เจาะลึกเส้นทางสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก “University of Cambridge” น้องพรอมท์ Shrewsbury International School

กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับบทสัมภาษณ์ ignite Idol น้องพรอมท์ Shrewsbury International School ที่เพิ่งสอบติดคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษปีล่าสุดมาหมาดๆ … ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจของประเทศไทยและ ignite มากๆ ที่สามารถส่งเด็กไทย ไปคว้าที่นั่งในคณะแพทย์เคมบริจด์ ได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นคณะแพทย์ที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับว่าสอบเข้ายากที่สุดในโลก
วันนี้พี่แอดมินขอพาน้องพรอมท์ มาเจาะลึกเส้นทางสู่คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดเผยเส้นทางสู่การสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก ให้เด็กไทยทุกคนที่มีความฝันได้ศึกษาแนวทางการเตรียมตัวที่ถูกต้อง…พี่แอดมินเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้ประเทศไทยได้คุณหมอที่มีศักยภาพระดับโลกกลับมาพัฒนาวงการสาธารณสุขไทยเพิ่มอย่างแน่นอนครับ
ได้ยินว่าน้องพรอมท์อยากเป็นหมอ เพราะต้องการทำงานที่ช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น? เรื่องนี้มีที่มา ที่ไปอย่างไรครับ
ใช่ครับ…จริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ ด้วยความที่ยังเด็กมาก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรไปตอนนั้น แต่พอโตขึ้นผมได้มีโอกาสไปสอนหนังสือให้น้องๆ ผู้พิการทางสายตา ภาพที่เห็นคือพวกเขามีความสุขกับสิ่งที่ผมมอบให้มากๆ เลย มันเหมือนเราได้เข้าไปมอบโอกาสและทำในสิ่งที่เขาต้องการความช่วยเหลือ พลังบวกของน้องๆทุกคนในวันนั้น เข้ามาเติมเต็มชีวิตวัยเด็กของผมและเป็นคำตอบว่าเราควรเดินต่อในเส้นทางสายหมอ เพราะอยากช่วยเหลือและทำให้คนอื่นได้รับโอกาสในการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นครับ โดยจริงๆ แล้ว ณ ตอนนั้น ผมลังเลว่าตัวเองควรจะเป็นหมอหรือครูด้วยนะครับ แต่เรามีความถนัดทางด้านวิทยาศาสตร์ เลยรู้สึกว่าถ้าได้นำความรู้ด้านนี้ไปต่อยอด คงสามารถสร้างประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่นได้มากกว่าครับผม
จุดเริ่มต้นในการสอบติดแพทย์เคมบริดจ์ช่างเลือนลาง ใครต่อใครก็บอกให้เผื่อใจไว้บ้าง
หลายคนบอกให้ทำใจไว้เลย เราอาจสอบไม่ติดแพทย์เคมบริจด์
ในรอบหลายปีมีคนไทยไม่กี่คน…ที่ได้รับโอกาสนั้น

ตอนที่ผมตัดสินใจว่าอยากลองเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ…ค่อนข้างมีหลายคนมาบอกว่ามันยากมากเลยนะ อยากให้เราทำใจเอาไว้ว่าอาจมีโอกาสพลาดก็ได้ เนื่องจากประเทศไทยแต่ละปี มีคนไทยไม่กี่คนที่สามารถสอบติดแพทย์เคมบริจด์
ถามว่ากังวลมั้ย ตอบตามความจริงก็คือกังวลมากครับ เพราะเราตั้งความหวังไว้สูงว่าต้องเป็นหมอให้ได้ แล้วยิ่งถ้าได้เป็นหมอที่จบจากเคมบริจด์ คงจะน่าภูมิใจมากๆ แต่โอกาสมันมาถึงแล้ว จะให้ทิ้งไปเพราะความกลัว…คงไม่ใช่ตัวผมสักเท่าไหร่ (หัวเราะ)
