ความแตกต่างระหว่าง IELTS Paper-Based Test VS IELTS Computer-Delivered Test
ความแตกต่างระหว่าง IELTS Paper - Based Test VS IELTS Computer - Delivered Test
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ อินเตอร์ รวมถึงน้องๆ ทุกคนที่จะใช้คะแนน IELTS ในการยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยนะครับ เชื่อว่าหลายๆ คน คงมีคำถามว่าควร สอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ หรือ แบบกระดาษดี แบบไหนจะเหมาะสำหรับตัวเรามากที่สุด ดังนั้น ในบทความนี้ ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริคขอมาแชร์ความแตกต่างระหว่างการสอบทั้ง 2 แบบ แบบทักษะต่อทักษะกันเลยทีเดียว เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกสอบ IELTS Computer หรือ IELTS Paper แบบไหนที่ตอบโจทย์น้องๆ ที่สุดครับผม
IELTS : Similarities
ก่อนอื่น เรามาเริ่มกันที่ความเหมือนของการสอบทั้ง 2 แบบก่อนนะครับ ไม่ว่าน้องๆ จะเลือกการสอบแบบกระดาษ หรือการสอบแบบคอมพิวเตอร์ ขอให้น้องๆ สบายใจได้เลยครับว่า เนื้อหา รูปแบบคำถาม ทักษะที่สอบ รวมถึงระดับความยากของข้อสอบ ไม่ต่างกันอย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้ การให้คะแนนยังคงอิงตามเกณฑ์เดิมคือมีทั้งหมด 9 Band นะครับ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าน้องๆ จะต้องสอบ Listening, Reading, และ Writing ในคอมพิวเตอร์ แต่สำหรับ Speaking น้องๆ ยังคงต้องสอบกับ Examiner ตัวจริง เสียงจริง แบบตัวต่อตัวเหมือนเดิมนะครับ
สำหรับในประเทศไทย ถือว่าโชคดีมากๆ ที่ผู้จัดสอบทั้ง 2 สถาบัน ไม่ว่าจะเป็น British Council และ IDP ก็ต่างมีการจัดสอบแบบคอมพิวเตอร์กันแล้วทั้งนั้น ดังนั้น ไม่ว่าน้องๆ จะสะดวกสอบที่สถาบันไหน ก็ไม่มีปัญหาเรื่อง Platform ในการสอบอย่างแน่นอนครับ
IELTS : Overall Differences
เมื่อเรารู้จักความเหมือนของการ สอบ IELTS ทั้ง 2 รูปแบบแล้ว เราดูความแตกต่างภาพรวมของการสอบ 2 แบบนี้กันครับ
- ราคา: การสอบ IELTS Paper-Based Test จะมีราคาถูกกว่าการสอบแบบคอมพิวเตอร์ คืออยู่ที่ 6,900 บาท ในขณะที่ค่าธรรมเนียมสอบ IELTS Computer-Delivered Test จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถาบันจัดสอบ น้องๆ สามารถตรวจสอบค่าธรรมเนียมกับทางสถาบันสอบได้เลย
- ผลการสอบ: อีกหนึ่งข้อดีของการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์คือ น้องๆ จะได้ผลการสอบเร็วขึ้นคือภายใน 5-7 วัน แต่หากน้องๆ สอบ IELTS Paper-Based Test ผลการสอบจะออกหลังสอบประมาณ 13 วัน ดังนั้น หากน้องคนไหนรีบใช้คะแนน IELTS ภายในหนึ่งสัปดาห์ ก็ควรเลือกสอบ IELTS Computer-Delivered Test
