รีวิวเตรียมตัวสอบ IELTS ให้ได้ 8.0 ในเวลา 1 เดือน โดยน้องฟร๊อก สาธิต มช.

รีวิวการเตรียมตัวสอบ IELTS ให้ได้ 8.0 ในเวลา 1 เดือน โดยน้องฟร๊อก หนุ่มโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มีเวลาเพียงแค่ 1 เดือน จะเตรีมตัวสอบ IELTS อย่างไรดี?? นี่คงจะเป็นปัญหาสำหรับน้องๆ หลายคน โดยเฉพาะน้องๆ ที่กำลังอยู่ในโค้งสุดท้ายและกำลังเร่งทำคะแนน IELTS เพื่อยื่นให้ทัน TCAS รอบ 1 ดังนั้น วันนี้พี่พาน้องฟร๊อก หรือน้องติณณ์ อายุรักษ์ นักเรียนชั้นม. 6 จากโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของคะแนน IELTS 8.0 มาแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวสอบ IELTS ด้วยระยะเวลาที่จำกัดเพียง 1 เดือนเท่านั้น ลองไปฟังบทสัมภาษณ์ของน้องฟร๊อกพร้อมเทคนิคการเตรียมตัวและการทำโจทย์ก่อนสอบกันครับ
Q1: แนะนำตัวให้น้องๆ ignite รู้จักหน่อยครับ?
น้องฟร๊อก: สวัสดีครับ ผมฟร๊อก ชื่อจริงคือ ติณณ์ อายุรักษ์ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม. 6 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมเพิ่งไป สอบ IELTS สดๆ ร้อนๆ เลยครับ ผลสอบที่ได้คือ Overall Band 8.0 ครับผม
Q2: ให้น้องฟร๊อกเล่าให้ฟังหน่อยครับว่าทำไมถึงเลือกสอบ IELTS และเริ่มเรียน IELTS ที่ ignite ได้อย่างไรครับ?
น้องฟร๊อก: ตอนนั้นเริ่มจากที่ผมวางแผนว่าตัวเองอยากเข้าคณะอะไร และหาข้อมูลว่าคณะที่ผมอยากเข้าต้องใช้คะแนนอะไรในการยื่นบ้าง เมื่อศึกษาถึงวิธีการยื่นต่างๆ ก็รู้ว่าคณะที่ผมอยากเข้ามีโครงการการรับด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (โครงการเรียนดีภาษาอังกฤษ) ซึ่งต้องใช้คะแนนหมวดวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องมีคะแนน IELTS ขั้นต่ำ 7.0 เป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วย ร่วมกับใช้คะแนนในส่วนวิชาอื่นๆ ตอนนั้นก็ตัดสินใจเลยว่าจะเริ่มด้วยการเก็บคะแนน IELTS ก่อนแล้วจะได้ไปลุยตัวอื่นแบบเต็มที่ ก็คุยกับพ่อแม่และสมัครสอบเลยครับ สมัครสอบก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเรียนอะไรเกี่ยวกับ IELTS เลยครับผม หลังจากนั้น ผมก็ถามจากเพื่อนๆ ครับว่าที่เชียงใหม่มีที่ไหนสอน IELTS บ้าง แล้วเพื่อนก็แนะนำ ignite ครับ
Q3: จากเวลาเพียง 1 เดือน น้องฟร๊อกวางแผนการเรียน IELTS อย่างไรครับ?
น้องฟร๊อก: ผมสมัคร เรียน IELTS เป็นแบบ คอร์ส SELF วางแผนไว้ว่าจะต้องเรียนให้จบภายในไม่เกิน 3 สัปดาห์ครับ เพราะต้องเผื่อเวลาประมาณสัปดาห์กว่าให้ฝึกทำโจทย์และเก็บข้อผิดพลาดของตัวเอง หลังเลิกเรียนจากโรงเรียนทุกวัน ผมก็จะไปจองเวลาเรียนที่สาขาวันละ 2 ชั่วโมง วันเสาร์และอาทิตย์จะเรียนเฉลี่ยอีกวันละ 4 ชั่วโมง และมันมีช่วงที่คาบเกี่ยวปิดเทอมด้วยก็จะเรียนเป็นวันละ 4 ชั่วโมงครับ ทำให้ผมสามารถเรียนคอร์ส IELTS จบภายในประมาณ 2 สัปดาห์ครับผม
Q4: หลังจากเรียนจบแล้ว น้องฟร๊อกเริ่มเตรียมตัวหรือฝึกทำโจทย์อย่างไรบ้างครับ?