ตอนนั้นผมเลยเลือกที่จะเตรียมตัวสอบเข้าแพทย์เคมบริจด์ ควบคู่กับการเตรียมตัวสอบเข้าแพทย์ไทย รอบ Portfolio ซึ่งคะแนนและขั้นตอนการสอบเข้าในไทยและอังกฤษ ก็มีส่วนที่เหมือนและต่างกันพอสมควรครับ แต่เมื่อเราเลือกมาทางนี้แล้วก็ขอสู้กับมันอย่างเต็มที่ก็แล้วกัน
สิ่งที่ใช้ยื่นสอบเข้าคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ

สำหรับคะแนนสอบที่ต้องยื่นให้คณะแพทย์เคมบริดจ์ ในรูปแบบที่ผมใช้ยื่นนั้น จะเป็น Requirements สำหรับนักเรียนนานาชาติ (ทุกประเทศที่ไม่ใช่อังกฤษ) ซึ่งถ้าเป็นนักเรียนในประเทศอังกฤษก็จะมีรูปแบบ Requirements แตกต่างกันออกไปครับ
คะแนนสอบ IGCSE, AS Level, A-level
ผมใช้คะแนน IGCSE ที่สอบไปตอน Year 11 (เทียบเท่ากับม.4 ในโรงเรียนไทย) และใช้คะแนนของ AS level ที่สอบตอน Year 12 (เทียบเท่ากับม.5 ในโรงเรียนไทย) และให้อาจารย์ที่โรงเรียนประเมินทักษะความรู้ที่ผ่านมาของเรา เพื่อแปลงเป็นผลคะแนน A-level ในการใช้ยื่นให้กับทาง University of Cambridge เนื่องจากกำหนดการยื่นคะแนนวันสุดท้ายคือ 1 ตุลาคม 2020 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการสอบ A-level ค่อนข้างหลายเดือน โดยทางคณะแพทย์เคมบริดจ์ ได้กำหนดให้ยื่นคะแนน IGCSE, AS Level, A-level 3 วิชา ได้แก่ Chemistry, Biology, Physics หรือ Math แต่ตอนที่ผมยื่น ผมใส่ไปครบทั้ง 4 วิชาเลยครับ
Personal Statement
คณะแพทย์เคมบริดจ์ กำหนดให้ Personal Statement ของเรามีทั้งหมด 4,000 คำ ครับ ต้องแจ้งให้ทราบว่าแพทย์เคมบริดจ์ ไม่ได้ให้เรายื่น Portfolio ไปเหมือนแพทย์ไทย ผมเลยเลือกที่จะโชว์ศักยภาพของเราให้เขาได้เห็นมากที่สุดใน Personal Statement ซึ่งจะเน้นไปทางด้าน Academic เพราะเคมบริจด์ ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องวิชาการ ผมเลยใส่ผลงานหรือกิจกรรมที่ได้รับรางวัลด้านวิชาการมากกว่าผลงานด้านอื่นๆ ครับ
EPQ (Extended Project Qualification)
สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าส่งผลให้เราสามารถสอบติดคณะแพทย์เคมบริดจ์ นั่นก็คือ EPQ (Extended Project Qualification) ผลงานนี้ทางเคมบริดจ์ไม่ได้บังคับให้ยื่นและโรงเรียนก็ไม่ได้บังคับให้เราเรียนด้วยครับ มันเป็นเหมือนโครงการวิจัยที่เราสร้างขึ้นมาเองและทำเองทุกอย่าง โดยต้องเขียนบรรยายทั้งหมด 6,000 คำและทำ Presentations นำเสนอให้กับกรรมการของทางโครงการด้วยครับ ผมทำวิจัยเกี่ยวกับการนอน เป็นเรื่องเกี่ยวกับฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการนอน เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจ อีกอย่างผมก็ชอบนอนมากด้วย (หัวเราะ)
ทำไมผมถึงบอกว่า EPQ สำคัญเหรอครับ…เพราะเคมบริดจ์ เป็นคณะแพทย์ที่เน้นการเรียนการสอนเกี่ยวกับการวิจัย และการที่เรายื่นผลงานด้าน Research ที่มีมาตรฐานรับรองจากคณะกรรมการ มันก็ตอบโจทย์ความต้องการของมหาวิทยาลัย ทางเคมบริดจ์จะได้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการทำวิจัย
สิ่งที่เหมือนกับการยื่นเข้าแพทย์เคมบริจด์ของคณะแพทย์ ในไทยคือคะแนน BMAT และ IELTS
