เทคนิคพิชิต SAT CHEMISTRY 800 ยากแค่ไหน ก็ทำได้

สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน สำหรับคนที่เพิ่งเริ่ม เตรียมตัวสอบ SAT Subject Tests อาจจะยังไม่รู้ว่าวิชาไหนยาก วิชาไหนง่าย แต่หลายๆ คนที่เคยเริ่มสอบมาบ้างแล้วน่าจะพอรู้ว่า วิชาที่โหดหินและมีโอกาสได้คะแนนเต็มยากที่สุดนั่นก็คือ SAT Chemistry หรือ วิชาเคมี นั้นเอง หลายๆ คนที่ทำคะแนน SAT Subject Tests ได้ 800 เต็มมาทุกวิชาแล้ว แต่วิชาเคมียังไม่ได้เต็มสักที วันนี้พี่ก๊อฟจะมาโชว์ให้ดูว่าทำไม ข้อสอบ SAT Chemistry ถึงได้ 800 เต็มยาก พร้อม เทคนิค SAT Chemistry ดีๆ ที่จะให้เราได้คะแนนเต็มกันครับ
ทำไม SAT Chemistry ถึงได้คะแนน 800 ยากจัง?

มีหลายๆ ปัจจัยที่ทำ SAT Subject Test Chemistry เป็นวิชาที่ได้เต็มยากมากๆ โดยจะขอเสนอจากปัจจัยที่มีผลมากไปยังปัจจัยที่มีผลน้อยที่สุดให้น้องๆ เข้าใจกันง่ายๆ
1. เวลาเฉลี่ยต่อข้อน้อยที่สุด
SAT Subject Chemistry มีทั้งหมด 85 ข้อ แต่มีเวลาเพียง 60 นาที ในการทำ ตกข้อละประมาณ 0.70 นาที หรือ 42 วินาที เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ 42 วินาทีจริง คือ น้องๆ ต้องทำข้อสอบนี้เร็วมากๆ และเป็นวิชาที่ต้องใช้เวลาต่อข้อมากที่สุด ทำให้หลายคนที่แม้จะมีความรู้เคมีเต็มเปี่ยม แต่ถ้าไม่เคยฝึกทำข้อสอบเลย และคิดว่ามันไม่น่าจะยากเท่าไหร่ ตกม้าตายกันมานักต่อนัก
2. ลักษณะโจทย์ที่ไม่คุ้นเคย
หลายคนเคยสอบจะทราบว่า SAT Subject Chemistry ต่างจากวิชาอื่นๆ ตรงที่จะมีข้อสอบหลาย part หลายแบบ โดยจะมีข้อสอบ 3 part คือ part A, B, C โดย
- part A คือ มี choice 5 ข้อ มาให้ก่อนแล้วใช้ตอบคำถามหลายๆ ข้อ
- ส่วน part C เป็นข้อสอบ multiple choices ธรรมดา
- แต่มี part B นี่แหละที่ได้รับการโหวตจากน้องๆ หลายคนว่าเป็น part ที่ยากที่สุด! นั่นก็คือ part reasoning คือ เขาจะให้ statement มาสองอัน ต้องตอบว่า statement ดังกล่าวถูกหรือผิด และทั้งสอง statement นั้นเป็นเหตุเป็นผลกันหรือไม่ ซึ่งความยากของ part นี้ คือ น้องต้องตอบถูกหมดว่า statement แต่ละอันถูกไหม และ มันเป็นเหตุเป็นผลกันไหม คือไม่สามารถจะมั่วหรือตัด choice แบบที่ part อื่นๆ อาจจะทำได้ ดังนั้นเลยมีความยาก เพราะบางครั้ง เรารู้ว่า statement แรกถูกแน่ แต่พอไม่รู้ว่า statement สองถูกหรือผิด เราก็จะไม่ได้คะแนนกลับไปเลยแม้แต่คะแนนเดียว
3. เนื้อหาไม่มีสอนในหลักสูตรโรงเรียน
