เทคนิคการเลือกวิชา IGCSE, A-Level ให้ได้คณะในฝัน

การเลือกวิชาใน IGCSE และ A-Level นั้นถือว่าสำคัญมากๆ เพราะเป็นการกำหนดอนาคตที่ใช้ยื่นคะแนนเข้าคณะในฝันของนักเรียนทุกคนที่เรียนหลักสูตรอังกฤษ เพราะหลักสูตรนี้ถือว่าได้รับการยอมรับในสากลจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก นักเรียนหลายคนมักจะสับสนว่าควรเลือกวิชาที่ชอบ หรือวิชาที่จำเป็นดีกว่า ดังนั้นวันนี้พี่ๆ ignite จะมาแนะนำเทคนิคการเลือกแบบเข้าใจง่ายๆ ให้น้องๆ กันครับ ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย !!
ทำความรู้จักหลักสูตร IGCSE vs A-Level

จากภาพด้านบน กล่าวได้ว่า IGCSE นั้นคือหลักสูตร 2 ปีสำหรับน้องๆ Year 10-11 ที่เป็นการเตรียมปูพื้นฐานวิชาให้มีองค์ความรู้รอบด้านและแน่นพอที่จะเลือกเรียนวิชาในขั้นสูงกว่า หรือการทำ A-Level อีกสองปี เพื่อยื่นคะแนนทั้ง 3 วิชานี้เข้ามหาวิทยาลัยที่น้องๆ ต้องการ ต่อมาเรามาดูกันว่าเราควรเลือกเรียนวิชาอะไรให้ตรงกับคณะที่เราต้องการเข้าศึกษาต่อ มาเริ่มกันที่หลักสูตรแรกนั้นก็คือ IGCSE
เทคนิคการเลือกวิชา IGCSE

โดยวิชาที่น้องๆ สามารถสอบได้ใน IGCSE นั้นแบ่งออกเป็น 5 หมวด
- Humanities & Social Science : Geography, History, Psychology
- Language : English, Thai, Foreign Languages
- Science : Biology, Chemistry, Physics, Combined Sciences
- Mathematics , Further Mathematics
- Creative, Technical and Vocational : Business, Economic, ICT
พี่ๆ ignite สนับสนุนให้น้องๆ เลือกเรียนให้ครบทุกด้าน เปิดโอกาสตัวเองให้กว้างด้วยการเลือกวิชา Facilitating subjects เพื่อที่จะสามารถต่อยอดความรู้ได้ตอนขึ้นสู่หลักสูตร A-Level โดยน้องๆ ไม่ควรเลือกตามเพื่อน หรือเลือกเรียนเพียงเพราะเห็นว่าวิชานั้นจะได้คะแนนง่าย การเลือกวิชาน้อยเกินไปก็อาจจะทำให้เรามีข้อจำกัดในการเลือกวิชา A-Level ในปีสูงอีกด้วย
โดยน้องๆ ที่ตั้งเป้าว่าจะเข้า Top Universities ทั่วโลกนั้นควรจะเลือกวิชา IGCSE 9-12 วิชา เพื่อองค์ความรู้ที่รอบด้าน หากคิดว่าตอน A-Level เราจะเรียนวิชาหมวดวิทยาศาสตร์ เราก็จำเป็นจะต้องเลือกวิชาวิทยาศาสตร์ตัวเหล่านั้นตอน IGCSE ด้วย ซึ่งนี่คือข้อบังคับหลัก เพราะเนื้อหามีการต่อเนื่องกัน แต่บางโรงเรียนอาจจะอนุโลมให้หากน้องๆ เลือกเรียน Combined Sciences (ที่รวม 3 วิชา Chemistry,Biology,Physics ใน Syllabus เดียว )
ในส่วนของวิชาภาษาต่างประเทศ เช่นฝรั่งเศส เยอรมัน สเปนนั้น เนื้อหาวิชาจะไม่ได้เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นพี่ขอแนะนำว่า น้องๆ ควรจะต้องมีพื้นฐานภาษานั้นๆ มาก่อนประมาณ 2 ปีจึงจะเรียนวิชาภาษาได้อย่างราบรื่น
นอกจากนี้ สาเหตุที่ต้องเลือกวิชาหลักเป็น Extended นั้นเพราะการสอบ IGCSE นั้นแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
- Core ซึ่งจะครอบคลุมเฉพาะเนื้อหาพื้นฐานเบื้องต้นของวิชานั้นๆ
เกรดที่จะได้ ได้แก่ C,D,E,F,G (การได้แค่เกรด C จะนั้นไม่เพียงพอที่จะเรียนต่อ A- Level) - Extended เนื้อหาขั้นสูงที่ต้องเรียนเข้มข้นกว่า โดยน้องๆ ที่เลือกเรียนแบบ Extended มีสิทธิได้คะแนนสูงสุดคือ A*แล้วไล่ไป A,B,C,D,E ตามลำดับ
เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่าการที่ระดับเนื้อหาแบ่งเป็น Core กับ Extended นั้นทำให้เราต้องเลือกดีๆ ว่าจะให้วิชาไหนเป็นแบบไหน พี่ๆ แนะนำให้น้องๆ เลือกวิชาหลักเป็น Extended ให้หมด เพราะจะทำคะแนนได้มากสุด A* ซึ่งสามารถต่อยอดวิชานั้นใน A-Level ได้ด้วย ตัวอย่างเช่น หากน้องๆ จะเลือกเรียนวิชา Physics การมีพื้นฐานวิชา Math (Extended) นั้นจำเป็นอย่างยิ่ง
เทคนิคการเลือกวิชา A-Level

