BAScii CU คืออะไร? ทำความรู้จักคณะยอดฮิต ทางเลือกใหม่ของผู้ประกอบการ!

สวัสดีน้องๆ ที่อยากเข้า ‘BAScii CU’ ทุกคนนะครับ วันนี้พี่ๆ ignite ได้รวบรวมข้อมูลหลักสูตรสำคัญเกี่ยวกับคณะยอดฮิต คณะนี้กันมาฝาก โดยพี่ๆ ได้เลือกตัวอย่างจากคณะ BASCii CU ซึ่งเป็นคณะในฝันของใครๆ หลายๆ คน มาเป็นแนวทางและเกณฑ์ที่ใช้ในการเตรียมตัวกันครับ..
ปกติเวลาที่น้องๆ เลือกเรียนสายธุรกิจหรือบริหาร น้องๆ ส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงคณะ BBA EBA กันใช่ไหมครับ แต่สำหรับน้องๆ ที่ชื่นชอบธุรกิจที่มีการผสมผสานเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมรวมอยู่ด้วยกัน BAScii จึงกลายเป็นหลักสูตรแรกๆ ที่น้องๆ รุ่นใหม่ให้ความสนใจอย่างมากเป็นพิเศษ เพราะมีความโดดเด่นหลายด้านในคณะเดียวกันเลยทีเดียว
คณะ BAScii CU คือ?

BAScii (The Bachelor of Arts and Science in Integrated Innovation) คือ หลักสูตรศิลปศาสตรและวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมบูรณาการ (หลักสูตรนานาชาติ) เป็นหลักสูตร innovation ที่เน้นทั้งความเป็นผู้ประกอบการ นวัตกรรม และเทคโนโลยี เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี และการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาสังคมและเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกในอนาคตในบริบทนานาชาติ
BAScii CU เรียนอะไรบ้าง?

หลักสูตร BAScii CU จะเรียนเน้นสร้างทักษะที่จำเป็น ผ่านการทำโครงงานที่เน้นการปฏิบัติจริง (Project Based-learning) แบ่งออกเป็นสามพาร์ทได้แก่
1.พาร์ทเเรก General Education Courses เป็นวิชาพื้นฐานทั่วไปที่น้องๆต้องเรียนเหมือนกัน
2. พาร์ทที่สองจะแบ่งออกเป็น 2 Core คือ Core Business คล้าย BBA แต่เป็นแนว Project Base ที่เรียนแล้วได้ลองทำ Business Case เลยและ Core Technology ที่เรียนคล้ายวิศวะคอมทั้ง Front End , Back End อีกทั้งยังสามารถเรียน Specialization ได้ถึง 4 สาขา โดยไม่จำเป็นต้องเลือกเรียนอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
- 2.1 กลุ่มสุขภาวะและการอยู่ดีมีสุข (Health and Wellbeing)
- 2.2 กลุ่มชุมชนเสมอภาคและเมืองอัจฉริยะ (Inclusive Community and Smart City)
- 2.3 กลุ่มการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development)
- 2.4 กลุ่มปัญญาดิจิทัลเชิงประยุกต์ (Applied Digital Intelligence)
3. และสุดท้าย พาร์ทที่สาม คือวิชา Free elective Courses ที่สามารถลงเรียนวิชาเลือกอื่นๆ ที่น้องๆสนใจเพิ่มได้เลย อีกทั้งจุดเด่นของที่นี่คือ Project Seed มีการสอนทำธุรกิจจริง และหล่อหลอมให้นักศึกษาเรียนรู้สร้างธุรกิจตั้งแต่ปี 1
สำหรับน้องๆ ที่เรียน BAScii น้องๆ จะได้เรียนรู้ความสามารถของการเป็นผู้ประกอบการในยุคใหม่ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของแวงวงอุตสาหกรรมและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจะถูกหล่อหลอมด้วยจุดมุ่งหมายที่ว่า การเปลี่ยนแปลงต้องการนวัตกรรม และนวัตกรรมก็นำไปสู่กระบวนการเพื่อการเปลี่ยนแปลง