เป็นความแปลกแบบหนึ่งของ SAT Subject Chemistry ที่ทุกครั้งที่ออกจะมีหัวข้อเนื้อหาซึ่งน้องๆ หลายๆคนไม่คุ้นเคย และบางอย่างคือ อาจจะไม่สามารถวิเคราะห์ได้ ซึ่งอาจจะต่างจากวิชาเลข หรือ ฟิสิกส์ เช่น การตอบสีของสารเคมี คือ ถ้าไม่เคยเห็น หรือ ไม่เคยผ่านตามาก่อนอันนี้ไม่มีทางตอบได้เลย หรือแม้กระทั่งการทดลองแปลกๆ ที่น้องๆ หลายคนอาจจะไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นหลายๆ ครั้งตรงนี้ทำให้น้องที่อยากได้เต็มพอไปเจอข้อสอบพวกนี้ก็ทำให้หลุดและผิดไปหลายข้อได้เช่นกัน
เทคนิคการทำ SAT Chemistry ให้ได้ 800 เต็ม

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าการได้เต็ม 800 ไม่จำเป็นต้องทำถูกทั้ง 85 ข้อ โดยปกติ SAT Subject Tests ตอบผิด จะติด ลบ 0.25 จาก raw score น้องที่อยากได้เต็มจะต้องได้ raw score ประมาณ 79 – 80 ถึงจะมีโอกาสได้ 800 เต็มได้ (อันนี้ขึ้นกับความยากข้อสอบแต่ละชุดด้วย) ทีนี้จะต้องทำอย่างไรให้ได้ 800 เต็ม เรามาดู เทคนิค SAT Chemistry จากพี่ก๊อฟ กันครับ
1. ต้องจับเวลาทุกครั้งที่ฝึกทำข้อสอบ
หลายคนฝึกโดยไม่จับเวลาแค่ฝึกว่าทำได้ หรือ ทำไม่ได้ในข้อดังกล่าว จะบอกได้เลยว่าการฝึกแบบนี้ ไม่มีทางเพียงพอต่อการทำ ข้อสอบ SAT Chemistry แน่นอน เพราะว่า มันเป็นข้อสอบที่ต้องใช้ความเร็วมากๆ ในการทำ การไม่เคยฝึกทำ หรือ จัดสรรเวลาในการทำเลย จะไม่สามารถทำให้น้องๆ ประสบความสำเร็จในสนามจริงได้ และควรจับเวลาทำทั้งในระดับข้อ คือ ทำให้ได้เท่ากับค่าเฉลี่ย 42 วินาที และ ฝึกจับเวลาเป็นชุด 1 ชั่วโมง 85 ข้อ
2. ต้องหาโจทย์เก่าๆมาฝึกทำ
พยายามหาโจทย์เก่าๆ ที่เป็นของ College Board จริงๆ มาทำให้ได้มากที่สุด เพราะตัวโจทย์จากสำนักพิมพ์ต่างๆ นั้นอาจจะไม่ตรงประเด็น หรือบางเล่มมีเนื้อหาที่เกินกว่าที่ SAT จะออกทำให้บางครั้งหลายคนอ่านหนังสือสำนักพิมพ์ต่างๆ แล้วไปสอบปรากฎว่าทำไม่ได้ เพราะแนวมันไม่ตรงกัน ส่วนทำไมถึงอยากให้ฝึกของ College Board เพราะข้อสอบของ College Board มีการวนข้อสอบมาออกใหม่ บางครั้งออกแบบเดิมเป๊ะแบบไม่เปลี่ยน choice เลยก็มีดังนั้น ถ้าใครเจอโจทย์ของ college board บ่อยๆ จะเข้าใจและจับทางแนวของข้อสอบ SAT Subject Tests ได้ และมีโอกาสจะได้ Perfect score
3. ต้องสรุปเนื้อหา แนวโจทย์ และจดข้อผิดกลับมาทบทวน