สำหรับหลักสูตร A-Level สิ่งที่สำคัญที่สุดของ 3 วิชาที่ต้องเลือกคือ ต้องตรงกับ Requirement ของคณะที่สนใจ ! และต้องเป็นวิชาที่ทำคะแนนได้ดีตอน IGCSE (และเลือกเรียน Extended) โดยบางโรงเรียนอาจปฏิเสธไม่ให้น้องๆ เลือกวิชา Chemistry หากเห็นว่าตอนทำ IGCSE นั้นน้องๆ ได้คะแนนวิชานี้แค่เพียง B หรือ C เพราะประเมินแล้วว่าน้องๆ อาจจะเรียน A-Level วิชานี้ต่อไม่ไหว เท่ากับปิดโอกาสไม่ให้น้องๆ เข้าคณะสายวิทย์หลายสายไปอย่างน่าเสียดาย
แต่หากน้องๆ ยังลังเลในคณะที่จะเข้า และอยาก playsafe เลือกวิชาที่ยื่นได้หลายที่ ก็ยังต้องระวังที่จะเลือกเรียนวิชาที่ไม่ใช่ Traditional subjects หรือที่เรียกกันว่า “Non-preferred subjects” วิชาเหล่านี้มักไม่ได้รับการยอมรับในบาง Top Universities เช่น The London School of Economics (LSE) ที่ระบุชัดเจนว่าไม่ยอมรับนักเรียนที่เรียนวิชา Media, Design and Technology, Law เป็นต้น
ในอีกแง่นึง มหาวิทยาลัยในต่างประเทศมักเรียกวิชาเหล่านี้ว่า Soft Subjects และมักจะสนับสนุนให้นักเรียนเลือกวิชาที่เป็น Hard Subjects เพื่อที่จะได้ความรู้ที่ลึกและเข้มข้นกว่า โดยวิชาใน Hard subjects นั้นมักจะเป็นวิชาหลักๆ เช่น Mathematics, Biology, Chemistry, Physics, Geography, History, English ฯลฯ ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนมากที่ถึงจะไม่ได้ระบุ requirement วิชาชัดเจน มักจะยอมรับเสมอหากน้องๆ ยื่นวิชาเหล่านี้ ในขณะที่ Soft Subjects มักเป็นวิชาจำพวก Dance, Photography, Art and design เป็นต้น
การเลือกวิชามากไป อาจส่งผลเสีย !