หลักสูตรออกแบบมาโดยคำนึงถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z ซึ่งอาชีพในอนาคตของผู้คนเหล่านี้จะสนใจ การเป็นผู้นำเทคโนโลยี การเป็นผู้ที่มี Multi-Skill กลุ่ม Start Up นักลงทุน การประกอบอาชีพอิสระ หรือกลุ่มที่มีความคาดหวังที่จะเติบโตมากไปกว่านั้นในบริบทนานาชาติ ก็เป็นได้ เพราะการมาเรียนคณะนี้ ผู้เรียนสามารถออกแบบหลักสูตรได้เองตามด้านที่ตนเองสนใจ โดยหลักสูตรมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเพื่อให้เห็นว่าพวกเขาสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดผลกระทบอะไรให้กับโลกในอนาคตได้บ้าง ผ่านการศึกษาและการค้นคว้าวิจัยของพวกเขา BAScii ได้รับความร่วมมือจากทั้งกระทรวงพาณิชย์ ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โครงการที่น่าสนใจจากทั้งภาคธุรกิจและเอกชนมากมาย รวมถึงการเป็นพาร์ทเนอร์กับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการทำ Workshop ร่วมกันและการศึกษาดูงานต่างๆ ซึ่งจะสร้างโอกาสในการเรียนรู้และเปิดโลกทัศน์ให้กับบัณฑิตอย่างมาก
Requirements BAScii CU


Requirement ของคณะ BAScii CU การสอบจะมีการคิดคะแนนจาก 4 ด้านดังนี้
- ผลคะแนนภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 20) เลือกยื่นระหว่าง IELTS, TOEFL, SAT (Reading and Writing) หรือ CU-TEP
- ผลคะแนนคณิตศาสตร์ (ร้อยละ 30) สำหรับนักเรียนชาวไทย เลือกยื่นระหว่าง SAT (Math) หรือ SAT (Math Level 2) และสำหรับนักเรียนต่างชาติ เลือกยื่นระหว่าง IB ACT หรือ A-Level Math
- ผลทดสอบ Aptitude Test และการสัมภาษณ์ (ร้อยละ 20) ซึ่งจะต้องแสดงถึงการวิเคราะห์เชิงเหตุผล การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ในด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ
- การพิจารณา E-Portfolio & Interview (ร้อยละ 30) ซึ่งจะต้องแสดงความสามารถที่หลากหลาย ประสบการณ์ การมีส่วนร่วมและความสำเร็จหรือรางวัลที่ผ่านมาในงานต่างๆ ทั้งวิชาการและผลงานส่วนตัว โดยรวมแล้วไม่เกิน 10 หน้า
แนวทางการเตรียมตัวสอบเข้า BAScii CU

1. เริ่มเตรียมตัวสอบ Digital SAT แบบเป็น Steps
1. ให้น้องๆ วัดความพร้อมของตัวเองว่า ตอนนี้เรามีความรู้อยู่ในเลเวลไหน และเก็บเนื้อหาในแต่ละวิชาให้หมด โดยน้องๆ สามารถเข้าร่วม Digital SAT Math Checkpoint เพื่อเก็บดีเทลการสอบให้ครบกับทีมผู้เชี่ยวชาญได้เลย
2. น้องๆ ลองดูว่าเหลือเวลาในการเตรียมตัวอีกนานเท่าไหร่ น้องๆสามารถเตรียมเองได้ไหมหรือหากต้องการฝึกแนวทางการทำโจทย์แบบเข้มข้นเพิ่มขึ้น น้องๆก็สามารถเข้ามาตะลุยโจทย์ก่อนสอบกับที่ ignite ได้เช่นกัน
3.หาช่องทางไหนที่เราสามารถฝึกแบบฝึกหัดได้บ่อยๆ การฝึกข้อสอบจาก BLUEBOOK หรือ WORKBOOK จาก ignite เป็นประจำสม่ำเสมอ ก็สามารถช่วยพัฒนาทักษะการทำโจทย์ของน้องๆ ให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นจนคว้า High Score ได้เลย