สำหรับ IELTS ผมได้ 8.0 ครับ ตอนนั้นเรียนกับ ignite ครับ รู้สึกช่วงนั้นเป็นช่วง COVID-19 ที่ระบาดในไทยระลอกแรก แล้วก็โดน Lock Down… ทำให้มีเวลามากขึ้น เราก็เลยถือโอกาสเรียนสมัครคอร์ส IELTS กับ ignite แล้วเรียนอัดรัวๆ ในช่วงนั้นไปเลยครับ ซึ่งสอบ IELTS ครั้งแรกก็ได้ 8.0 เลย
คณะแพทย์เคมบริดจ์ให้ความสำคัญกับทักษะด้านวิชาการมาก
คะแนน BMAT จึงเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา
น้องๆ ที่อยากสอบติดคณะแพทย์ เคมบริดจ์ พี่แนะนำให้เราเตรียมตัวและให้ความสำคัญกับ BMAT มากๆนะครับ…
เทคนิคพิชิต BMAT ให้สอบติดคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ

ผมสอบ BMAT ครั้งแรกตอน Year 12…ครั้งนั้นยังไม่ได้เตรียมอะไรไปก่อนสอบเลยครับ ไปลองสอบให้รู้แนวข้อสอบ ผลออกมาได้คะแนนแค่ 14.4 ตอนนั้นเราได้ Part 1 กับ 3 น้อยมาก พอรู้แล้วว่าจุดอ่อนคืออะไร ผมเลยรีบมาสมัครเรียน BMAT กับ ignite จนมาสอบอีกครั้งได้ 17.6 เพิ่มขึ้นเยอะมากครับ ก่อนสอบเราก็ได้ไป Boot Up กับ ignite และฝึกทำ Past papers, IMAT และ TSA ให้เยอะที่สุด
- BMAT Part 1 : Thinking skills ประกอบด้วย Problem solving และ Critical thinking ผมแนะนำให้ศึกษาแนวโจทย์และฝึกทำบ่อยๆ ให้แม่นยำ เพราะเนื้อหาพาร์ทนี้ไม่ใช่สิ่งที่มีสอนในโรงเรียน เราต้องแม่นแนวข้อสอบถึงจะตอบถูก ตอนสอบครั้งแรกเราได้คะแนนน้อยมากแต่พอมาได้เรียนที่ ignite เราถึงจับทางถูกว่า BMAT Part 1 ควรตอบอย่างไร
- BMAT Part 2 : Scientific Knowledge and Applications มีเนื้อหาที่ครอบคลุมวิชา Chemistry, Biology, Physics และ Math สิ่งสำคัญมากๆ ของ Part 2 คือการจับเวลาเสมือนจริงทุกครั้งที่ฝึกทำโจทย์ ความยากมันอยู่ตรงที่เวลาน้อยแต่ข้อสอบเยอะ เราต้องทำให้เร็วและถูก จะแม่นเนื้อหาอย่างไรแต่ถ้าไม่ฝึกจับเวลาก็มีโอกาสพลาดอยู่ดี
- BMAT Part 3 : Writing Task เป็นข้อสอบที่วัดทักษะการเขียนของเราครับ แน่นอนว่าพาร์ทนี้ก็ไม่มีสอนในโรงเรียนและน้องๆ ต้องรู้ว่าคนออกข้อสอบต้องการให้เราเขียนคำตอบอย่างไร ถ้าถามว่าผมมีปัญหากับ BMAT พาร์ทไหนมากที่สุด ขอตอบเลยว่า Part 3 มันค่อนข้างยากสำหรับเราจริงๆ เลยต้องมาเรียนที่ ignite แล้วส่งการบ้านให้พี่กั๊กตรวจตลอด เพื่อรับ Feedback จะได้รู้ว่าเราควรปรับปรุงอะไรบ้างครับ
บรรยากาศการ Interview คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ

ถ้าน้องๆ เครียดว่าการ Interview จะต้อง Role-Play กับอาจารย์ฝรั่งหรือกลัวคำถามกดดันจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ พี่บอกเลยว่าเราคลายความกังวลเรื่องนี้ไปได้เลยครับ เพราะการสอบสัมภาษณ์คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษไม่มีความกดดันเหมือนมหาวิทยาลัยไทยเลย อาจารย์ใจดีและเป็นกันเองมากๆ น้องๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้เลยครับ
สำหรับการ Interview ที่คณะแพทย์ เคมบริดจ์ จะสัมภาษณ์ 2 ห้อง โดยใช้เวลาห้องละ 30 นาทีและสัมภาษณ์กับกรรมการห้องละ 2 คนครับผม มีสัมภาษณ์ 2 ห้องแต่ไม่ได้แบ่งเป็น Station เหมือนแพทย์ไทยนะครับ คำถามจะเน้นเรื่องวิชาการมากๆ เคมบริดจ์อยากรู้ว่าเขาจะสอนเรารู้เรื่องหรือเปล่าและเรามีความรู้พื้นฐานพอที่จะไปเรียนแค่ไหน
