ความแตกต่างระหว่าง IELTS Paper-Based Test VS IELTS Computer-Delivered Test

ความแตกต่างระหว่าง IELTS Paper - Based Test VS IELTS Computer - Delivered Test
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ อินเตอร์ รวมถึงน้องๆ ทุกคนที่จะใช้คะแนน IELTS ในการยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยนะครับ เชื่อว่าหลายๆ คน คงมีคำถามว่าควร สอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ หรือ แบบกระดาษดี แบบไหนจะเหมาะสำหรับตัวเรามากที่สุด ดังนั้น ในบทความนี้ ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริคขอมาแชร์ความแตกต่างระหว่างการสอบทั้ง 2 แบบ แบบทักษะต่อทักษะกันเลยทีเดียว เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกสอบ IELTS Computer หรือ IELTS Paper แบบไหนที่ตอบโจทย์น้องๆ ที่สุดครับผม

IELTS : Similarities
ก่อนอื่น เรามาเริ่มกันที่ความเหมือนของการสอบทั้ง 2 แบบก่อนนะครับ ไม่ว่าน้องๆ จะเลือกการสอบแบบกระดาษ หรือการสอบแบบคอมพิวเตอร์ ขอให้น้องๆ สบายใจได้เลยครับว่า เนื้อหา รูปแบบคำถาม ทักษะที่สอบ รวมถึงระดับความยากของข้อสอบ ไม่ต่างกันอย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้ การให้คะแนนยังคงอิงตามเกณฑ์เดิมคือมีทั้งหมด 9 Band นะครับ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าน้องๆ จะต้องสอบ Listening, Reading, และ Writing ในคอมพิวเตอร์ แต่สำหรับ Speaking น้องๆ ยังคงต้องสอบกับ Examiner ตัวจริง เสียงจริง แบบตัวต่อตัวเหมือนเดิมนะครับ
สำหรับในประเทศไทย ถือว่าโชคดีมากๆ ที่ผู้จัดสอบทั้ง 2 สถาบัน ไม่ว่าจะเป็น British Council และ IDP ก็ต่างมีการจัดสอบแบบคอมพิวเตอร์กันแล้วทั้งนั้น ดังนั้น ไม่ว่าน้องๆ จะสะดวกสอบที่สถาบันไหน ก็ไม่มีปัญหาเรื่อง Platform ในการสอบอย่างแน่นอนครับ

IELTS : Overall Differences
เมื่อเรารู้จักความเหมือนของการ สอบ IELTS ทั้ง 2 รูปแบบแล้ว เราดูความแตกต่างภาพรวมของการสอบ 2 แบบนี้กันครับ
- ราคา: การสอบ IELTS Paper-Based Test จะมีราคาถูกกว่าการสอบแบบคอมพิวเตอร์ คืออยู่ที่ 6,900 บาท ในขณะที่ค่าธรรมเนียมสอบ IELTS Computer-Delivered Test จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถาบันจัดสอบ น้องๆ สามารถตรวจสอบค่าธรรมเนียมกับทางสถาบันสอบได้เลย
- ผลการสอบ: อีกหนึ่งข้อดีของการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์คือ น้องๆ จะได้ผลการสอบเร็วขึ้นคือภายใน 5-7 วัน แต่หากน้องๆ สอบ IELTS Paper-Based Test ผลการสอบจะออกหลังสอบประมาณ 13 วัน ดังนั้น หากน้องคนไหนรีบใช้คะแนน IELTS ภายในหนึ่งสัปดาห์ ก็ควรเลือกสอบ IELTS Computer-Delivered Test
- ศูนย์สอบ: สถานที่สอบ IELTS จะขึ้นอยู่กับสถาบันที่ผู้สมัครเลือกมีทั้ง IDP และ British Council หากเป็นศูนย์สอบที่กรุงเทพฯ ทั้งสองสถาบันจัดสอบจะมีการจัดการสอบแบบคอมพิวเตอร์ให้ แต่หากเป็นในสนามสอบต่างจังหวัด ในส่วนใหญ่จะเป็นการสอบแบบกระดาษมากกว่า
ทั้งนี้ ผู้สอบสามารถเช็คปฏิทินการจัดสอบ IELTS ได้ในลิงค์ด้านล่างนี้เลย
ตารางสอบ IELTS จัดโดย IDP
https://www.ielts.idp.co.th/seat_th.aspx
ตารางสอบ IELTS จัดโดย British Council
https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts/dates-fees-locations