- ศูนย์สอบ: สถานที่สอบ IELTS จะขึ้นอยู่กับสถาบันที่ผู้สมัครเลือกมีทั้ง IDP และ British Council หากเป็นศูนย์สอบที่กรุงเทพฯ ทั้งสองสถาบันจัดสอบจะมีการจัดการสอบแบบคอมพิวเตอร์ให้ แต่หากเป็นในสนามสอบต่างจังหวัด ในส่วนใหญ่จะเป็นการสอบแบบกระดาษมากกว่า
ทั้งนี้ ผู้สอบสามารถเช็คปฏิทินการจัดสอบ IELTS ได้ในลิงค์ด้านล่างนี้เลย
ตารางสอบ IELTS จัดโดย IDP
https://www.ielts.idp.co.th/seat_th.aspx
ตารางสอบ IELTS จัดโดย British Council
https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts/dates-fees-locations
เปรียบเทียบ IELTS Listening Part
ต่อไป เราจะมาลงรายละเอียดกันที่แต่ละทักษะที่สอบกันนะครับ เริ่มกันที่ พาร์ท Listening ที่จะสอบเป็นทักษะแรก ตามด้วย Reading และ Writing ตามลำดับ ต้องบอกก่อนในแต่ละพาร์ทของการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ น้องๆ จะได้รับกระดาษทดเพื่อจดโน้ตหรือวางแผนการคำตอบด้วยนะครับ ในขณะที่การสอบ IELTS แบบกระดาษ น้องๆ สามารถจดโน้ตลงในกระดาษคำถามได้เลย
ในการสอบ IELTS แบบกระดาษ ในพาร์ท Listening เมื่อเสียงคำถามทั้งหมดสิ้นสุดลงแล้ว น้องจะมีเวลาในการถ่ายคำตอบหรือลอกคำตอบ ที่โน้ตไว้ในกระดาษคำถามลงในกระดาษคำตอบที่เป็นช่องๆ เป็นเวลา 10 นาที ซึ่งก็มากพอที่ให้น้องๆ สามารถลอกคำตอบมาลงพร้อมทั้งสามารถตรวจเช็คความถูกต้องก่อนส่งได้
ส่วนการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ ในพาร์ท Listening น้องๆ สามารถพิมพ์ตอบเข้าไปได้เลยในระหว่างการฟัง หรือกดเลือกคำตอบต่างๆ ในคอม จะมีหมายเลขข้อทุกข้อบอกถึงความคืบหน้าการทำข้อสอบว่าทำไปแล้วกี่ข้อ และเหลือข้อไหนบ้างที่ยังไม่ได้ทำ อย่างไรก็ตาม หลังเสียงบันทึกสิ้นสุดลง น้องทุกคนจะมีเวลาเพียง 2 นาที สำหรับเช็คคำตอบ เมื่อหมดเวลาหน้าจอจะดับลงทันที
เปรียบเทียบ IELTS Reading Part
ต่อไปเรามาดูกันที่ พาร์ท Reading กันนะครับ การสอบในพาร์ทนี้ก็จะมีความแตกต่างค่อนข้างชัดเจนระหว่าง IELTS Paper-Based Test และ IELTS Computer-Delivered Test ลองดูกันครับว่าแบบไหนจะเหมาะกับน้องๆ มากที่สุด
การสอบ IELTS Reading แบบกระดาษ น้องๆ สามารถจดโน้ตในกระดาษคำถาม รวมถึงสามารถขีดเขียนหรือ ขีดเส้นใต้ใน Passage ที่อ่านได้ทั้งหมด และจึงค่อยมาตอบลงกระดาษคำตอบอย่างมั่นใจ อาจช่วยให้น้องจัดกลุ่มไอเดียหรือหาคำตอบใน Passage ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเนื้อเรื่องและคำถามอยู่คนละหน้ากัน น้องก็ต้องคอยเปิดหน้าสลับไปมา อาจเป็นอุปสรรคในการทำข้อสอบได้ ส่วนเรื่องการจับเวลา จะมีผู้คุมสอบคอยจับเวลาและบอกเวลาการทำข้อสอบให้เป็นระยะ