สำหรับคำถามที่กรรมการใช้ถามในห้องสัมภาษณ์ ผมอาจบอกละเอียดมากไม่ได้นะครับ เพราะทางมหาวิทยาลัยค่อนข้างให้เก็บเป็นความลับ ถึงกับให้เซ็นรับรองเลยว่าจะไม่นำไปเผยแพร่ แต่จริงๆ แล้วแนวคำถามจะเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ล้วนๆ เลย มีส่วนที่คล้ายกับเนื้อหาใน A-level มากพอสมควร ถ้าแม่น A-level พวกวิชาวิทยาศาตร์ ผมว่าน่าจะไม่ต้องกังวลอะไรมาก ทั้งนี้กรรมการยังถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขียนใน Personal Statement ด้วย เขาจะเช็คว่าเราทำเองจริงๆหรือเปล่า ซึ่งแนะนำเลยว่าต้องแม่นทุกคำที่เขียนไปนะครับ เพราะผมโดนยกเรื่องที่ไม่ได้เน้น และเป็นส่วนเล็กๆ ในทั้งหมด 4,000 คำ ขึ้นมาถาม เราก็ตกใจนิดหน่อยแต่ดีที่จำได้ว่าเขียนอะไรไป
รูปแบบการสอบเข้าคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ
การสอบเข้าคณะแพทย์ เคมบริดจ์ จะใช้ระบบ UCAS ของประเทศอังกฤษ เป็นระบบรับนักศึกษากลางของประเทศ คล้ายๆ ระบบ TCAS ของประเทศไทยเลยครับ ซึ่งถ้าน้องจะเข้าเคมบริดจ์ นอกจากการกรอกข้อมูลใน UCAS เราต้องกรอกข้อมูลในแอพ COPA (Cambridge Online Preliminary Application) เพิ่มด้วยนะครับ เพราะ University of Cambridge ไม่ว่าจะสอบเข้าคณะไหนก็ต้องมีการ Interview ทุกคณะ ทางมหาวิทยาลัยจึงต้องการรู้ข้อมูลพื้นฐานของเรา…ว่าเราเรียนอะไรมาบ้าง แล้ววิชาที่เรียนมีเนื้อหาประมาณไหน ตัวอย่างเช่น ผมกรอกใน COPA ว่าได้ A-level วิชา Biology เกรด A-Star แล้วก็เขียนบรรยายว่าเรียนเรื่องอะไร แต่เหมือนว่ามันจะใส่ตัวหนังสือไปได้แค่ประมาณนึงเท่านั้น ผมก็แนะนำให้เขียนบรรยายเฉพาะสิ่งที่เราถนัดและมั่นใจว่าถ้าโดนถามจะตอบได้นะครับ อย่าไป Copy จากที่อื่นมาโดยไม่ได้อ่านรายละเอียดนะ
University of Cambridge ใหญ่มาก…เราต้องเลือก Colleges ที่เราจะไปเรียนด้วยนะ
มหาวิทยาลัยจะให้เราเลือก Colleges ตั้งแต่ตอนกรอกข้อมูลใน UCAS และ COPA ครับ…เคมบริดจ์จะมีทั้งหมด 31 Colleges ซึ่งเยอะมากๆ เราต้องเลือกว่าจะเรียนที่ไหน ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีความแตกต่างกันออกไป บาง Colleges ไม่มีประวัติว่ารับนักศึกษาแพทย์ ที่มาจากประเทศอื่นนอกจากประเทศอังกฤษเลย หรือบางที่รับผู้สมัครจากประเทศแค่ปีละ 1 คน และบาง Colleges ก็มีสถิติว่ารับนักศึกษาแพทย์ที่มาจากต่างประเทศเยอะในทุกๆ ปี ซึ่งก็คือ “Gonville and Caius College” เป็น College ที่ผมเลือกเรียน โดยในปีที่แล้วมีประวัติว่ารับผู้สมัครจากต่างประเทศมากถึง 3 คนเลยครับ

กำลังใจจากน้องพรอมท์ มอบให้กับว่าที่หมอทุกคน
ช่วงที่เตรียมตัวสอบเข้าแพทย์เคมบริจด์เหนื่อยมากครับ ไม่ได้พักติดต่อกันหลายเดือนเลย เพราะเราต้องเตรียมแพทย์ไทยควบคู่ไปด้วย บวกกับ COVID-19 ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงแผนของเราอีก…ถึงแม้ตอนแรกทุกคนจะบอกว่าเส้นทางนี้มันยากแค่ไหน แต่เมื่อเรายืนยันว่าจะเลือกเดินต่อไป ทุกคนก็คอยเป็นกำลังใจให้เราเสมอ ผมโชคดีมากๆที่มีเพื่อนและครอบครัวคอยซัพพอร์ตและเชื่อมั่นกับสิ่งที่เราตั้งใจทำ