น้องฟร๊อก: ผมเริ่มจากทำ Full Tests จากหนังสือในคอร์สให้ครบทั้งหมดก่อนเลยครับ และก็เก็บตกโจทย์จากในห้องทั้งหมด หลังจากนั้น ผมก็ไปหาพวกหนังสือ IELTS จาก Cambridge English มาทำ ผมพยายามตั้งเป้าว่าต้องฝึกทำโจทย์ให้ได้ทุกวัน วันละอย่างน้อย 2 ทักษะ ทักษะละ 1 Full Test สมมติว่าผมเรียนช่วงเช้ามา พอตอนบ่ายผมก็จะเลือก Reading มาทำสัก 1 ชุด แล้วก่อนนอนก็ทำ Writing อีกสัก 1 ชุด ทำอย่างนี้ทุกวันครับ ทักษะที่ทำก็สลับกันไปเรื่อยๆ ทำเอง ตรวจเอง แล้วก็เรียนรู้จากจุดที่ผมมักผิดบ่อยๆ ครับ ส่วนถ้าเป็น Writing ซึ่งเป็นพาร์ทที่ยากที่สุด ก็จะเขียนและส่งมาอีเมลล์มาให้ที่ ignite ตรวจเพื่อรับฟีดแบคกลับมาพัฒนา และผมยังได้รู้ Band การเขียนของตัวเองในตอนนั้นด้วยครับ
เทคนิคฝึกทำโจทย์แต่ละทักษะจนพิชิต IELTS 8.0

Q5: ให้น้องฟร๊อกช่วยแชร์เทคนิคในการทำฝึกทำโจทย์ IELTS แต่ละทักษะที่ทำให้สามารถนำไปใช้ในสอบจริงจนพิชิต Band 8.0 ครับผม?
น้องฟร๊อก: ในพาร์ท Writing ผมอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ดูตาม Pattern การเขียนที่พี่กั๊กสอนในคอร์สและพยายามนำมาประยุกต์ใช้ให้เป็น Pattern ของเราเองจนชินมือ หา Model Answer ที่ได้ Band สูงๆ มาศึกษาและเขียนตามในแบบของเราให้ถูกบริบท มีคลังคำเชื่อมต่างๆ ไว้เลย และเลือกใช้ให้คุ้นเคยในแบบฉบับของตัวเอง แต่ต้องถูกความหมายและโครงสร้างคำด้วยนะครับ แล้วสุดท้ายก็อยากให้ทุกคนส่งการบ้าน Writing มาให้ทาง ignite ตรวจเพื่อรับฟีดแบคและ Band กลับไปเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของตัวเองและพัฒนาต่อไปครับ
ส่วนพาร์ท Speaking ผมใช้วิธีหลับตาคิดและฝึกพูดคนเดียวเลยครับ ในพาร์ทที่ 1 มันจะมีพาร์ทแนะนำตัวเองที่เราเตรียมตัวไปได้ล่วงหน้าเลยครับ เช่น ผมก็วางแผนเลยว่าเราจะแนะนำชื่อตัวเองแบบนี้นะ จะบอกอายุ โรงเรียน ครอบครัว เป็นต้น ในพาร์ทที่ 2 ของ Speaking ผมหลับตาจิ้มโจทย์ในหนังสือเรียนเลยครับ จับเวลาจริงเพื่อ Take note 1 นาที โดยทำตาม Pattern 4Ex ที่พี่แพททริคสอนในห้องแล้วก็พูดตามให้เป็นธรรมชาติ พยายามใส่ส่วนขยายเรื่องราวเพื่อให้เราพูดได้ถึง 2 นาทีครับ และในพาร์ทสุดท้าย ผมก็สุ่มโจทย์จากในหนังสือเหมือนเดิมเลยครับ พยายามพูดไม่ให้นอกประเด็น และก็ถ้าอันไหนที่ฟังตัวเองแล้วรู้สึกมันแปลกๆ ก็จะมาเรียบเรียงคำพูดใหม่ให้สื่อสารเข้าใจง่ายยิ่งขึ้นครับ สำหรับพาร์ท Speaking นี้ ผมอยากฝากเพื่อนๆเลยครับเรื่องของคำศัพท์ที่ใช้ ไม่ใช่ว่าเราจะพยายามใช้แค่ Synonyms อย่างเดียวครับ แต่อยากให้หาข้อมูลเพิ่มสักนิดครับว่า มันใช้ในบริบทที่เราต้องการได้ไหม เป็นธรรมชาติไหม หรือที่เรียกว่า Collocation ครับผม