ส่วนการสอบ IELTS Reading แบบคอมพิวเตอร์ พาร์ท Reading น้องๆ จะได้รับกระดาษทดมาเพื่อจดโน้ตได้ แต่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ น้องจะสามารถทำได้เพียงแค่การไฮไลท์ Keyword เท่านั้น แต่ไม่สามารถเขียนบันทึกในเนื้อเรื่องที่อ่านได้ ดังนั้น หากน้องคนไหนที่ชอบการได้โน้ตหรือจดบันทึกก็จะไม่ชอบการสอบแบบนี้ แต่แอบบอกเลยนะครับว่าในพาร์ท Reading นี้ น้องสามารถใช้สูตรลับบนแป้นพิมพ์เพื่อ copy & paste คำตอบจาก passage ได้ เพื่อป้องกันการสะกดผิดในคำตอบนะครับ ส่วนเรื่องการจับเวลา จะมีเวลาจับให้ชัดเจนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ น้องทุกคนก็จะสามารถวางแผนการอ่านได้ดีขึ้นว่าในเวลาเท่านี้ควรทำเสร็จกี่ Passage แล้ว และเช่นเดียวกับพาร์ท Listening หากหมดเวลา หน้าจอจะดับลงทันที
เปรียบเทียบ IELTS Writing Part
พาร์ท Writing ของการสอบ IELTS ทั้ง 2 แบบนี้ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ ถ้าสอบแบบกระดาษจะเป็นการเขียน essay ส่วนถ้าสอบแบบคอมพิวเตอร์จะเป็นการพิมพ์นั่นเอง
ในการสอบ IELTS พาร์ท Writing แบบกระดาษ น้องๆ สามารถที่จะวางแผนการเขียนได้ในกระดาษคำถาม รวมถึงสามารถวงจุดเปรียบเทียบต่างๆในการอ่านรูปภาพใน Writing Task 1 ได้ น้องๆหลายคนที่ชอบการวางแผนก่อนเขียน จะเลือกสอบ IELTS แบบกระดาษมากกว่า เพราะน้องๆก็จะชอบการได้ลบแก้เองในกรณีที่อยากแก้คำใหม่ อย่างไรก็ตาม ในการสอบ Writing แบบกระดาษ น้องๆจะต้องระวังในเรื่องลายมือ ให้แน่ใจว่า Examiner จะอ่านออกในระหว่างการให้คะแนนได้ รวมถึงน้องจะต้องนับหรือประมาณจำนวนคำที่เขียนลงไปเอง กล่าวคือ TASK 1 อย่างน้อย 150 คำ และ TASK 2 อย่างน้อย 250 คำ และระหว่างการสอบ จะมีผู้คุมสอบคอยบอกเวลาเป็นระยะ
ส่วนการสอบ IELTS พาร์ท Writing แบบคอมพิวเตอร์ น้องจะได้กระดาษทดและดินสอสำหรับจดโน้ต แต่น้องจะไม่สามารถเขียนหรือไฮไลท์ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้น น้องๆ จะสามารถทำได้แค่การพิมพ์ตอบเท่านั้น แต่ข้อดีมากๆ ของการสอบ IELTS Writing แบบคอมพิวเตอร์ คือ จะมีระบบนับคำให้แบบอัตโนมัติรวมถึงจะมีเวลาของการสอบบอกชัดเจนบนหน้าจอ และที่สำคัญ การพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ก็จะการันตีว่า Examiner หรือผู้ตรวจข้อสอบจะสามารถอ่านออกได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น หากน้องเป็นคนที่สามารถพิมพ์ได้เร็วอยู่แล้ว หรืออาจมีลายมือที่อ่านค่อนข้างยาก การสอบแบบนี้ก็จะเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อหมดเวลา หน้าจอก็จะดับลงทันที
5 Factors to consider when choosing between IELTS Paper-Based Test and IELTS Computer-Delivered Test
ถ้าหากน้องๆ คนไหนอ่านบทความนี้แล้วยังรู้สึกลังเลว่า จะตัดสินใจเลือก สอบ IELTS แบบไหน ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริคขอแนะนำให้น้องๆ ลองคิดเพิ่มดูตาม 5 ปัจจัยดังนี้ครับ
- ความเร็วในการเขียนหรือพิมพ์: หากน้องเป็นคนพิมพ์ช้า หรือมักพิมพ์ผิด ให้เลือกเป็นการสอบแบบกระดาษดีกว่า