พี่อยากฝากถึงน้องๆ ที่อ่านบทความนี้อยู่ ถ้าเราเจอโอกาสแล้วอย่าหันหลังให้กับมัน จงมั่นใจว่าเราจะก้าวข้ามผ่านไปได้ ถึงแม้จุดเริ่มต้นมันจะยากแค่ไหน ขอแค่ให้มั่นใจและเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง น้องไม่ต้องกลัวว่าจะท้อหรือเหนื่อยเลย เพราะพี่ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจที่คอยผลักดันให้พวกเราทำตามความฝันได้สำเร็จนะครับ
สำหรับน้องๆ ที่อยากสอบติดแพทย์รอบ 1 ไม่ว่าจะเด็กโรงเรียนไทยหรือโรงเรียนอินเตอร์ สามารถปรึกษาสอบถามรายละเอียดการเรียนต่อในคณะแพทย์ รอบ 1 (Portfolio) หรือทุกคณะอินเตอร์ยอดฮิต ได้ทาง Line : @ignitebyondemand หรือโทร 02-6580023 , 091-5761475
ดูรายละเอียดคอร์สเรียน BMAT, SAT, SAT Subject Tests, IELTS ทั้งหมดได้ทาง >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/
สมัครคอร์สเรียนออนไลน์ ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ผ่าน Shop Online ของ ignite …พร้อมแล้วลุยเลย >> https://shop.ignitebyondemand.com/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
คู่มือสำหรับพ่อแม่ อยากให้ลูกติดหมอ ตั้งแต่ TCAS รอบแรก ต้องใช้อะไรบ้าง
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทุกที่อยากให้ลูกๆเป็นหมอทุกท่านนะครับ…วันนี้ ignite จะขอมาแนะนำการ สอบเข้าคณะแพทย์ TCAS รอบ 1 หรือที่ผู้ปกครองหลายๆ ท่านจะคุ้นหูกับคำว่า “แพทย์รอบ Portfolio” ซึ่งมีมหาวิทยาลัยที่เปิดรับ เช่น แพทย์จุฬาฯ แพทย์รามาฯ แพทย์ม.ขอนแก่น แพทย์ม.เชียงใหม่และอีกมากมายโดยวันนี้ ignite จะมาแนะนำข้อมูลสำคัญที่จะทำให้ลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่สอบติดหมอก่อนใครตั้งแต่ TCAS รอบแรก…ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลย !! สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio ต้องใช้อะไรบ้าง GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม สิ่งที่จำเป็นต่อการ สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio อย่างแรกคือ GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะกำหนดให้ใช้เกรดรวมทั้งหมด 4-5 เทอมด้วยกัน แต่จะมีเกณฑ์เกรดเฉลี่ยสะสมแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของแต่ละคณะ แต่ต้องเรียนคุณพ่อคุณแม่ว่าหากลูกของท่านมี GPAX ตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป น้องๆ จะมีโอกาสในการยื่นเข้าคณะแพทย์รอบ 1 ได้ทุกมหาวิทยาลัย […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
รีวิวการเตรียมตัวสอบเข้า แพทย์จุฬาฯ รอบ Portfolio แบบฉบับเด็กโรงเรียนไทย จากน้องกู๊ด สวนกุหลาบวิทยาลัย