เปรียบเทียบ IELTS Listening Part
ต่อไป เราจะมาลงรายละเอียดกันที่แต่ละทักษะที่สอบกันนะครับ เริ่มกันที่ พาร์ท Listening ที่จะสอบเป็นทักษะแรก ตามด้วย Reading และ Writing ตามลำดับ ต้องบอกก่อนในแต่ละพาร์ทของการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ น้องๆ จะได้รับกระดาษทดเพื่อจดโน้ตหรือวางแผนการคำตอบด้วยนะครับ ในขณะที่การสอบ IELTS แบบกระดาษ น้องๆ สามารถจดโน้ตลงในกระดาษคำถามได้เลย
ในการสอบ IELTS แบบกระดาษ ในพาร์ท Listening เมื่อเสียงคำถามทั้งหมดสิ้นสุดลงแล้ว น้องจะมีเวลาในการถ่ายคำตอบหรือลอกคำตอบ ที่โน้ตไว้ในกระดาษคำถามลงในกระดาษคำตอบที่เป็นช่องๆ เป็นเวลา 10 นาที ซึ่งก็มากพอที่ให้น้องๆ สามารถลอกคำตอบมาลงพร้อมทั้งสามารถตรวจเช็คความถูกต้องก่อนส่งได้
ส่วนการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ ในพาร์ท Listening น้องๆ สามารถพิมพ์ตอบเข้าไปได้เลยในระหว่างการฟัง หรือกดเลือกคำตอบต่างๆ ในคอม จะมีหมายเลขข้อทุกข้อบอกถึงความคืบหน้าการทำข้อสอบว่าทำไปแล้วกี่ข้อ และเหลือข้อไหนบ้างที่ยังไม่ได้ทำ อย่างไรก็ตาม หลังเสียงบันทึกสิ้นสุดลง น้องทุกคนจะมีเวลาเพียง 2 นาที สำหรับเช็คคำตอบ เมื่อหมดเวลาหน้าจอจะดับลงทันที

เปรียบเทียบ IELTS Reading Part
ต่อไปเรามาดูกันที่ พาร์ท Reading กันนะครับ การสอบในพาร์ทนี้ก็จะมีความแตกต่างค่อนข้างชัดเจนระหว่าง IELTS Paper-Based Test และ IELTS Computer-Delivered Test ลองดูกันครับว่าแบบไหนจะเหมาะกับน้องๆ มากที่สุด
การสอบ IELTS Reading แบบกระดาษ น้องๆ สามารถจดโน้ตในกระดาษคำถาม รวมถึงสามารถขีดเขียนหรือ ขีดเส้นใต้ใน Passage ที่อ่านได้ทั้งหมด และจึงค่อยมาตอบลงกระดาษคำตอบอย่างมั่นใจ อาจช่วยให้น้องจัดกลุ่มไอเดียหรือหาคำตอบใน Passage ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเนื้อเรื่องและคำถามอยู่คนละหน้ากัน น้องก็ต้องคอยเปิดหน้าสลับไปมา อาจเป็นอุปสรรคในการทำข้อสอบได้ ส่วนเรื่องการจับเวลา จะมีผู้คุมสอบคอยจับเวลาและบอกเวลาการทำข้อสอบให้เป็นระยะ
ส่วนการสอบ IELTS Reading แบบคอมพิวเตอร์ พาร์ท Reading น้องๆ จะได้รับกระดาษทดมาเพื่อจดโน้ตได้ แต่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ น้องจะสามารถทำได้เพียงแค่การไฮไลท์ Keyword เท่านั้น แต่ไม่สามารถเขียนบันทึกในเนื้อเรื่องที่อ่านได้ ดังนั้น หากน้องคนไหนที่ชอบการได้โน้ตหรือจดบันทึกก็จะไม่ชอบการสอบแบบนี้ แต่แอบบอกเลยนะครับว่าในพาร์ท Reading นี้ น้องสามารถใช้สูตรลับบนแป้นพิมพ์เพื่อ copy & paste คำตอบจาก passage ได้ เพื่อป้องกันการสะกดผิดในคำตอบนะครับ ส่วนเรื่องการจับเวลา จะมีเวลาจับให้ชัดเจนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ น้องทุกคนก็จะสามารถวางแผนการอ่านได้ดีขึ้นว่าในเวลาเท่านี้ควรทำเสร็จกี่ Passage แล้ว และเช่นเดียวกับพาร์ท Listening หากหมดเวลา หน้าจอจะดับลงทันที