หลายครั้งน้องๆ หลายคนได้คะแนนสูงแล้ว เช่น เกิน 750 แต่ไม่สามารถดันไปถึง 800 ได้ เพราะแม้ว่าจะมีความรู้ทุกบทแล้ว แต่น้องหลายคนไม่แม่นขนาดนั้น ซึ่งการจะได้ 800 ต้องบอกว่าน้องๆ ต้องแม่นมากๆ เลย ดังนั้นการสรุปเนื้อหาและแยกแนวโจทย์ออกเป็นแบบต่างๆ จะช่วยให้เราเวลาใกล้สอบกลับมาทบทวนแล้วสามารถทำได้ดีมากขึ้น และอีกอย่างที่พี่อยากจะแนะนำคือ การจดข้อผิด เพราะส่วนใหญ่มนุษย์เราเวลาผิดจะผิดซ้ำๆ จุดเดิม การจะได้ Perfect score เราจำเป็นต้องปิดจุดอ่อนของเราทั้งหมดให้ได้ การจดข้อผิดและทบทวนจะเป็นการช่วยปิดจุดอ่อนตรงนั้น น้องๆ หลายคนที่พี่สอนมีสมุดจดข้อผิดเป็นของตัวเองเลยทีเดียว แล้วเวลาทบทวนก่อนสอบก็จะง่ายในการทบทวนด้วย
บทความนี้เป็นการสรุปคร่าวๆ ให้กับน้องๆที่อยากจะ พิชิต Perfect score 800 เต็มด้วย เทคนิค SAT Chemistry จากพี่ก๊อฟ สำหรับใครที่ยังลังเลและไม่เริ่มเตรียมตัว พี่ขอแนะนำให้รีบเตรียมตัวให้เร็วขึ้นนะครับ เพราะ SAT Subject Tests สามารถสอบได้หลายรอบ และคะแนนเก็บไว้ได้ 2 ปี น้องที่เริ่มเร็ว ผิดพลาดเร็ว แก้ไขเร็ว ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วเช่นกัน (fail fast, learn fast)
พี่ๆ ignite ยังมีบทความข้อมูล เทคนิคในการทำข้อสอบ SAT ที่น่าสนใจอีกมากมายที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/category/sat/
คอร์ส SAT Subject Chemistry แนะนำให้เรียนตามระดับพื้นฐานของน้อง
น้องคนไหนที่อยากมาเตรียมตัวสอบ SAT Subject Chemistry ให้ได้ Perfect score 800 เต็มกับพี่ก๊อฟ ปีนี้พี่ก๊อฟได้เตรียมคอร์สเรียนทั้งรูปแบบการเรียนคอร์สสด, Mini Class และ ใหม่ล่าสุด! คอร์สเรียน Online ในระบบ Anywhere ที่เหมาะสมตามระดับความรู้พื้นฐานของน้องๆ ไว้ให้แล้ว ตามรายละเอียดในรูปด้านล่างเลยครับ

คอร์สเรียน SAT Subject Tests Online ในระบบ Anywhere
แนะนำรูปแบบการเรียนแบบใหม่ Learn Anywhere ที่ให้น้องๆ สามารถเรียน SAT Subject Chemistry Online ที่ไหนเมื่อไหร่ ก็เรียนได้ ในทุก Platform ไม่ว่าจะเป็น Mobile, Tablet, Notebook หรือ PC ของน้องๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลาเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต

คอร์สเรียนสด และ Mini Class

ภายในคอร์สน้องจะได้พบกับ
- อัพเดตแนวข้อสอบ SAT Subject Chemistry ตามแนวข้อสอบปีล่าสุด
- ทบทวนเนื้อหาเคมี ครอบคลุมทุกบทที่ออกสอบ
- ตะลุยโจทย์แบบเน้นๆ ถึง 3 รูปแบบ โดยใช้ชุดข้อสอบเสมือนจริง พร้อมจับเวลา
- สิทธิพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม SAT Club Chemistry ฝึกทำโจทย์เสมือนจริงกว่า 4 สัปดาห์
- พี่ก๊อฟ Standby พร้อมให้ความช่วยเหลือและตอบทุกข้อสงสัยของน้อง
- น้องจะได้รับสิทธิ์ติว Boost Up และสอบ Mock SAT Subject Exam ฟรี!