สวัสดีน้องๆ ว่าที่หมอทุกคนครับ วันนี้พี่แอดมินพาพี่กู๊ด รุ่นพี่ ignite จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่ตอนนี้เป็นรุ่นพี่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย …มาแนะนำ การเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ รอบ Portfolio แบบฉบับนักเรียนไทย ให้น้องๆ มั่นใจว่าจะสอบติดชัวร์ๆ นะครับ พร้อมแล้วไปอ่านกันได้เลย !! เรียนโรงเรียนไทย…ทำไมเลือกสอบเข้าคณะแพทย์ ด้วยข้อสอบอินเตอร์ใน TCAS รอบ 1 ? น้องๆ หลายคนคงสงสัยว่า พี่เป็นเด็กโรงเรียนไทย แต่ทำไมเลือกสอบเข้าคณะแพทย์ ด้วยข้อสอบอินเตอร์ เดี๋ยววันนี้พี่จะแนะนำข้อดีของการเตรียมตัวสอบเข้าหมอรอบ Portfolio ให้ฟังนะครับ TCAS รอบ 1 ช่วยเพิ่มโอกาสที่เราจะสอบติดหมอได้มากขึ้น เพราะถ้าเรามุ่งเน้นที่ รอบ กสพท. แต่เพียงอย่างเดียวก็เหมือนเป็นการตัดโอกาสของตัวเองทิ้งไปดื้อๆ พี่เลยเลือกเตรียมตัวรอบ 1 ให้เรามีเส้นทางสู่การเป็นหมอเพิ่มขึ้นครับ ซึ่งสำหรับพี่คิดว่า เราสามารถเตรียมสอบแพทย์ […]
Comments (0)
-
Blog
เจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูเกมและครูเวิลด์
นับถอยหลังอีกเพียง 4 เดือนสู่การสอบ IGCSE รอบตุลาคมสำหรับน้องๆ ระบบการศึกษานานาชาติ การสอบครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญเลยทีเดียว เพราะน้องๆ ต้องนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้ศึกษาต่อวิชาที่ต้องการในระดับ A-Level และอาจต้องใช้ยื่นควบคู่กันในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตอีกด้วย วันนี้พี่ๆ Ignite เลยจะพาน้องๆ มาเจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูพี่เกมและครูพี่เวิลด์ ผู้ที่มีประสบการณ์แน่นในการสอนน้องๆ หลักสูตรอินเตอร์ เพื่อที่จะได้รีบเตรียมตัวคว้าคะแนน A* กันถ้วนหน้า เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า! เจาะลึกข้อสอบ IGCSE Chemistry จุดไหนยากสุด? ครูพี่เกมต้องขออธิบายก่อนว่า ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึงความยากของ IGCSE Chemistry นั้น น้องๆ อาจจะต้องดูก่อนว่าข้อสอบที่น้องๆ จะเจอนั้นมาจากบอร์ดไหน CIE (Cambridge) หรือ Pearson Edexcel ถึงเเม้ว่าทั้ง 2 […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เหมือนไม่เหมือน เอาปากกามาวง เทียบให้ชัด CU-ATS VS ACT SCIENCE
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ ทีมวิทยา วิศวะอินเตอร์ทุกคน ตั้งแต่มีการยกเลิก SAT Subject Tests ไป พี่เชื่อว่าน้องๆ หลายคน ต้องวางแผนเส้นทางสู่คณะในฝันกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ทั้ง CU-ATS และ ACT Science เป็นหนทางใหม่ในการพาน้องไปสู่จุดมุ่งหมาย แต่พี่เชื่อว่าคงมีหลายคนสงสัยว่า แล้วหน้าตาข้อสอบของ CU-ATS และ ACT Science เป็นอย่างไร แตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง และเราจะเลือกสอบตัวไหนดี วันนี้ทั้งพี่อิ้งค์และพี่ก๊อฟ ขอมา เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อสอบ CU-ATS และ ACT Science จับทั้งสองข้อสอบมาเปรียบเทียบกันในทุกแง่มุม เพื่อเป็นอีกแนวทางในการช่วยน้องๆ ตัดสินใจครับ ทำความรู้จักข้อสอบ CU-ATS VS ACT Science อย่างแรก เรามาทำความรู้จักข้อสอบทั้ง 2 แบบก่อนนะครับ […]
Comments (0)
Comments