ต่อมาในพาร์ท Reading ผมแนะนำให้ฝึกจากเทคนิค Pinpoint ของพี่กั๊กเลยครับ มีประโยชน์และช่วยผมได้มากๆ ในห้องสอบจริง และที่สำคัญ ต้องมีวินัยฝึกทำโจทย์เองมากๆ ทำโจทย์หลายๆหัวข้อทั้งที่เราคุ้นและไม่คุ้นครับผม ส่วนในพาร์ท Listening การฝึกฝนสำคัญมากๆ ครับ พยายามทำ Full Tests ในเล่มให้ครบ ตั้งใจทำตามหลักของ Grammarster ในห้องเพื่อจะเก็บตกจุดผิดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดครับผม
Q6: น้องฟร๊อกชอบเทคนิคการทำข้อสอบไหนมากที่สุดในคอร์ส IELTS ครับ?
น้องฟร๊อก: ส่วนตัวผมชอบเทคนิค 4Ex มากที่สุดครับ เพราะมันสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในพาร์ท Speaking และ Writing เทคนิคนี้ทำให้ผมคิดและวางแผนสิ่งที่จะถ่ายทอดได้เป็นระบบและมีแบบแผนมากขึ้น รวมถึงช่วยเรื่องการเรียบเรียงที่เสริมคะแนนตัว Coherence & Cohesion ครับ ผมอยากแนะนำให้เพื่อนๆ น้องๆ หา 4Ex ในแบบฉบับของตัวเองให้เจอ ฝึกพูดและเขียนจนชิน ผมเชื่อว่าทุกคนจะทำข้อสอบได้แน่นอนครับ
น้องฟร๊อกฝากถึงเพื่อนๆน้องๆที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELTS

Q7: สุดท้าย ให้น้องฟร๊อกให้กำลังใจและฝากถึงเพื่อนๆและน้องๆที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELTS กันครับ?
น้องฟร๊อก: ก็อยากให้กำลังใจเพื่อนๆ ครับ ผมว่าถ้าตั้งใจจริงๆ ทุ่มเทให้มันหน่อย มีวินัยในการทำโจทย์ การได้ IELTS 7.0 Up เป็นไปได้ครับ และที่สำคัญ อยากให้เพื่อนๆ ตั้งใจเรียนในคอร์ส เอาเทคนิคกลับมาทบทวนและฝึกทำโจทย์และข้อสอบจริงๆ อย่างสม่ำเสมอ อ่าน Model Answer ของตัวอย่างงานที่ได้ Band สูงๆ เพื่อเป็น Guideline หาจุดแข็งของตัวเองและทำให้เคยชินเป็น Pattern เอกลักษณ์ของตัวเองไปเลยครับผม นอกเหนือจากในคอร์สก็อยากแนะนำให้ทุกคนลองหันมาดูซีรีย์ วิดีโอ และฟังเพลงให้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เราซึมซับสำเนียง จะทำให้เวลาพูดจริง มันจะเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ฟังบทสัมภาษณ์ของน้องฟร๊อกแล้ว มีกำลังใจในการเตรียมสอบ IELTS ขึ้นกันเลยใช่ไหมครับน้องๆ บอกแล้วว่า IELTS 7.0 UP ไม่ว่าใครก็ทำได้ ขอเพียงน้องๆ มีวินัยในตัวเอง มีความตั้งใจ และขยันฝึกฝนตนอยู่เสมอ ที่สำคัญ ขอแค่น้องๆ มีผู้ช่วยที่ดีไม่ว่าจะเป็นครู, ตำรา, เทคนิค, และคนที่คอยให้กำลังใจ เพียงเท่านี้ การคว้า IELTS 7.0 Up มาครองก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อมแล้วครับ และถ้าน้องๆ คนไหนที่อยากศึกษาเทคนิคเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับข้อสอบ IELTS พี่ๆ ignite มี link รวมบทความ IELTS ที่น่าสนใจไว้ให้แล้ว >> https://www.ignitebyondemand.com/category/ielts/

สำหรับน้องๆ ที่กำลังมองหาผู้ช่วยด้าน IELTS ที่ดีที่สุดอยู่ อยากให้น้องๆ ได้มาลองสัมผัสประสบการณ์การเรียน IELTS ที่ได้ทั้งความรู้, เทคนิค, โจทย์แบบจัดเต็ม, และความสนุกตลอดทั้งคอร์สที่ ignite by OnDemand ซึ่งมีรูปแบบการเรียนที่หลากหลายให้น้องๆ เลือกทั้งคอร์สสด, คอร์สSELF, และใหม่ล่าสุดกับคอร์ส Anywhere ที่ให้น้องๆ เข้าถึงบทเรียนได้ทุกที่ กับทุก platform ไม่ว่าจะเป็น Mobile, Tablet, Notebook, PC เพียงแค่น้องๆ มีอินเตอร์เน็ตก็สามารถเรียน Online ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้
