งหรือไม่เก่งภาษาอังกฤษเหมือนกับข้อสอบภาษาอังกฤษอื่นๆที่วัดทักษะการฟังพูดอ่านเขียนของเรา แต่เจ้าข้อสอบนี้มันบอกได้ว่าเราเตรียมตัวล่วงหน้ามาดีแค่ไหนก่อนไปสอบ น้องๆที่เคยลองสอบไปหลายรอบแล้วคะแนนยังน้อยอยู่ ไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่ง แต่เพราะว่าเรายังฝึกฝนมาไม่พอ หรือเรายังหาจุดอ่อนของตัวเองไม่เจอ และยังไม่ได้แก้ไขในจุดนั้น จำไว้ว่า If you approach the test the same way, you’re gonna get the same score.
สำหรับฤดูกาลสอบใหม่ในปี 2019 นี้ พี่ขอให้เป็นปีที่ดีของน้องๆทุกคนที่กำลังเตรียมตัว เวลาเจออะไรยากๆยิ่งต้องให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ I’m not telling you it’s gonna be easy, but I’m telling you it’s gonna be worth it. Good luck everyone.
และหากใครที่ต้องการตัวช่วยสำหรับการสอบ SAT พี่ข้าวก็ได้จัดคอร์ส SAT Verbal ไว้พร้อมช่วยเหลือน้องๆ ทั้งหมด 2 คอร์สด้วยกันนะคะ ได้แก่
คอร์ส Basic SAT Verbal
ในคอร์สนี้น้องๆ จะได้ฝึกเทคนิคสำคัญที่จำเป็นต่อการอ่าน การจับใจความสำคัญ (Main idea) การหาหลักฐานและเหตุผลสนับสนุน (Supporting details) ฝึกฝนการใช้คำศัพท์ที่จำเป็นต่อการอ่าน Academic text โดยพี่ข้าวจะเน้นย้ำการใช้ศัพท์ให้แม่นและนำไปใช้ได้จริงในข้อสอบ SAT ในส่วน Writing น้องๆ จะได้เรียนรู้และฝึกฝนหลัก Grammar ครบทุกหัวข้อที่ออกสอบ และฝึกฝนจนชำนาญ คอร์สนี้เหมาะสำหรับน้องทุกคนเพื่อปูพื้นฐานให้แน่นก่อนเริ่มทำข้อสอบจริง เมื่อเรียนจบคอร์สนี้น้องจะพร้อมลุยข้อสอบ SAT อย่างมั่นใจ เพราะได้เข้าใจวิธีการที่ถูกต้องในการ approach ข้อสอบแล้ว
คอร์ส Intensive SAT Verbal
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, SAT Subject Tests
คู่มือสำหรับพ่อแม่ที่อยากให้ลูกสอบติดคณะวิศวะอินเตอร์
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกเรียนวิศวะทุกท่านนะครับ…วันนี้ ignite จะขอมาแนะนำการ สอบเข้าคณะวิศวะอินเตอร์ ไม่ว่าจะ วิศวะอินเตอร์ จุฬาฯ , วิศวะอินเตอร์ ลาดกระบังฯ หรือ วิศวะอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ignite จะมาแนะนำว่าน้องๆ ต้องใช้คะแนนอะไร เพื่อยื่นเข้าวิศวะใน TCAS รอบ 1…รู้ก่อน สอบติดก่อน มาวางแผนการเรียนให้ลูกสอบติดก่อนใครกับ ignite ได้เลยครับ คะแนนที่ต้องใช้ เพื่อยื่นเข้า วิศวะอินเตอร์ TCAS รอบ 1 1. Math หรือผลสอบความสามารถทางคณิตศาสตร์ ผลสอบวิชาคณิตศาสตร์ คือ คะแนนที่มหาวิทยาลัยที่เปิดรับคณะวิศวะอินเตอร์ ส่วนใหญ่กำหนดให้น้องๆ ใช้เป็นคะแนนในการยื่นเพื่อพิจารณานะครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วน้องๆ มักจะเลือกสอบอยู่ 2 ตัวด้วยกันคือ SAT Math และ CU-AAT Math ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังไม่แน่ใจว่าข้อสอบทั้ง 2 อย่างแตกต่างกันอย่างไร…ignite จะขอแนะนำให้ ณ ที่นี่เลยครับ […]
Comments (0) -
Blog
เทคนิคการเลือกวิชา IGCSE, A-Level ให้ได้คณะในฝัน