เปรียบเทียบ IELTS Writing Part
พาร์ท Writing ของการสอบ IELTS ทั้ง 2 แบบนี้ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ ถ้าสอบแบบกระดาษจะเป็นการเขียน essay ส่วนถ้าสอบแบบคอมพิวเตอร์จะเป็นการพิมพ์นั่นเอง
ในการสอบ IELTS พาร์ท Writing แบบกระดาษ น้องๆ สามารถที่จะวางแผนการเขียนได้ในกระดาษคำถาม รวมถึงสามารถวงจุดเปรียบเทียบต่างๆในการอ่านรูปภาพใน Writing Task 1 ได้ น้องๆหลายคนที่ชอบการวางแผนก่อนเขียน จะเลือกสอบ IELTS แบบกระดาษมากกว่า เพราะน้องๆก็จะชอบการได้ลบแก้เองในกรณีที่อยากแก้คำใหม่ อย่างไรก็ตาม ในการสอบ Writing แบบกระดาษ น้องๆจะต้องระวังในเรื่องลายมือ ให้แน่ใจว่า Examiner จะอ่านออกในระหว่างการให้คะแนนได้ รวมถึงน้องจะต้องนับหรือประมาณจำนวนคำที่เขียนลงไปเอง กล่าวคือ TASK 1 อย่างน้อย 150 คำ และ TASK 2 อย่างน้อย 250 คำ และระหว่างการสอบ จะมีผู้คุมสอบคอยบอกเวลาเป็นระยะ
ส่วนการสอบ IELTS พาร์ท Writing แบบคอมพิวเตอร์ น้องจะได้กระดาษทดและดินสอสำหรับจดโน้ต แต่น้องจะไม่สามารถเขียนหรือไฮไลท์ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้น น้องๆ จะสามารถทำได้แค่การพิมพ์ตอบเท่านั้น แต่ข้อดีมากๆ ของการสอบ IELTS Writing แบบคอมพิวเตอร์ คือ จะมีระบบนับคำให้แบบอัตโนมัติรวมถึงจะมีเวลาของการสอบบอกชัดเจนบนหน้าจอ และที่สำคัญ การพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ก็จะการันตีว่า Examiner หรือผู้ตรวจข้อสอบจะสามารถอ่านออกได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น หากน้องเป็นคนที่สามารถพิมพ์ได้เร็วอยู่แล้ว หรืออาจมีลายมือที่อ่านค่อนข้างยาก การสอบแบบนี้ก็จะเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อหมดเวลา หน้าจอก็จะดับลงทันที

5 Factors to consider when choosing between IELTS Paper-Based Test and IELTS Computer-Delivered Test
ถ้าหากน้องๆ คนไหนอ่านบทความนี้แล้วยังรู้สึกลังเลว่า จะตัดสินใจเลือก สอบ IELTS แบบไหน ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริคขอแนะนำให้น้องๆ ลองคิดเพิ่มดูตาม 5 ปัจจัยดังนี้ครับ
- ความเร็วในการเขียนหรือพิมพ์: หากน้องเป็นคนพิมพ์ช้า หรือมักพิมพ์ผิด ให้เลือกเป็นการสอบแบบกระดาษดีกว่า
- ลายมือ: หากน้องลายมืออ่านยากมากๆ ควรเลือกเป็นแบบคอมพิวเตอร์ เพราะในพาร์ท Listening และ Reading หากน้องเขียนอ่านยากเกินไป ก็อาจถือว่าเป็นข้อผิดและไม่ได้คะแนนเลยได้ ส่วนในพาร์ท Writing จะมีการหักคะแนนทันทีหากลายมือของน้องอ่านไม่ออกหรือ illegible นั่นเอง
- ความสะดวกสบายและบรรยากาศการสอบ: ถ้าน้องรู้สึกไม่ชอบการอยู่ในการสอบที่สันโดษเกินไป หรือการที่ต้องนั่งอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็อาจไม่ชอบการสอบแบบคอมพิวเตอร์ได้ครับ
- ความสามารถในการพิมพ์คอมพิวเตอร์: คล้ายกับข้อ 1 ข้างต้น หากน้องอยากเลือกสอบ IELTS Computer-Delivered Test น้องๆ จะต้องแน่ใจก่อนว่าเรามีความสามารถในการพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้เร็ว และถูกต้องเพียงพอหรือไม่ก่อนนะครับ มิฉะนั้น การสอบแบบคอมพิวเตอร์อาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบของตัวน้องเองได้ครับ
- ระยะเวลาที่ใช้ผลสอบ: แน่นอนว่าหากน้องๆ มีความจำเป็นที่ต้องใช้ผลสอบ IELTS ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก็ควรเลือกสอบแบบ IELTS Computer-Delivered Test นะครับ

