5 ไวยากรณ์ที่น้องๆ มักมองข้ามจนพลาด Band IELTS Writing

5 Common Grammar Mistakes in IELTS Writing
สวัสดีครับน้องๆทุกคน ใครกำลังเตรียมตัวสอบ IELTS อยู่บ้างเอ่ย??? สำหรับบทความนี้ ดร.พี่กั๊กขอมาแชร์ 5 ไวยากรณ์ที่น้องๆ มักจะทำผิดในการเขียน IELTS Writing ทำให้คะแนนในพาร์ทของ GRA หรือ Grammatical Range ถูกหักไป และเป็นส่วนที่ทำให้น้องไปไม่ถึง Band 7.0 กันครับ

IELTS Writing - Past Simple Tense VS Present Perfect Tense
เรื่องที่ 1 ที่น้องๆ มักสับสน คือ การใช้ Tense ในการเขียน ซึ่งพี่กั๊กได้คัดมาให้น้องๆ แล้วว่า Tense ที่น้องๆ มักจะสับสนที่สุดคือ Past Simple Tense และ Present Perfect Tense เราไปดูความแตกต่างระหว่าง 2 Tenses นี้กันเลยครับ
- Past Simple Tense คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีตแล้ว อาจมีคำบอกเวลา เช่น yesterday, last month, …ago, when I was young เป็นต้น โดยมีโครงสร้างคือ Subject + V.2 เช่น We went to Japan last month.
ส่วนในรูปประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม จะใช้ “did” เข้ามาช่วยและตามด้วย V. Infinitive เช่น I didn’t finished the assignment on time. หรือ Did you go to the movies last night? - Present Perfect Tense จะใช้พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ส่งผลมายังปัจจุบัน หรือปัจจุบันนี้เรื่องนั้นยังไม่จบ มักมีคำบอกเวลา เช่น since (บอกจุดเริ่มต้นของเวลา), for (บอกผลรวมระยะเวลา), ever since, so far, และ up to now เป็นต้น โดยมีโครงสร้างคือ Subject + has/have + V.3 เช่น Ryan has lived in Bangkok for 3 years.
นอกจากนี้ Present Perfect Tense ยังสามารถใช้เล่าถึงการกระทำที่เพิ่งจบลงใหม่ๆหรือเพิ่งเสร็จสิ้นก่อนที่จะพูดไม่นานนัก เช่น My mother has just returned from New York. เป็นต้น

Conditional Sentences / If Clauses
เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องประโยคเงื่อนไข หรือ Conditional Sentences ซึ่งเป็นเรื่องที่น้องๆ สับสนกันเยอะมากๆ พี่กั๊กเลยขอสรุปให้น้องๆ ว่า Conditional Sentences หรือ If Clauses โดยทั่วไปจะมีทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้
- Zero Conditional Sentences หรือ If Clause type 0 ใช้กับเงื่อนไขที่เป็นความจริงทางธรรมชาติหรือทางวิทยาศาสตร์
โดยมีโครงสร้าง คือ If + present simple, present simple. เช่น If you heat water at 100 degrees, it boils.
- First Conditional Sentences หรือ If Clause type 1 ใช้กับเหตุการณ์ที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ในปัจจุบันหรืออนาคต
โดยมีโครงสร้าง คือ If + present simple, will + infinitive เช่น If it rains, I will stay at home. - Second Conditional Sentences หรือ If Clause type 2 ใช้กับเหตุการณ์สมมติที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบันหรือสิ่งที่ผู้พูดคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น (ในกรณีที่เป็น V. be จะผันเป็น “were” กับทุกประธาน)
โดยมีโครงสร้าง คือ If + past simple, would + infinitive เช่น If I were a millionaire, I would buy my dream car. - Third Conditional Sentences หรือ If Clause type 3 ใช้กับเหตุการณ์สมมติที่ไม่เป็นจริงในอดีต หรือใช้เพื่อแสดงความเสียดายในสิ่งที่ควรทำในอดีต
โดยมีโครงสร้าง คือ If + past perfect, would have + V.3 เช่น If she had studied harder, she would have passed the exam.

