เปิดเผยทุกเคล็ดลับสอบติด ISE Chula ภาค ICE น้องแพน โรงเรียนโยธินบูรณะ

สวัสดีครับ .. ผมชิษฐากฤช พึ่งสุข หรือเรียกว่า แพน ก็ได้ครับ มาจากโรงเรียนโยธินบูรณะ โครงการภาคภาษาอังกฤษครับ .. สอบติด ISE Chula ภาค ICE ครับ .. วันนี้จะมาแนะแนวการสอบเข้า แบ่งปันวิธีคิดวิธีการ และให้กําลังใจสําหรับคนที่มีความฝันอยากเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกในรั้ว ISE Chula กันครับ .. หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ
จุดเริ่มต้นของการสอบอินเตอร์ เพื่อเข้า ISE Chula
เหตุผลที่เลือกสอบ inter เหตุผลแรกคือผมเรียนโครงการภาคภาษาอังกฤษที่โยธินอยู่แล้ว เนื้อหาที่โรงเรียนก็จะสอนเนื้อหาแบบหลักสูตรไทยแต่สอนเป็นภาษาอังกฤษ.. เพราะฉะนั้นแนวการเรียนจึงเหมาะกับการสอบ SAT ของหลักสูตร inter เพราะว่าเนื้อหาของ ข้อสอบ จะง่ายกว่าเนื้อหาของหลักสูตรไทยแต่ว่าข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยก็ได้ข้อดีข้อนี้ไปครับ
.. เหตุผลต่อไปคือการสอบ inter ทำให้ผมรู้จักคําว่า “โอกาสและศักยภาพ” โอกาสที่ทุกคนสามารถพยายามพัฒนาตนเองเพื่อดึงศักยภาพภายในเพื่อประสบความสําเร็จได้ เพราะการสอบ inter หลายชุดทั้ง SAT, IELTS และ CU-TEP สามารถสอบได้หลายครั้งในหนึ่งปี ทําให้เรามีโอกาสที่จะวางแผนพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ได้คะแนนตามศักยภาพที่ดีที่สุดของเรา .. ถ้าได้คะแนนไม่ดีก็เหมือนกับชีวิตจริงที่ล้มแล้วลุกต้องเรียนรู้แล้วสู้ต่อจนสุดทาง.. ตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้ .. เราย่อมมีสิทธิ์ชนะครับ..(โอ้วว..ต้องคิดขนาดนีกันเลย)
.. เหตุผลสุดท้ายคือหลักสูตร inter มีการเรียนการสอนที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดซึ่งจําเป็นต่อการใช้ชีวิต การทํางานในปัจจุบันและในอนาคตมากเพราะตอนนี้เกือบทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็ถูกถ่ายทอดเป็นภาษาอังกฤษหมดครับ
ความฝันของการอยากเรียนวิศวะอินเตอร์
ผมมีความฝันอยากเป็นผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของธุรกิจบริษัทเทคโนโลยี (Tech company) ครับซึ่งความรู้พื้นฐานของธุรกิจพวกนี้คือ ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและบวกกับการที่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยตัดสินใจเลือกเรียน “วิศวะ” ครับ .. มากไปกว่านั้นผมเชื่อว่าการเรียนวิศวะทําให้คนมีความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลอย่างมีระบบ ซึ่งผมว่า..มันเป็นสิ่งจำเป็นในการดําเนินชีวิตครับ
ทําไมเลือกเรียน ISE Chula
เทคนิคพิชิตคะแนน SAT Subject Tests 800 เต็ม

เนื่องจากผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เลยได้แนวคิดที่ว่า..การที่เราจะประสบความสําเร็จได้นั้น มันมีองค์ประกอบจากวิธีคิด (mindset) และวิธีการ(method) ซึ่งวิธีคิดที่ถูกต้องจะนําไปสู่วิธีการที่ถูกต้องครับ.. สิ่งที่ผมจะมาแบ่งปันนั้นก็จะแบ่งเป็นวิธีคิดว่า ต้องคิดยังไง ถึงจะได้คะแนนสูงขึ้น ซึ่งจะนําไปสู่วิธีการ ว่าต้องทําอย่างไร ถึงจะได้คะแนนสูงตามศักยภาพของตัวเอง..ติดตามกันเลยครับ
วิธี..คิด..พิชิต SAT Subject Tests 800 เต็ม
ก่อนอื่นเลย .. เราต้อง ปรับ mindset หรือทัศนคติของเราให้เป็นบวกพร้อมกับการเดินทางสู่ความฝันของเราก่อนครับ .. mindset ของผมคือ
มีเป้าหมายที่ชัดเจน focus กับเป้าหมาย ทําแบบสุดตัว และสู้จนสุดทางครับ
ในทุกการสอบ ไม่ว่าจะเป็น SAT, IELTS หรือ CU-TEP ผมจะมองว่ามันเป็น “ความท้าทาย” ที่ทําให้เราเก่งขึ้นและมีจิตใจที่แข็งแกร่งมากขึ้น
มองทุกอุปสรรคเช่นการได้คะแนนตํ่าๆว่าเป็น “อุปกรณ์ในการฝึกใจ” ที่เราจะต้องพัฒนาตัวเองและผ่านไปให้ได้ครับ .. เมื่อคิดอย่างงี้เราจะมองข้อสอบในแง่ที่ดีขึ้น ไม่กลัว ไม่เกร็ง ไม่เครียด ไปกับมันครับ .. ในทางกลับกันเราจะรู้สึกดีกับข้อสอบเหล่านั้นที่ช่วยฝึก ช่วยทําให้เราเก่งขึ้น .. และสนุกไปกับการพัฒนาตัวเอง ..