- ลายมือ: หากน้องลายมืออ่านยากมากๆ ควรเลือกเป็นแบบคอมพิวเตอร์ เพราะในพาร์ท Listening และ Reading หากน้องเขียนอ่านยากเกินไป ก็อาจถือว่าเป็นข้อผิดและไม่ได้คะแนนเลยได้ ส่วนในพาร์ท Writing จะมีการหักคะแนนทันทีหากลายมือของน้องอ่านไม่ออกหรือ illegible นั่นเอง
- ความสะดวกสบายและบรรยากาศการสอบ: ถ้าน้องรู้สึกไม่ชอบการอยู่ในการสอบที่สันโดษเกินไป หรือการที่ต้องนั่งอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็อาจไม่ชอบการสอบแบบคอมพิวเตอร์ได้ครับ
- ความสามารถในการพิมพ์คอมพิวเตอร์: คล้ายกับข้อ 1 ข้างต้น หากน้องอยากเลือกสอบ IELTS Computer-Delivered Test น้องๆ จะต้องแน่ใจก่อนว่าเรามีความสามารถในการพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้เร็ว และถูกต้องเพียงพอหรือไม่ก่อนนะครับ มิฉะนั้น การสอบแบบคอมพิวเตอร์อาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบของตัวน้องเองได้ครับ
- ระยะเวลาที่ใช้ผลสอบ: แน่นอนว่าหากน้องๆ มีความจำเป็นที่ต้องใช้ผลสอบ IELTS ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก็ควรเลือกสอบแบบ IELTS Computer-Delivered Test นะครับ
เปิดแล้ว! ศูนย์สอบ Computer-Delivered IELTS สำหรับน้องๆ ignite
ต้องขอบอกว่า เป็นข่าวดีสำหรับน้อง ignite มากๆ เลยครับ เพราะตอนนี้ ignite ของเราได้รับการรับรองจาก British Council IELTS ให้เป็นศูนย์สอบ Computer-Delivered IELTS ศูนย์สอบแรกและศูนย์สอบเดียวใจกลางสยาม และที่สำคัญยังจัดสอบพิเศษให้สำหรับน้องๆ ignite เท่านั้น บอกเลยว่าจะลดความตื่นเต้นต่อสถานที่สอบแน่นอน เพราะเป็นห้องเรียนที่น้องๆ คุ้นเคยกันอยู่แล้ว หากน้องคนไหนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ ห้ามพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้เด็ดขาดครับผม โดยที่ตอนนี้ในเดือนพฤษภาคม 2020 จะเปิดรอบสอบทั้งหมดจำนวน 3 รอบ ได้แก่
17, 24, และ 31 พฤษภาคม น้องๆ สะดวกวันไหนเลือกสอบกันได้เลยครับ ส่วนวันสอบของเดือนอื่นๆ น้องๆ สามารถรอติดตามได้ทาง Facebook และ Line Official Account ของ ignite by OnDemand ครับผม
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับบทความดีๆ แบบนี้ หวังว่าการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการ สอบ IELTS แบบกระดาษ และแบบคอมพิวเตอร์นี้จะช่วยให้น้องๆ เห็นภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถประเมินตัวเองได้ว่าเราเหมาะกับการสอบแบบไหนมากกว่ากันนะครับ