Articles ในภาษาอังกฤษที่เราใช้จะมีแค่ A/ An/ The
เรื่องที่ 3 คือ Articles ถึงแม้ว่า Articles ในภาษาอังกฤษที่เราใช้จะมีแค่ A/ An/ The แต่เชื่อไหมครับว่า น้องๆ มักใช้สลับกันในการเขียน IELTS Writing เราไปดูหลักการใช้ที่ถูกต้องของ Articles เหล่านี้กันครับ
- “A/ An” ทั้งสองตัวนี้ ถูกเรียกว่าเป็น “indefinite articles” จะใช้นำหน้าคำนามทั่วๆไป ไม่เฉพาะเจาะจง หรือเป็นการกล่าวถึงสิ่งนั้น หรือคนนั้นเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ Article A จะใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ส่วน An จะใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ (a, e, i, o, u) ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นบางประการสำหรับกฎของการใช้ “A” หน้าพยัญชนะและการใช้ “An” หน้าสระ โดยถ้าคำนามนั้นขึ้นต้นด้วยสระแต่ออกเสียงเหมือนพยัญชนะ ให้ใช้ Article “A” เช่น “A university” แต่ถ้าคำนามนั้นขึ้นต้นด้วย “h” ที่ไม่มีการออกเสียง กรณีนี้ให้ใช้ “An” นำหน้า เช่น “An hour, An honest man” เป็นต้น
- “The” จัดเป็น “definite articles” ใช้นำหน้าคำนามที่เฉพาะเจาะจง หรือมีการกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ หรือคำนามที่เรารู้อยู่แล้วว่าหมายถึงสิ่งไหน คนไหน นอกจากนี้ พี่กั๊กเลยขอแชร์กลุ่มคำนามที่ต้องใช้ Article “The” นำหน้าเสมอ ได้แก่
- ชื่อแม่น้ำ ทะเล มหาสมุทรต่างๆ เช่น the Pacific Ocean, the Black Sea และ the Nile River
- ทะเลทราย อ่าว ป่า และแหลมต่างๆ เช่น the Amazon, the Sahara Desert และ the Gulf of Mexico
- อาชีพต่างๆ เช่น an engineer, a teacher หรือ a lawyer
ส่วนในกรณีที่เป็นคำนามต่อไปนี้ เราจะไม่ใช้ Article “The” นำหน้า ได้แก่
- หน้าชื่อเฉพาะ เช่น Queen Elizabeth, Barack Obama หรือ Jane Smith
- ชื่อประเทศต่างๆ เช่น Italy, Thailand หรือ Saudi Arabia
- กีฬาประเภทต่างๆ เช่น badminton, football หรือ tennis
- ภาษาต่างๆ เช่น English, Thai หรือ Chinese
- ชื่อวิชาต่างๆ เช่น Physics, English หรือ Biology

การใช้ Commas
ถัดมาเรื่องที่ 4 คือ การใช้ Commas ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น้องๆใช้ผิดกันจำนวนมากเลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่ใช้ Comma ผิดที่ก็อาจทำให้ความหมายของสิ่งที่เราจะสื่อผิดเพี้ยนไปคนละเรื่องเลยนะครับ เราไปดูกันว่า หลักการใช้เครื่องหมาย Comma ที่ถูกต้องเป็นอย่างไรกันครับผม
- ใช้แยกรายชื่อหรือรายการแต่ละสิ่งออกมา แต่ 2 สิ่งสุดท้ายจะแยกโดยการใส่เครื่องหมาย comma (,) และตามด้วย “and” หรือ “or” เช่น This afternoon I went to the Grand Palace, the Temple of Dawn, Yaowarat, and Chatuchak Weekend Market.
- ใช้เพื่อเพิ่ม Non-defining relative clauses (อนุประโยคที่ขยายคำนามทั่วไป) หรือรายละเอียดที่ไม่สำคัญอื่นๆ และความคิดเห็นต่างๆ โดยจะใส่เครื่องหมายไว้ด้านใดก็ได้ เช่น My friend, Lisa, likes to go hiking.
- ใช้คั่นระหว่างประโยค Independent clauses สองประโยคที่มีคำเชื่อม FANBOYS (for, and, nor, but, or, yet, so) คั่นตรงกลาง เช่น I know that she was hungry, but she didn’t eat anything.

Subject-Verb Agreement
เรื่องสุดท้ายคือ Subject-Verb Agreement หรือความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยา น้องๆ หลายคนต้องเสียคะแนนไปกับการที่ใช้กริยาไม่สอดคล้องกับประธาน ดังนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น้องๆ มองข้ามไม่ได้เลยนะครับ วันนี้พี่กั๊กขอรวบรวมหลักการผันกริยาให้สอดคล้องกับประธานที่น่าจะมีประโยชน์ต่อการเขียน IELTS Writing มาให้ครับ
- นามเอกพจน์ใช้กริยาเอกพจน์ (เติม s,es) นามพหูพจน์ใช้กริยาพหูพจน์ เช่น There are some eggs in the kitchen.
- Some/any/every/no + one/body/thing ใช้กริยาเอกพจน์ เช่น Nobody finishes the writing assignment.
- Expressions of time, money, measurement, and weight เป็นคำนามเอกพจน์เสมอจึงต้องตามด้วยกริยาเอกพจน์ เช่น Five thousand miles is too far too travel.
- One of the ต้องตามด้วยคำนามพหูพจน์แต่สอดคล้องกับกริยาเอกพจน์ เช่น One of the boys is yelling so loud.
- คำเชื่อม or, nor, either…or, neither…nor, not only…but also ผันกริยาตามนามที่ใกล้กริยา เช่น An ID card or a driver’s license is required.
- All, any, none, some ตามด้วยคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ และผันกริยาตามคำนามนั้นๆ เช่น All students love Mr. Jim.