อีกจุดที่ต้องคำนึงคือ ถึงแม้จะเราจะเลือก A-Level ได้ เกิน 3 วิชา แต่การเลือกวิชาที่ 4-5 นั้นไม่จำเป็นเสมอไป จริงอยู่ที่การมีวิชาที่ 4 ที่เชื่อมโยงกับคณะที่เราสนใจจะเข้า อาจแสดงให้มหาวิทยาลัยเห็นว่าเรามีความกระตือรือร้นในการเรียน มีความผิดชอบ และสนใจในหลักสูตรจริงๆ แต่ยิ่งมากวิชาก็ยิ่งทำให้น้องๆต้องจัดสรรเวลาเพื่อเรียนให้ครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งนับเป็นงานที่หนักมากสำหรับสองปี มหาวิทยาลัยทั่วโลกส่วนมากนั้นต้องการแค่คะแนน A-Level เพียง 3 วิชาเท่านั้นสำหรับ Entry requirement
และหากน้องๆ จัดสรรเวลาได้ไม่พอ จนทำให้คะแนนในวิชาที่ 4 นั้นแย่ คะแนนนั้นก็จะเป็น Bad Record ของน้องตลอดไป หากยื่นมหาวิทยาลัยในประเทศไทยนั้นไม่เท่าไหร่ แต่มหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศนั้นมักจะดูทุกคะแนนของ IGCSE, A- Level ดังนั้นการมีคะแนนที่แย่อยู่ในประวัติก็จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ดังนั้นจึงมีน้องๆ หลายวิชาที่เรียนวิชาที่ 4 ไปเพียงครึ่งปีแล้วขอดร็อป ซึ่งน้องๆ สามารถทำได้ครับ
ยกเว้นเสียแต่ว่าคณะในมหาวิทยาลัยที่น้องๆ สนใจจะเข้าจริงๆ นั้นต้องการวิชาที่ 4 ถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับคนที่มีคณะและสายอาชีพในดวงใจแล้ว พี่ๆ Ignite มีตัวอย่างวิชาที่น้องๆ ควรจะเลือกในหมวดต่างๆ มาให้ดังนี้ แยกตามความถนัดทางสายวิทย์ และสายศิลป์ เพื่อให้ดูง่ายๆ ตามภาพด้านล่างครับ
วิชา A-Level ที่แนะนำสำหรับ ทีมสายเลขและวิทย์