เมื่อเลือกได้แล้วว่าอยากสอบแบบไหน ก็มาเติมความมั่นใจก่อนสอบเพื่อคะแนน IELTS 7.0 Up ไปพร้อมๆ กับดร.พี่กั๊กและพี่แพททริคนะครับ ทาง ignite by OnDemand ของเรามีคอร์ส IELTS และ Advanced Writing for IELTS ให้น้องเลือกเรียนกันทั้งในรูปแบบของ คอร์สสด คอร์ส SELF และ ใหม่ล่าสุด! คอร์ส Anywhere ที่น้องๆ สามารถเรียน Online ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็เรียนได้ ทั้งใน Mobile, iPad, Macbook, Notebook หรือ PC ก็สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ตลอดเวลาเพียงแค่มี Internet
สามารถเข้าดูรายละเอียดคอร์สเรียน IELTS เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/ielts/
ดูรายละเอียดคอร์สเรียนในระบบ Learn Anywhere ทั้งหมดได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/platform-anywhere/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, SAT Subject Tests
รีวิวสอบเข้า ISE จุฬาฯ ด้วย SAT Subject Tests จากน้องโน้ต กรุงเทพคริสเตียน
สวัสดีน้องๆ ที่อยากสอบเข้า ISE หรือ คณะวิศวะอินเตอร์ จุฬาฯ ทุกคนนะครับ!! วันนี้พี่แอดมินพาพี่โน้ต รุ่นพี่ ignite ที่สอบติด ISE จุฬาฯ ปีล่าสุด มารีวิวการสอบเข้าวิศวะอินเตอร์ ด้วยคะแนน SAT Subject Tests เพื่อให้น้องๆ ได้ทราบว่าข้อสอบแต่ละวิชามีความยากง่ายอย่างไร ควรเตรียมตัววิชาไหนก่อนและเคล็ดลับการสอบติดจากพี่โน้ต เพื่อให้น้องๆ ทุกคนใช้เป็นแนวทางการเตรียมตัวได้อย่างถูกต้องนะครับ เคล็ดลับเตรียมตัวให้สอบติด ISE จุฬาฯ สำหรับพี่คิดว่าการเริ่มเตรียมตัวสอบเข้า ISE ตอน ม.5 เทอม 1 เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ ไม่ช้าเกินไป ยังพอมีเวลาเหลือให้เราสามารถไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีกด้วย ถ้าเริ่มต้นเตรียมตัวตอน ม.6 อาจจะทำให้เราเหนื่อยจนไม่ค่อยมีเวลาไปทำอย่างอื่นและถ้ายังไม่ได้คะแนนที่ต้องการในรอบแรก ก็จะมีเวลาแก้ตัวน้อยลงอีกด้วยนะครับ ยิ่งถ้าน้องๆ รู้ตัวและตั้งป้าหมายว่าจะเข้า ISE ตั้งแต่ ม.4 ยิ่งจะทำให้เราเตรียมตัวได้ไว เผลอๆ […]
Comments (0) -
Blog, SAT Subject Tests
สรุปทางเลือกเมื่อ SAT Subject Tests ยกเลิก วิชาไหนบ้างที่ยื่นแทนได้?
เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเลยทีเดียวสำหรับน้องๆ มัธยมที่อยากเข้าคณะอินเตอร์ เมื่อ College board ประกาศว่าต่อไปจะไม่มี Sat Subject test อีกแล้ว น้องๆ หลายคนที่วางแผนไว้ว่าจะสอบในอนาคตตอนนี้คงมีคำถามในใจกันเต็มไปหมด ว่า อ้าว แล้วคณะที่เราอยากเข้าจะทำยังไงละ มันจะส่งผลอะไรยังไงกับเราแค่ไหน ignite ก็เลยเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะเสนอแนวทางในการหาวิชาสอบทดแทนสำหรับน้องๆ ที่ยังมุ่งมั่นว่าจะเข้าคณะอินเตอร์ หรือ หมอในไทย โดยต้องบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้ น้องๆ อินเตอร์อาจจะได้เปรียบกว่านิดหน่อย เพราะหลายคณะยังคงรับการยื่นคะแนน IB, A-Level ที่น้องๆ โรงเรียนนานาชาติต้องสอบกันในโรงเรียนอยู่แล้ว แต่น้องๆ ภาคไทยอย่าเพิ่งน้อยใจกันไป เพราะบางคณะยังคงเปิดให้ยื่นวิชาอื่นแทนด้วย จะเป็นอะไรนั้นตามดูกันได้เลยครับ เมื่อ SAT Subject test ยกเลิก เราจะใช้วิชาไหนสอบแทนได้บ้าง มาดูกันเลย ! #ทีมเด็กไทย เริ่มกันก่อนกับคณะยอดฮิต […]