ครบแล้วนะครับสำหรับ 5 เรื่องไวยากรณ์ที่น้องๆ มักมองข้ามจนทำให้ถูกหักคะแนน IELTS Writing พี่กั๊กหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อน้องๆ และขอให้น้องนำไปประยุกต์ใช้ในงานเขียนของตนเองและคว้า IELTS 7.0 มาฝากพี่กั๊กนะครับ พี่กั๊กยังมีบทความ และเทคนิคดีๆ ในการทำข้อสอบ IELTS ให้น้องๆ ได้ศึกษาอีกเยอะเลยที่ link >> https://www.ignitebyondemand.com/category/ielts/

สุดท้ายนี้ ถ้าน้องๆ อยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการสอบ IELTS ทาง iginite by OnDemand ของเราก็มีคอร์สที่เก็บครบทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน และเขียน พร้อมแชร์ทุกเทคนิคที่สำคัญต่อการอัพคะแนน
ยิ่งไปกว่านั้น น้องๆ นักเรียนคอร์ส IELTS ของ ignite ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งการสอบ IELTS Mock Exam กับ Examiners, กิจกรรม IELTS Writing & Speaking Workshop, และการส่งตรวจการบ้าน Writing แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง หากสนใจสมัครคอร์สเรียนไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม สามารถสมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line@ ด้านล่างได้เลยครับผม
สามารถดูรายละเอียดคอร์ส IELTS เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/ielts/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, SAT Reading and Writing, SAT
แชร์เทคนิคพิชิตข้อสอบ SAT Reading and Writing ประเภท Vocabulary in Context
สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย เตรียมตัวในการสอบ SAT ไปถึงไหนกันแล้วบ้างครับ หลายๆ คนคงเริ่มเรียนและฝึกฝนทำโจทย์ SAT กันอยู่เพื่อพิชิตคณะในฝัน วันนี้พี่แพททริคจึงขอมาให้กำลังใจพร้อมทั้งแชร์เทคนิคพิชิต ข้อสอบ SAT Reading and Writing กันครับ น้องๆ รู้มั้ยเอ่ยว่าข้อสอบประเภท Vocabulary in Context เนี่ย ก็เป็นข้อสอบอีกประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญมากๆ และสามารถช่วยเราเพิ่มคะแนนสอบได้ เพราะว่ามีข้อสอบประเภทนี้ถึง 8-9 ข้อต่อชุด (อ้างอิงจาก Official SAT Practice Tests ชุดที่ 8-9 โดย College Board) นับว่าเกือบจะเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนข้อสอบทั้งหมดเลยทีเดียว (ข้อสอบพาร์ท Reading มีทั้งหมด 52 ข้อ) ดังนั้น หากน้องๆ สามารถเก็บคะแนนในส่วนนี้ได้ทั้งหมด โอกาสในการพิชิต Perfect Score ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยครับ หลังจากรู้ถึงความสำคัญที่จะต้องพิชิตข้อสอบ Vocabulary […]
Comments (0)
-
Blog, GED
รวมคำถามยอดฮิต GED อยากสอบติดม.ดังต้องได้คะแนนเท่าไหร่ถึง SAFE!