สุดท้ายนี้พี่ก๊อฟก็ขออวยพรให้น้องๆ ignite ของพี่ทุกคนโชคดีในการเตรียมตัวสอบนะครับ
สามารถปรึกษาสอบถามรายละเอียดข้อมูลคอร์สเพิ่มเติม และสมัครคอร์สเรียนได้ทาง Line : @ignitebyondemand หรือโทร 02-6580023 , 091-5761475
น้องๆ คนไหนไม่แน่ใจว่าตัวเองควรลงคอร์สไหน เพราะไม่เคยสอบมาก่อนและต้องการวัดระดับความรู้ สามารถเข้าไปทำ Placement Tests ได้ทาง >> https://www.ignitebyondemand.com/placement-test/
ดูรายละเอียด คอร์ส SAT Subject Tests เพิ่มเติมได้ทาง >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/sat-subject-test/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
รีวิวสอบเข้าแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รอบ Portfolio กับโอกาสในการเป็นหมอของชาวเหนือจากน้องฟร๊อก สาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สำหรับใครที่สนใจเรียนคณะแพทย์ พี่มีข้อมูลดีๆ ของคณะแพทย์ จากอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยคุณภาพมาฝากนั่นก็คือ……คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครับ !!! ซึ่งการสอบเข้า คณะแพทย์ มช. เนี่ย สามารถเลือกสอบเข้าได้หลายวิธีเลย แต่วันนี้พี่แอดมินขอพาน้องฟร๊อก รุ่นพี่ ignite ที่สอบติดแพทย์มช. ที่เลือกสอบเข้า ด้วยโครงการเรียนดีภาษาอังกฤษ ใน TCAS รอบ1 ปีล่าสุด มารีวิวการสอบเข้าเพื่อให้น้องๆ ใช้เป็นแนวทางการเตรียมตัวได้อย่างถูกต้องนะครับ…แต่ก่อนอื่นเรามาดู Requirement ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โครงการนี้กันดีกว่าว่าต้องใช้อะไรในการยื่นบ้าง Requirements คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โครงการเรียนดีภาษาอังกฤษ คุณสมบัติของผู้สมัครและคะแนนที่ใช้ยื่น มีผลสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ– โรงเรียนไทย TOEFL (iBT) ≥ 79 หรือ IELTS ≥ 6.5– โรงเรียนนานาชาติ TOEFL (iBT) ≥ 100 หรือ IELTS (Academic) ≥ 7 […]
Comments (0)
-
Blog
ไขข้อสงสัย ความแตกต่างระหว่างหลักสูตร A-Level, IB, AP ในระบบการศึกษาแบบนานาชาติ
ในยุคที่โรงเรียนนานาชาติในไทยพากันผุดเป็นดอกเห็ด บรรดาผู้ปกครองและน้องๆ ก็อาจจะสับสนกับระบบและหลักสูตรต่างๆ ของ โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ทำไมคนนั้นเรียน A-Level แล้ว ระบบ IB ละคืออะไร ทำไมบางโรงเรียนถึงเลือกได้ทั้งสองแบบ ในขณะที่บางโรงเรียนมีแค่ AP แล้วต้องสอบ SAT ด้วย ?? วันนี้พี่เอมี่และพี่แทนจะมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับความต่างของแต่ระบบวิชาในโรงเรียนกันค่ะ โดยหลักสูตรที่ popular ที่สุดในประเทศไทยคงจะหนีไม่พ้นหลักสูตรอังกฤษ ตามด้วยหลักสูตรอเมริกัน และ หลักสูตร IB ตามลำดับ ความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษานานาชาติ หลักสูตรอังกฤษ – หลักสูตรอเมริกัน – หลักสูตร IB พอจะเห็นภาพความแตกต่างของระบบการศึกษาต่างๆ กันแล้วใช่ไหมคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ปกครองที่กำลังเลือกโรงเรียนให้บุตรหลาน หรือน้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระบบโรงเรียนนานาชาติต่างๆ ควรจะศึกษาหลักสูตรที่เหมาะกับความถนัดและความต้องการในการเรียนต่อในอนาคตมากที่สุดค่ะ […]
Comments (0)
-
Blog, SAT
รวมคำถามที่พบบ่อย การสมัครสอบ SAT ปี 2021
สวัสดีครับวันนี้พี่แอดมินพาพี่ภัทร์และพี่ข้าว #กูรูSAT มาเคลียร์ข้อสงสัยใน การสมัครสอบ SAT แบบใหม่ ที่จะใช้ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้น้องๆ กังวลในการสมัครสอบ พวกเราเลยขอรวบรวมคำถามและปัญหาที่พบบ่อยๆ ไว้ที่นี่ที่เดียวกันไปเลย…พร้อมแล้วไปดูคำถามแรกสุดฮิตที่เป็นปัญหาของน้องๆ หลายคนจากพี่ภัทร์ กันก่อนเลยว่าเราควรสมัครสอบ SAT ที่ไหนถึงจะไม่โดนยกเลิก สมัครสอบ SAT ที่ไหนถึงจะไม่โดนยกเลิก by พี่ภัทร์ รวมคำถามที่พบบ่อย ในการสมัครสอบ SAT ปี 2021 Q : วิธีเปลี่ยนสนามสอบ SAT หลังจากที่สมัครทุกอย่างไปเรียบร้อยแล้ว A : เข้าไปที่ my sat > my registration> เลือกรอบที่ต้องการจะเปลี่ยน > กด I would like to…. > change registration (แต่ตอนนี้เหมือนระบบการเปลี่ยนสนามสอบจะเกิดขัดข้อง น้องๆอาจต้องลอง […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
เตรียมตัวอย่างไรให้พิชิต BMAT Biology โดย ครูเคนจิ
สวัสดีครับน้องๆ ว่าที่น้องหมอทุกๆ คน พี่เคนจิ สอนวิชา BMAT Biology ให้ครับ ignite by OnDemand อยากมาแชร์เทคนิคที่หลายๆคนสงสัยว่าจะ เตรียมตัวทำข้อสอบ BMAT Biology ยังไง? ให้ทำได้ครบ ทำได้ทัน และมั่นใจในทุกคำตอบ พี่เคนจิ ได้ไกด์แนวทางในการเตรียมตัวให้น้องๆ ไว้แล้วเริ่มอ่านกันได้เลย เทคนิคเตรียมตัวสอบ BMAT Biology โดยครูเคนจิ 1. ทำความเข้าใจ specification ทำความเข้าใจ specification ให้ดีว่าเราต้องรู้อะไรบ้าง เพราะสิ่งที่เราต้องรู้ในแต่ละปีอาจจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ใช้ตัว specification เป็น checklist ดูว่าเรารู้ทุกอย่างครบถ้วนดีแล้วหรือยัง ข้อสอบจะชอบออกเนื้อหาใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้าไป 2. ทำโจทย์ BMAT เยอะๆ ทำโจทย์เยอะ ๆ เพื่อให้คุ้นเคยกับแนวคำถาม เพราะโจทย์ทั้งยาวและชอบดักทางเรา โดยการใช้คำที่มักทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง อย่างเช่น only, could be กับ must […]
Comments (0)
Comments