เปิดแล้ว! ศูนย์สอบ Computer-Delivered IELTS สำหรับน้องๆ ignite
ต้องขอบอกว่า เป็นข่าวดีสำหรับน้อง ignite มากๆ เลยครับ เพราะตอนนี้ ignite ของเราได้รับการรับรองจาก British Council IELTS ให้เป็นศูนย์สอบ Computer-Delivered IELTS ศูนย์สอบแรกและศูนย์สอบเดียวใจกลางสยาม และที่สำคัญยังจัดสอบพิเศษให้สำหรับน้องๆ ignite เท่านั้น บอกเลยว่าจะลดความตื่นเต้นต่อสถานที่สอบแน่นอน เพราะเป็นห้องเรียนที่น้องๆ คุ้นเคยกันอยู่แล้ว หากน้องคนไหนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ ห้ามพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้เด็ดขาดครับผม โดยที่ตอนนี้ในเดือนพฤษภาคม 2020 จะเปิดรอบสอบทั้งหมดจำนวน 3 รอบ ได้แก่
17, 24, และ 31 พฤษภาคม น้องๆ สะดวกวันไหนเลือกสอบกันได้เลยครับ ส่วนวันสอบของเดือนอื่นๆ น้องๆ สามารถรอติดตามได้ทาง Facebook และ Line Official Account ของ ignite by OnDemand ครับผม

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับบทความดีๆ แบบนี้ หวังว่าการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการ สอบ IELTS แบบกระดาษ และแบบคอมพิวเตอร์นี้จะช่วยให้น้องๆ เห็นภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถประเมินตัวเองได้ว่าเราเหมาะกับการสอบแบบไหนมากกว่ากันนะครับ
เมื่อเลือกได้แล้วว่าอยากสอบแบบไหน ก็มาเติมความมั่นใจก่อนสอบเพื่อคะแนน IELTS 7.0 Up ไปพร้อมๆ กับดร.พี่กั๊กและพี่แพททริคนะครับ ทาง ignite by OnDemand ของเรามีคอร์ส IELTS และ Advanced Writing for IELTS ให้น้องเลือกเรียนกันทั้งในรูปแบบของ คอร์สสด คอร์ส SELF และ ใหม่ล่าสุด! คอร์ส Anywhere ที่น้องๆ สามารถเรียน Online ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็เรียนได้ ทั้งใน Mobile, iPad, Macbook, Notebook หรือ PC ก็สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ตลอดเวลาเพียงแค่มี Internet
สามารถเข้าดูรายละเอียดคอร์สเรียน IELTS เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/ielts/
ดูรายละเอียดคอร์สเรียนในระบบ Learn Anywhere ทั้งหมดได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/platform-anywhere/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog
PATHWAY TO SUCCESS กิจกรรมที่จะพาลูกของคุณพ่อคุณแม่ไปสู่คณะในฝันที่ ignite by OnDemand
สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ อย่างที่ทราบกันว่าการเตรียมตัวสอบเข้าคณะอินเตอร์ หรือคณะที่เปิดรับใน TCAS รอบ 1 นอกจากการเรียนที่เข้มข้นแล้ว กิจกรรมต่างๆ ระหว่างการเตรียมตัวสอบก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้ลูกๆ ของท่านมีโอกาสสอบติดมากขึ้น เพราะหลักสูตรต่างๆ ที่เปิดรับใน TCAS รอบ 1 มักมองหานักศึกษาที่มีทักษะและประสบการณ์ที่มากกว่าแค่ความรู้ในห้องเรียน ignite เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ เราจึงจัดสรรกิจกรรมมากมายเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจว่าลูกของท่านจะสอบติด…วันนี้แอดมินขอพาผู้ปกครองทุกท่านไปทำความรู้จักกับ “PATHWAY TO SUCCESS” กิจกรรมที่จะพาลูกของคุณพ่อคุณแม่ไปสู่คณะในฝันที่ ignite by OnDemand กิจกรรมแนะแนวและค้นหาตัวตนที่ ignite เริ่มต้นที่การค้นหาตัวตน เพราะการได้เรียนสิ่งที่น้องๆชอบและเป็นตัวเองคือสิ่งสำคัญ ignite จึงจัดกิจกรรมแนะแนวหลากหลายงานตามสายอาชีพในฝัน ไม่ว่าจะแพทย์ วิศวะ บริหารและอื่นๆ อีกมากมายให้น้องๆ ได้ค้นหาตัวเองว่าตนเหมาะจะเข้าไปเรียนในคณะนั้นๆ หรือไม่ IGNITE FAIR & IGNITE DAY งานแนะแนวเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์กว่า 50 หลักสูตร น้องๆ และผู้ปกครองจะได้พบกับบูธรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมตอบข้อสงสัยและให้ปรึกษาน้องๆ อย่างใกล้ชิด โดยน้องๆ สามารถเข้ามาสอบถามทั้งเรื่องเรียน สังคมในคณะและเคล็ดลับการเตรียมตัวสอบแบบ Exclusive และนอกจากบูธจากรุ่นพี่กว่า 50 […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
CU-AAT คืออะไร? ครบทุกข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับข้อสอบ CU-AAT
สวัสดีน้องๆ ทุกคนครับ พี่แอดมินเชื่อว่าตอนนี้น้องๆ หลายคนคงกำลังสงสัยกันใช่มั้ยว่าข้อสอบ “CU-AAT คืออะไร” วันนี้เราจะมาตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการสอบ CU-AAT ตั้งแต่เนื้อหาข้อสอบเป็นอย่างไร มีกี่วิชา ใช้ยื่นคณะไหนได้บ้าง ค่าสมัครสอบและตารางสอบ…ไม่พูดพร่ำทำเพลง พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย !! CU-AAT คืออะไร ข้อสอบ CU-AAT (Chulalongkorn University Academic Aptitude Test) คือ ข้อสอบที่ใช้วัดความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ (Mathematics) และภาษาอังกฤษ (Verbal) ใช้ในการพิจารณาผู้ยื่นเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ของหลักสูตรนานาชาติ จุฬาฯ โดยลักษณะข้อสอบคล้ายกับข้อสอบ SAT ธรรมดาทั้ง Part Mathematics และ Part Verbal แต่ความยากของเนื้อหาข้อสอบจะแตกต่างกันออกไป คณะที่สามารถใช้คะแนน CU-AAT เพื่อยื่นพิจารณาศึกษาต่อ เช่น MEDICAL คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ISE คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) EBA คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) BALAC คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
ความแตกต่างของ CU-ATS vs SAT Subject Tests
สวัสดีครับชาว igniter ทุกคน ตั้งแต่ต้นปี 2021 มานี้ น้องๆ ทุกคนต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้ง การยกเลิกข้อสอบ SAT Subject Tests, สนานสอบ SAT ยกเลิกการสอบเพราะพิษโควิด, Requirement ที่ไม่แน่นอนของทางมหาวิทยาลัยว่าจะใช้คะแนนสอบใดแทนได้บ้าง ทำเอาน้องๆ หลายๆ คนถึงกับตั้งตัวไม่ทันเลย พี่ๆ ignite ทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ครับ อย่างไรก็ตาม สำหรับน้องๆ ทีม ISE CU เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า จะสามารถยื่นคะแนน CU-ATS และ CU-AAT แทน SAT Subject Tests ได้ ดังนั้น พี่ๆ จึงไม่รอช้า มาแชร์แบบหมดเปลือกว่าข้อสอบ CU-ATS มีอะไรที่เหมือนหรือต่างไปจากข้อสอบ SAT Subject Test บ้าง […]
Comments (0)
-
Blog, GED
เคลียร์ทุกข้อสงสัย GED Rescore ทำยังไง ครูหมิง GED Guru มีคำตอบ!
สวัสดีค่ะน้องๆ ทุกคนกลับมาพบกับพี่หมิง GED Guru จาก Ignite กันอีกครั้งนะคะ วันนี้พี่ก็มีข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับการ Rescore GED มาฝาก เนื่องจากช่วงนี้ก็เข้าใกล้การยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว น้องๆ ทีม GED ก็ทักมาถามพี่หมิงกันเยอะมากว่า “อยากเพิ่มคะแนน อยาก Rescore คะแนน GED ต้องยังไงบ้าง” Blog นี้พี่มีคำตอบให้ค่ะ! GED Rescore คืออะไร ทำไมต้องทำ? สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่เคยสอบ GED อาจจะงงว่า Rescore คืออะไร ทำไมต้องทำ? พี่ต้องบอกก่อนค่ะว่าหลายๆ คณะ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่การแข่งขันสูง เช่น CU, TU, MUIC มีการกำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำ บางคณะกำหนดสูงถึง 660+ ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นสมัครเข้าเรียนได้ จึงเป็นที่มาว่าทำไมน้องๆ ที่ตั้งเป้าคณะเหล่านี้มักจะสอบถามเรื่อง […]
Comments (0)
Comments