สวัสดีค่าน้องๆ ตั้งแต่ ignite เริ่มให้คำแนะนำเรื่องการวางแผน เตรียมตัวสอบ GED ก็มีน้องๆ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบข้อสอบตัวนี้หลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น GED ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยไหน คณะไหนได้บ้าง? แล้วต้องมีคะแนน GED เท่าไรถึงจะ SAFE? วันนี้พี่หมิงเลยรวบรวมคำถามที่โดนถามบ่อยๆ พร้อมมาให้คำแนะนำดีๆ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้น้องๆ เตรียมตัวสำหรับการสอบ GED ได้อย่างไม่พลาดเป้า แถมยังได้ Perfect score ด้วยนะคะ ไปดูกันเลยค่า! 1. อยากเข้าอินเตอร์ ม.ดัง คะแนน GED เท่าไหร่ถึง SAFE! คณะส่วนใหญ่ของกลุ่ม มหาวิทยาลัย จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์อินเตอร์ จะตั้งเกณฑ์รับนักเรียน GED ตามเกณฑ์ที่ ทปอ. กำหนด นั่นก็คือ คะแนนรวม […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT, SAT Subject Tests
บทสัมภาษณ์ “ISE อันดับ 1 ปี 64” น้องวิน กรุงเทพคริสเตียน
สวัสดีครับวันนี้พี่แอดมินพา ignite idol ดีกรี “อันดับ 1 ISE CU ปีล่าสุด” อย่างน้องวินจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน มาแนะนำเคล็ดลับการเตรียมตัวสอบเข้าคณะวิศวะอินเตอร์ยอดฮิต ให้น้องๆ ว่าที่วิศวะทุกคนได้มีแนวทางการเตรียมตัวในการสอบเข้านะครับ พี่วินพร้อมมาเจอน้องๆแล้ว…พร้อมแล้วไปกันเลย Timeline เตรียมตัวสอบเข้า ISE CU จากน้องวิน อันดับ 1 ปีล่าสุด พี่เริ่มเตรียมตัวสอบเข้า ISE CU ตอนม.5 ครับ ถือว่าเป็นการเตรียมตัวที่ไม่ช้าไป ไม่เร็วไป แต่ในกรณีของพี่จะต้องเจอกิจกรรมของโรงเรียนที่เราได้ไปมีบทบาทสำคัญอย่างตอนม.5 ที่เป็นฝ่ายเขียนโค้ด แปรอักษรงานจตุรมิตรสามัคคี และม.6 ที่จัดงานวันเกิดให้กับทางโรงเรียน…กิจกรรมเหล่านี้ค่อนข้างกินเวลาชีวิตเราพอสมควร ทำให้พี่ต้องวางแผนจัดการเวลาในการเตรียมตัวสอบเข้า ISE CU ให้รอบคลอบมากที่สุด เริ่มจากม.5 พี่ได้สมัครคอร์ส Engineer pack ของ ignite ครับ ซึ่งเป็นคอร์สแพ็คสำหรับคนที่อยากสอบเข้าคณะวิศวะโดยเฉพาะ ตอนนั้นพี่สมัครสอบครั้งแรกในรอบ Nov โดยได้คะแนนสอบ SAT Subject tests ดังนี้ครับ วิชา Chemistry […]
Comments (0)
-
Blog
BJM คืออะไร? เรียนอะไรบ้าง? อยากสอบติดต้องทำอย่างไร?
สวัสดีน้องๆ สายศิลป์ทุกคนนะครับ พี่แอดมินพาคณะอินเตอร์ปังๆ มาแนะนำให้พวกเราได้รู้จักกันอีกแล้ว…วันนี้มาพบกับ BJM คณะอินเตอร์ยอดฮิตที่รับรองว่าตรงใจชาวสายศิลป์หลายคนแน่นอน ไม่พูดพร่ำทำเพลง เราไปทำความรู้จักกันว่า คณะ BJM คืออะไร? ในหลักสูตรเรียนอะไรบ้างกันเลยดีกว่า BJM คืออะไร? เรียนอะไร? BJM หรือ Bachelor of Arts Program in Journalism (Mass Media Studies) คือ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน สาขาวิชาสื่อ หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น้องๆ นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า คณะวารสารอินเตอร์หรือ BJM นั้นเอง สำหรับหลักสูตรนี้จะมีความคล้ายคลึงกับคณะนิเทศศาสตร์ที่พวกเราคุ้นเคยกันอยู่พอสมควรครับ แต่ที่ BJM จะเน้นเรียนครอบคลุมมากกว่า ไม่มีการเลือกสาขา เฉพาะเจาะจงแต่น้องจะได้เรียนครบเกี่ยวกับสื่อในทุกด้าน ตั้งแต่การผลิต ออกแบบ สร้างสรรค์ ภาพยนตร์ โฆษณา ประชาสัมพันธ์หรือวิทยุและโทรทัศน์ ไปจนถึงเรียนการบริหารการสื่อสาร ซึ่งรุ่นพี่แอบกระซิบมาว่าที่นี่เน้นเรียนปฏิบัติ น้องจะได้ศึกษาทั้งการเป็นเบื้องหน้าและเบื้องหลัง รับรอบว่ามาเรียน […]
Comments (0)
Comments