วิชา A-Level ที่แนะนำสำหรับ ทีมสายกลาง

วิชา A-Level ที่แนะนำสำหรับ ทีมสายภาษาและศิลปะ

เป็นยังไงครับ พอได้ไอเดียการเลือกวิชาสำหรับ IGCSE, A-Level เพิ่มขึ้นกันแล้วใช่มั้ย รับรองว่าถ้าเลือกประมาณไกด์ไลน์นี้ หนทางสู่อาชีพที่ใช่นั้นไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการดู Requirements ของมหาวิทยาลัยที่อยากเข้านั้นสำคัญที่สุด น้องๆ ควรศึกษาให้ละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกนะครับ
หากผู้ปกครองและน้องๆ ยังมีข้อสงสัยหรืออยากจะปรึกษากับทีม ignite เรื่องคอร์สเรียน การเลือกวิชาในโรงเรียนนานาชาติ หรือ Requirements คณะในฝัน ของแต่ละมหาวิทยาลัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเรียนได้ที่ Line @igniteastar หรือคลิก https://bit.ly/3qOtyCB และโทร 061-265-0047 ได้เลยครับ
ดูรายละเอียดคอร์สเรียน ignite A* เพิ่มเติมได้ทาง >> https://www.igniteastar.com/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
ไขความลับ BMAT Writing เขียนยังไงให้ปัง!
สวัสดีครับน้องๆ วันนี้พี่กั๊ก Ignite by OnDemand จะขอมาแชร์สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Pain ของหลายคนมากๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ BMAT ใน Part3 : Writing Task มีคนถามพี่มาว่า พี่! จะเอายังไงดี เพราะว่า BMAT Writing กับเวลาที่มีอยู่มันยากเหลือเกิน ขอคำแนะนำหน่อย น้องครับหลายๆ คนคงรู้ว่าปัญหาของ BMAT นอกจากการเขียนแล้ว ยังเป็นเรื่องของเวลาที่จำกัด เพราะเรามีเวลาแค่ 30 นาทีในการเขียน BMAT 1 คำถามของ Writing ให้เสร็จครับ ดังนั้น วันนี้พี่กั๊กขอมาแนะนำนะครับว่า เราจะจัดการกับ 30 นาทีนั้นยังไง ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับข้อสอบ BMAT Writing กันก่อนครับ ทำความเข้าใจกับข้อสอบ BMAT Writing Task (Part3) BMAT Writing เป็นหนึ่งใน 3 Part […]
Comments (0)
-
Blog, SAT
เรียน SAT ที่ ignite by OnDemand คว้า 800 คะแนนเต็มก่อนใคร
เรียน SAT ที่ไหนดี ? ที่นี่เลย ignite by OnDemand คว้า 800 คะแนนเต็มก่อนใคร การันตีความสำเร็จด้วยน้องที่สอบติดคณะอินเตอร์ยอดฮิตกว่าพันคน เพราะคะแนน SAT คือกุญแจสำคัญที่ทำให้น้องสอบติดคณะอินเตอร์ยอดฮิต หลายๆ คนจึงมีคำถามกันว่าแล้วเราควรจะ เรียน SAT ที่ไหนดี ? พี่บอกเลยว่าต้องที่ ignite เพราะคลาสเรียน SAT ที่ ignite by OnDemand ได้ออกแบบมาอย่างเข้มข้นเพื่อให้น้องพิชิต SAT Perfect Score ด้วยการเรียนการสอนที่มีเนื้อหาครบและครอบคลุมทุกเรื่องที่ออกสอบ อัพเดทตามข้อสอบปีล่าสุดใหม่ทั้งหมด 100% พร้อมโจทย์เพิ่มเติมให้น้องฝึกฝนจนคุ้นมือและรับ Feedback ทันทีจากคุณครูผู้สอน เพื่อปิดจุดอ่อนและปรับปรุงได้อย่างตรงจุดที่สุด! นอกจากนี้น้องๆ ในคลาสเรียน SAT ที่ ignite by OnDemand จะได้เข้าร่วมกิจกรรม Pathway To success ที่เราสร้างมาเพื่อดูแลน้องๆ ให้มั่นใจว่าจะคว้า SAT Perfect […]
Comments (0)
-
Blog
ไขข้อสงสัย เข้าหมอในไทย ต้องทำ IB full diploma หรือไม่ โดยน้องยูโร RIS ว่าที่ freshy ทันตะ จุฬาฯ
การทำ IB full diploma ในโรงเรียนหลักสูตร IB นั้นอาจจะเป็นใบเบิกทางที่เปิดโอกาสมากกว่าสำหรับน้องๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นอยากเข้าคณะไหน เรียนต่อในประเทศหรือนอกประเทศ เพราะการที่หลักสูตร IB นั้นได้รับการยอมรับไปทั่วโลกด้วยความ Well-rounded ของเนื้อหาและการศึกษาทั้งด้านวิชาการและกิจกรรมอย่างเข้มข้น ดังนั้นการทำคะแนน IB full diploma ที่มีครบทั้ง TOK, CAS และ EE ได้ดีนั้นย่อมแปลว่าน้องๆ มีโอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศได้ แต่น้องๆ ที่เรียนโรงเรียนนานาชาติที่มีหลักสูตร IB ให้เลือกหลายๆ คนอาจจะกำลังสับสนว่า ถ้าเราจะเข้าหมอในไทยนั้นเราจำเป็นที่จะต้องทำ IB full diploma หรือเปล่า หรือเราสามารถเรียนแค่บางวิชาก็พอ วันนี้พี่แอดมินเลยรวบรวมข้อมูลและบทสัมภาษณ์ จาก น้องยูโร โรงเรียนร่วมฤดี มาเพื่อไขความกระจ่างกันครับ โดยเรามาเริ่มกันกับวิชาส่วนมากที่ น้องๆ โรงเรียนนานาชาติต้องใช้เพื่อยื่นเข้าคณะแพทย์และทันตะ กันนะครับ รวมวิชาที่ต้องยื่นคะแนนเข้าคณะแพทย์ในไทย สำหรับเด็กอินเตอร์ […]
Comments (0)
-
Blog, IELTS
5 เทคนิคสอบ IELTS Speaking อย่างไรให้ผ่านฉลุย by Kru Tan Native Speaker
สำหรับน้องๆ ที่ต้องการเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ หรือเรียนต่อต่างประเทศ แน่นอนว่าการสอบวัดระดับภาษาคือเรื่องที่สำคัญมากถึงมากที่สุดเลย เพราะนี่คือหนึ่งใน Requirements ที่เป็นจุดวัดว่าน้องสามารถผ่านด่านประตูแรก หรือยื่นสมัครได้รึเปล่า หนึ่งในการสอบที่ถือได้ว่าเป็นรูปแบบสุดฮิตที่น้องๆ ส่วนใหญ่เลือกกันก็คือการสอบ “IELTS” นั่นเอง เนื่องจากสามารถใช้ยื่นได้ในเกือบทุกสถาบัน เรียกได้ว่าเกือบทุกมุมโลกยอมรับในผลสอบนี้ แต่ยังไงก็ตามการสอบ IELTS ถือว่าหินเลยทีเดียวหากน้องๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก โดยเฉพาะพาร์ท Speaking วันนี้พี่ๆ ignite เลยพาครูแทน สุดยอดติวเตอร์ภาษาอังกฤษจาก Ignite มาแชร์เทคนิคและจุดโฟกัสว่า “ทำยังไงดีนะ ถึงจะผ่านด่าน IELTS Speaking ไปได้?” สำหรับใครที่ยังไม่รู้ Kru Tan ของชาว ignite เป็น Native Speaker ที่เติบโตและศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พร้อมดีกรีจาก Queen Mary U. of London ทำให้ทักษะในการสื่อสารของครูแทนเรียกได้ว่าลื่นไหนสุดๆ […]
Comments (0)
Comments