2. เตรียมตัวสอบ IELTS
สำหรับการเตรียมตัว IELTS พี่ๆ ignite ขอแนะนำให้น้องๆมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อย 1-2 เดือน โดยพาร์ทสำคัญอย่าง Speaking หรือ Writing ควรมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและ Feedback กลับ เพื่อพัฒนาทักษะการสอบให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมีการฝึกทำโจทย์ทั้งสี่พาร์ทอย่างเป็นประจำทุกวัน ก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งหากใครต้องการตัวช่วยเพิ่มเติม น้องๆก็สามารถเริ่มต้นก่อนได้ดังนี้
- เตรียม Intensive IELTS ที่ ignite โดยมีเนื้อหาเพื่อ..
– เก็บไวยกรณ์ทุกเรื่องที่ออกสอบบ่อย
– จำศัพท์ตามหมวดหมู่ที่มักออกสอบได้
– ได้ฝึกเทคนิคในการทำข้อสอบเพื่อลดเวลา
– ได้ฝึกทำโจทย์มากพอเพื่อให้คุ้นชินกับข้อสอบ
- เข้าร่วมกิจกรรม Pathway to Success ของ ignite
– ได้เขียน IELTS Writing และให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจ เพื่อประเมิน Band และรับคำแนะนำเพื่อพัฒนา
– ฝึก Speaking กับ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาทักษะและเทคนิคในการตอบ
- ทดลองสอบ Mock Exam
– ฝึกทำข้อสอบเก่า IELTS จากคลังข้อสอบของ ignite พร้อมจับเวลาในการทำเท่าการสอบจริง
– ทดลองสอบ Mock Exam เพื่อลดความตื่นเต้นตอนไปสอบจริงได้
- Ignite X British Council
– หากพร้อมสอบแล้วสามารถมาสมัครสอบที่ Ignite ได้เพราะเราเป็นสนามสอบของ British Council และได้สนามสอบแบบ Exclusive ด้วย
การทำวิจัยคือผลงานที่สนับสนุน Portfolio BAScii ด้านวิชาการ เลือกหัวข้อที่ไม่ยากแต่สามารถสื่อความเป็นตัวเองได้ดีที่สุด
Timeline ในการเตรียมตัวสอบเข้า BAScii สำหรับ ม.4 และ ม.5


สำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังวางแผนเตรียมตัวและต้องการเพิ่มทักษะ ในการทำข้อสอบเพื่อเข้าคณะ BAScii จุฬา ที่ ignite by ondemand เรามีระบบการเรียนรู้ที่หลากหลายทั้งเรียนสดได้บรรยากาศจริงๆ , ระบบการเรียนรู้แบบ Anywhere ที่ให้น้องๆ เรียนทางออนไลน์ ที่ไหนเมื่อไหร่ ก็เรียนได้, ระบบการเรียน Mini Class ที่สามารถจับกลุ่มเรียนกันแล้วพัฒนาทักษะที่น้องต้องการเป็นพิเศษ และระบบการเรียนแบบตัวต่อตัว One on One ที่สามารถนัดหมายเรียนกับอาจารย์ผู้สอนที่มีโปรไฟล์ระดับเทพ ไปจนถึงติวเข้มกับกิจกรรม Pathway to Success พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย โดยมี พี่ๆ ignite ที่พร้อมอยู่เคียงข้างดูแลน้องๆ จนสอบติดทุกคน
น้องๆ สามารถเข้ามาปรึกษา และสอบถามรายละเอียดข้อมูลคอร์สเพิ่มเติม รวมสมัครคอร์สเรียนต่างๆได้ทาง Line : @ignitebyondemand หรือโทร 02-6580023 , 091-5761475
ดูรายละเอียด คอร์ส IELTS เพิ่มเติมได้ทาง >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/ielts/
ดูรายละเอียด คอร์ส DIGITAL SAT เพิ่มเติมได้ทาง >>
https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/sat-math-cu-aat/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog
IGCSE คืออะไร? ตอบทุกข้อสงสัยไปกับ ignite by ondemand
IGCSE (International General Certificate of Secondary Educational) คือ หลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษที่ทำให้ได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.4 ในไทย ซึ่งหากเรียนจบหลักสูตร IGCSE แล้ว สามารถไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ เช่น AS, A Level, IB หรือเพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย โดยปกติในประเทศไทยนั้น การสอบ IGCSE จะอยู่ในระบบการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอังกฤษ (UK) แต่น้องๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ก็สามารถสมัครสอบ IGCSE ได้โดยตรงกับทาง British Council Thailand นะครับ สำหรับการสอบ IGCSE นั้น ต้องเลือกสอบจำนวน 5 วิชา เพื่อให้ได้ IGCSE Certificate โดย IGCSE มีให้เลือกมากกว่า 70 […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
เจาะลึกเส้นทางสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก “University of Cambridge” น้องพรอมท์ Shrewsbury International School
กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับบทสัมภาษณ์ ignite Idol น้องพรอมท์ Shrewsbury International School ที่เพิ่งสอบติดคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษปีล่าสุดมาหมาดๆ … ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจของประเทศไทยและ ignite มากๆ ที่สามารถส่งเด็กไทย ไปคว้าที่นั่งในคณะแพทย์เคมบริจด์ ได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นคณะแพทย์ที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับว่าสอบเข้ายากที่สุดในโลก วันนี้พี่แอดมินขอพาน้องพรอมท์ มาเจาะลึกเส้นทางสู่คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดเผยเส้นทางสู่การสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก ให้เด็กไทยทุกคนที่มีความฝันได้ศึกษาแนวทางการเตรียมตัวที่ถูกต้อง…พี่แอดมินเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้ประเทศไทยได้คุณหมอที่มีศักยภาพระดับโลกกลับมาพัฒนาวงการสาธารณสุขไทยเพิ่มอย่างแน่นอนครับ ได้ยินว่าน้องพรอมท์อยากเป็นหมอ เพราะต้องการทำงานที่ช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น? เรื่องนี้มีที่มา ที่ไปอย่างไรครับ ใช่ครับ…จริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ ด้วยความที่ยังเด็กมาก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรไปตอนนั้น แต่พอโตขึ้นผมได้มีโอกาสไปสอนหนังสือให้น้องๆ […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
5 โจทย์ที่ต้องเจอใน BMAT Critical Thinking พร้อมเทคนิค CAP รับมือทุกโจทย์ Part 1
สวัสดีครับน้องๆ กลับมาพบกับพี่กั๊กกันอีกครั้งนะครับ ใกล้จะถึงช่วงสอบ BMAT กันอีกแล้ว เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ คงตั้งใจทบทวนโค้งสุดท้ายกันอยู่แน่นอน แต่เนื่องจากการสอบ BMAT นั่นมีหลายพาร์ทเหลือเกิน หากจะต้องโฟกัสทุกจุดคงจะใช้เวลาพอสมควรแน่ๆ วันนี้พี่กั๊กเลยมาพร้อมกับเทคนิควิเคราะห์โจทย์ BMAT Critical Thinking เพื่อเพิ่มเลเวลในการอัพคะแนนของน้องๆ ใน BMAT Part 1 และช่วยลดการใช้เวลาในการนั่งทบทวนว่า เอ้…โจทย์ข้อนี้ต้องการอะไรนะ? แต่ก่อนจะเริ่มเทคนิควิเคราะห์โจทย์จากพี่กั๊ก เรามาทบทวนกันอีกรอบดีกว่าว่า “BMAT Part 1 นั้น จริงๆ แล้วเป็นยังไง?” BMAT Part 1 เป็นอย่างไร ต้องเจอกับข้อสอบแบบไหน? แน่นอนว่าการที่น้องๆ จะสอบเข้าแพทย์และได้เป็นคุณหมอในอนาคต สิ่งๆ หนึ่งที่น้องจำเป็นจะต้องมีก็คือทักษะการคิดวิเคราะห์นั่นเอง ซึ่งหากน้องเป็นคนที่มีการคิดวิเคราะห์สูง ตรงนี้ก็อาจจะสื่อถึงความสามารถในการนำไปปรับใช้กับสถานการณ์เร่งด่วนต่างๆ ที่ต้องเจอในสายอาชีพนั่นเอง ดังนั้นนี่ก็เป็นที่มาของเจ้าตัว BMAT Part 1 โดยในส่วนนี้จะถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2 พาร์ท คือ BMAT Problem Solving (16 ข้อ) : […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เจาะลึกเทคนิคพิชิต ACT Science ข้อสอบเป็นยังไง? ต่างจากข้อสอบอื่นยังไงบ้าง?
สวัสดีครับน้องๆ หลังจากที่หลายคณะเริ่มประกาศรับคะแนนการสอบ ACT เพื่อคัดเลือกนิสิต นักศึกษาใหม่เข้าคณะ เช่น ISE CU หรือ SIIT น้องๆ หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการสอบนี้กันมากขึ้น แถมยังมีบางคนรีวิวอีกว่าข้อสอบ ACT ง่ายกว่าการสอบแบบอื่นๆ วันนี้พี่อิ๊งค์จะมาช่วยไขข้อสงสัยถึงรูปแบบของ ข้อสอบ ACT Science ว่าเป็นยังไง แล้วจะง่ายกว่าข้อสอบอื่นจริงหรือไม่กันครับ ลักษณะข้อสอบ ACT Sciencee ข้อสอบ ACT Science มีคำถาม 40 ข้อ โดยให้เวลาในการทำอยู่ที่ 35 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นข้อสอบ Speed Testมากๆ น้องจะต้องฝึกฝนในการทำให้มาก และฝึกจัดการเวลาในการทำข้อสอบให้เชี่ยวชาญก่อนไปสอบ ซึ่งรูปแบบของคำถาม จะมีการให้ Passage มาประมาณ 6 เรื่อง ในแต่ละเรื่องจะมีคำถาม 4-7 ข้อ […]
Comments (0)
Comments