สามารถเข้าดูรายละเอียดคอร์สเรียน IELTS เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/ielts/
ดูรายละเอียดคอร์สเรียนในระบบ Learn Anywhere ทั้งหมดได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/platform-anywhere/
สนใจสมัครคอร์สเรียน IELTS และ Advanced Writing for IELTS สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ Line@ignitebyondemand
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog
IGCSE คืออะไร? ตอบทุกข้อสงสัยไปกับ ignite by ondemand
IGCSE (International General Certificate of Secondary Educational) คือ หลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษที่ทำให้ได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.4 ในไทย ซึ่งหากเรียนจบหลักสูตร IGCSE แล้ว สามารถไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ เช่น AS, A Level, IB หรือเพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย โดยปกติในประเทศไทยนั้น การสอบ IGCSE จะอยู่ในระบบการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอังกฤษ (UK) แต่น้องๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ก็สามารถสมัครสอบ IGCSE ได้โดยตรงกับทาง British Council Thailand นะครับ สำหรับการสอบ IGCSE นั้น ต้องเลือกสอบจำนวน 5 วิชา เพื่อให้ได้ IGCSE Certificate โดย IGCSE มีให้เลือกมากกว่า 70 […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
เจาะลึกเส้นทางสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก “University of Cambridge” น้องพรอมท์ Shrewsbury International School
กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับบทสัมภาษณ์ ignite Idol น้องพรอมท์ Shrewsbury International School ที่เพิ่งสอบติดคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษปีล่าสุดมาหมาดๆ … ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจของประเทศไทยและ ignite มากๆ ที่สามารถส่งเด็กไทย ไปคว้าที่นั่งในคณะแพทย์เคมบริจด์ ได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นคณะแพทย์ที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับว่าสอบเข้ายากที่สุดในโลก วันนี้พี่แอดมินขอพาน้องพรอมท์ มาเจาะลึกเส้นทางสู่คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดเผยเส้นทางสู่การสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก ให้เด็กไทยทุกคนที่มีความฝันได้ศึกษาแนวทางการเตรียมตัวที่ถูกต้อง…พี่แอดมินเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้ประเทศไทยได้คุณหมอที่มีศักยภาพระดับโลกกลับมาพัฒนาวงการสาธารณสุขไทยเพิ่มอย่างแน่นอนครับ ได้ยินว่าน้องพรอมท์อยากเป็นหมอ เพราะต้องการทำงานที่ช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น? เรื่องนี้มีที่มา ที่ไปอย่างไรครับ ใช่ครับ…จริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ ด้วยความที่ยังเด็กมาก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรไปตอนนั้น แต่พอโตขึ้นผมได้มีโอกาสไปสอนหนังสือให้น้องๆ […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
5 โจทย์ที่ต้องเจอใน BMAT Critical Thinking พร้อมเทคนิค CAP รับมือทุกโจทย์ Part 1
สวัสดีครับน้องๆ กลับมาพบกับพี่กั๊กกันอีกครั้งนะครับ ใกล้จะถึงช่วงสอบ BMAT กันอีกแล้ว เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ คงตั้งใจทบทวนโค้งสุดท้ายกันอยู่แน่นอน แต่เนื่องจากการสอบ BMAT นั่นมีหลายพาร์ทเหลือเกิน หากจะต้องโฟกัสทุกจุดคงจะใช้เวลาพอสมควรแน่ๆ วันนี้พี่กั๊กเลยมาพร้อมกับเทคนิควิเคราะห์โจทย์ BMAT Critical Thinking เพื่อเพิ่มเลเวลในการอัพคะแนนของน้องๆ ใน BMAT Part 1 และช่วยลดการใช้เวลาในการนั่งทบทวนว่า เอ้…โจทย์ข้อนี้ต้องการอะไรนะ? แต่ก่อนจะเริ่มเทคนิควิเคราะห์โจทย์จากพี่กั๊ก เรามาทบทวนกันอีกรอบดีกว่าว่า “BMAT Part 1 นั้น จริงๆ แล้วเป็นยังไง?” BMAT Part 1 เป็นอย่างไร ต้องเจอกับข้อสอบแบบไหน? แน่นอนว่าการที่น้องๆ จะสอบเข้าแพทย์และได้เป็นคุณหมอในอนาคต สิ่งๆ หนึ่งที่น้องจำเป็นจะต้องมีก็คือทักษะการคิดวิเคราะห์นั่นเอง ซึ่งหากน้องเป็นคนที่มีการคิดวิเคราะห์สูง ตรงนี้ก็อาจจะสื่อถึงความสามารถในการนำไปปรับใช้กับสถานการณ์เร่งด่วนต่างๆ ที่ต้องเจอในสายอาชีพนั่นเอง ดังนั้นนี่ก็เป็นที่มาของเจ้าตัว BMAT Part 1 โดยในส่วนนี้จะถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2 พาร์ท คือ BMAT Problem Solving (16 ข้อ) : […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เจาะลึกเทคนิคพิชิต ACT Science ข้อสอบเป็นยังไง? ต่างจากข้อสอบอื่นยังไงบ้าง?
สวัสดีครับน้องๆ หลังจากที่หลายคณะเริ่มประกาศรับคะแนนการสอบ ACT เพื่อคัดเลือกนิสิต นักศึกษาใหม่เข้าคณะ เช่น ISE CU หรือ SIIT น้องๆ หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการสอบนี้กันมากขึ้น แถมยังมีบางคนรีวิวอีกว่าข้อสอบ ACT ง่ายกว่าการสอบแบบอื่นๆ วันนี้พี่อิ๊งค์จะมาช่วยไขข้อสงสัยถึงรูปแบบของ ข้อสอบ ACT Science ว่าเป็นยังไง แล้วจะง่ายกว่าข้อสอบอื่นจริงหรือไม่กันครับ ลักษณะข้อสอบ ACT Sciencee ข้อสอบ ACT Science มีคำถาม 40 ข้อ โดยให้เวลาในการทำอยู่ที่ 35 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นข้อสอบ Speed Testมากๆ น้องจะต้องฝึกฝนในการทำให้มาก และฝึกจัดการเวลาในการทำข้อสอบให้เชี่ยวชาญก่อนไปสอบ ซึ่งรูปแบบของคำถาม จะมีการให้ Passage มาประมาณ 6 เรื่อง ในแต่ละเรื่องจะมีคำถาม 4-7 ข้อ […]
Comments (0)
Comments