การเลือกวิชาใน IGCSE และ A-Level นั้นถือว่าสำคัญมากๆ เพราะเป็นการกำหนดอนาคตที่ใช้ยื่นคะแนนเข้าคณะในฝันของนักเรียนทุกคนที่เรียนหลักสูตรอังกฤษ เพราะหลักสูตรนี้ถือว่าได้รับการยอมรับในสากลจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก นักเรียนหลายคนมักจะสับสนว่าควรเลือกวิชาที่ชอบ หรือวิชาที่จำเป็นดีกว่า ดังนั้นวันนี้พี่ๆ ignite จะมาแนะนำเทคนิคการเลือกแบบเข้าใจง่ายๆ ให้น้องๆ กันครับ ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย !! ทำความรู้จักหลักสูตร IGCSE vs A-Level จากภาพด้านบน กล่าวได้ว่า IGCSE นั้นคือหลักสูตร 2 ปีสำหรับน้องๆ Year 10-11 ที่เป็นการเตรียมปูพื้นฐานวิชาให้มีองค์ความรู้รอบด้านและแน่นพอที่จะเลือกเรียนวิชาในขั้นสูงกว่า หรือการทำ A-Level อีกสองปี เพื่อยื่นคะแนนทั้ง 3 วิชานี้เข้ามหาวิทยาลัยที่น้องๆ ต้องการ ต่อมาเรามาดูกันว่าเราควรเลือกเรียนวิชาอะไรให้ตรงกับคณะที่เราต้องการเข้าศึกษาต่อ มาเริ่มกันที่หลักสูตรแรกนั้นก็คือ IGCSE เทคนิคการเลือกวิชา IGCSE โดยวิชาที่น้องๆ สามารถสอบได้ใน IGCSE นั้นแบ่งออกเป็น […]
Comments (0) -
Blog, CU-ATS/CU-AAT
ข้อสอบ ACT คืออะไร? มารู้จักอีกหนึ่งโอกาส สอบติดคณะอินเตอร์
ข้อสอบ ACT คืออะไร? คงเป็นคำถามที่น้องๆ ทีมอินเตอร์สงสัยกันมากที่สุดตอนนี้ !!! หลังจากที่ข้อสอบ SAT Subject tests ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ ทำให้มหาวิทยาลัยในไทยที่เปิดสอนหลักสูตรอินเตอร์ต่างพากันเบนเข็มมาเปิดรับคะแนน ACT กันมากขึ้น ไม่ว่าจะคณะวิศวะหรือวิทยาศาสตร์ ดังนั้นใครที่อยากสอบติด TCAS รอบ1 ต้องมารู้จักกับข้อสอบ ACT ที่เป็นอีกหนึ่งโอกาสทำให้น้องๆสอบติดคณะอินเตอร์ยอดฮิตนะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านพร้อมกันได้เลย…ignite เตรียมข้อมูลพร้อมเสิร์ฟให้น้องๆ แล้วครับผม ข้อสอบ ACT คือ ACT หรือ American College Testing Assessment คือ ข้อสอบมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาใช้วัดระดับทักษะด้านการใช้เหตุผล การคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา และการสื่อสารที่จำเป็นในการเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ที่เปิดรับนักศึกษาจากระบบ TCAS รอบ1 มักจัดหมวดหมู่คะแนน ACT ให้อยู่ประเภทเดียวกับคะแนน SAT หรือ SAT […]
Comments (0) -
Blog, GED
เรียน Homeschool คืออะไร? เรียนยังไงให้ได้วุฒิ ด้วย GED
สวัสดีน้องๆและผู้ปกครองทุกคนนะคะ พี่เชื่อว่าหลายๆ คน คงจะรู้จัก GED หรือการสอบเทียบวุฒิมาบ้าง ไม่มากก็น้อย และก็คงจะเคยได้ยินคำว่า การเรียนแบบ Home School กันมาบ้าง วันนี้พี่จะมาคลายทุกข้อสงสัย ว่าการเรียนแบบ Homeschool คืออะไร? มีความแตกต่างกับการเรียนในโรงเรียนอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง และการเรียนแบบ Homeschool จะยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้อย่างไร ก่อนอื่นอยากจะมากระซิบก่อนเลยว่า การสอบ GED เป็นการเพิ่มโอกาสในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับน้องๆ ที่เรียนแบบ Homeschool มากๆ น่าสนใจขนาดนี้แล้ว งั้นไปดูกันทีละหัวข้อเลยค่า การเรียนแบบ Homeschool คืออะไร ? Home School นั้นถูกจัดว่าเป็นประเภทหนึ่งของการจัดการศึกษาให้เด็กในวัยเรียน โดยอิงตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ซึ่งครอบครัว พ่อแม่ สามารถจัดการการศึกษาพื้นฐานให้แก่เด็กเอง โดยที่ไม่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐ หรือเอกชน หรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ […]
Comments (0)
Comments