Comments (0) -
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
ถอดรหัสข้อสอบ BMAT ตาม Specification 2021
สวัสดีครับว่าที่น้องหมอทุกๆ คน สำหรับปีนี้ทาง Cambridge Assessment ได้ประกาศอัพเดท BMAT Specification ปี 2021 มาแล้ว ทางทีมครู ignite ไม่รอช้า ขอมาเล่าสรุปให้น้องๆ ฟังกันครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม แอบบอกข่าวดีกับน้องๆ ก่อนครับว่าปีนี้โครงสร้างและหัวข้อที่ออกสอบใน BMAT โดยส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกับ BMAT Specification ปีที่แล้วเลยครับผม และไม่ต้องกังวลไปเลยครับ สำหรับในส่วนที่ต่าง ทางคุณครู ignite ก็จะอัพเดทในคอร์สเรียนของปีนี้ด้วยครับ ทำความรู้จักโครงสร้างข้อสอบ BMAT ก่อนอื่น เรามาทบทวนโครงสร้างข้อสอบ BMAT กันอีกครั้งครับ ข้อสอบ BMAT ยังคงมีทั้งหมด 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ 1. Thinking Skills, 2. Scientific Knowledge and Applications, และ 3. Writing Task โดยแต่ละส่วนจะประเมินผู้เข้าสอบดังนี้ Thinking […]
Comments (0) -
Blog, EP ม.ต้น
คุณพ่อคุณแม่ห้ามพลาด! พี่โน้ตชวนดูเปิดหลักสูตร Math EP ม.ต้น เรียนเนื้อหาอะไรบ้าง?
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ทุกคนนะครับ พี่โน๊ต จาก ignite เองนะครับ ในปัจจุบันยุคนี้ พี่เชื่อว่ามีผู้ปกครองหลายๆท่าน ได้เริ่มวางแผนการเรียนของลูกตั้งแต่ระดับประถม มัธยม เพื่อให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและวางเส้นทางให้น้องๆ ไปถึงฝั่งฝัน และเชื่อว่า โครงการ EP หรือหลักสูตร English Program เป็นอีก 1 หลักสูตรที่ผู้ปกครองหลายท่านให้ความสนใจ แต่หลายๆ ท่านคงยังมีข้อสงสัยไม่น้อยว่าจริงๆ แล้ว หลักสูตรนี้มันคืออะไร? และในแต่ละวิชาต้องเรียนเนื้อหาอะไรบ้าง? วันนี้พี่โน๊ตจะมากาง syllabus วิชาคณิตศาสตร์ Math หลักสูตร EP ว่าในแต่ละระดับชั้น ม.1-ม.3 ต้องเรียนอะไรบ้าง? เพื่อช่วยตอบทุกข้อสงสัยก่อนที่ผู้ปกครองจะวางแผนการเรียนให้กับลูกๆ นะครับ ทำความรู้จักกับหลักสูตร English Program (EP) หลักสูตร EP หรือ English Program คือ หลักสูตรที่มุ่งเน้นที่จะเสริมสร้างทักษะด้านภาษาอังกฤษให้แก่นักเรียน โดยใช้หลักสูตรการเรียนการสอนและสาระการเรียนรู้ต่างๆ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ โดยนักเรียนในหลักสูตรนี้จะเรียนภาษาอังกฤษที่เข้มข้นกว่าภาคปกติ สำหรับหลักสูตร EP นอกจากจะเรียนวิชาภาษาอังกฤษมากกว่าหลักสูตรไทยปกติแล้ว ยังเรียนบางวิชาเป็นภาษาอังกฤษด้วย เช่น […]
Comments (0)
Comments