แต่ว่าแค่นี้มันยังไม่พอครับเพราะ mindset พวกนี้อาจหายไปเมื่อเราลืมตัว โดยเฉพาะตอนที่เรา down สุดๆ หรือผิดหวังจนความกลัวเข้าครอบงําจิตใจ .. ในการที่จะแก้ปัญหาตรงนี้คือ .. เราจะต้องมี “สติและสมาธิ” อยู่ตลอดเวลาครับ..เราต้องมีสติที่จะยึดอยู่กับอยู่กับเป้าหมาย และมีสติมากพอที่จะขจัดความคิดลบๆ ออกไปจากจิตใจครับ ….เมื่อเราคิดและมีสติอย่างงี้อยู่เรื่อยๆ เราจะเริ่มมี “ความเชื่อ” ว่า .. “เราทําได้” และความเชื่อนี้แหละครับ จะนําเราไปสู่วิธีการที่ถูกต้องและความสําเร็จครับ
วิธีการ..พิชิต SAT Subject Tests 800 เต็ม
เมื่อเรามีวิธีคิดที่ถูกต้องแล้ว .. มันจะทําให้เราทําวิธีการที่ถูกต้องด้วยความคิดบวกและมีกําลังใจกับเป้าหมายครับ … สิ่งต่อไปนี้ก็จะเป็นวิธีการที่ผมปฎิบัติมาครับ
- วางแผน = เริ่มต้นจากเมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว .. เราก็ต้องหาข้อมูลและวางแผนครับ .. ผมก็เข้าไปหาข้อมูลทางช่องทางต่างๆทั้งทางในอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะในเว็บไซต์ของ ISE ครับ .. และที่สําคัญที่สุดไปหาที่ปรึกษาที่วางใจอย่าง ignite by OnDemand ครับ .. พี่ที่ ignite ก็น่ารักมากครับให้คําปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรก .. ตั้งแต่แนะนําว่า ISE คืออะไร requirement มีอะไรบ้าง .. จนไปถึงการบอกว่า SAT คืออะไรและสมัครสอบยังไงครับ .. มากไปกว่านั้นพี่ภัทรและพี่เกรทยังให้คําแนะนําดีๆ ในการวางแผนการจัดตารางสอบ ว่าต้องสอบอะไรเดือนไหนตั้งแต่เริ่มเมื่อ 2 ปีที่แล้วจนถึงเดือนสุดท้ายก่อนการยื่นคะแนนครับ ทําให้กลับมาวางแผนตารางเองได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ subject test ส่วนใหญ่ผมจะลงไปมากกว่า 1 วิชาในครั้งเดียวครับ .. แต่จะ focus ไม่เกิน 2 วิชาต่อครั้งครับ ในการสอบผมจะ focus ไปที่เลขก่อนครับเพราะถ่วงคะแนน 30% จัดการตรงนี้ให้จบก่อน .. แล้วค่อยไปทุ่มกับวิทย์ซึ่งถ่วงคะแนนถึง 40% ครับ .. หลังจากนั้นค่อยไปจดจ่อกับอังกฤษครับซึ่งถ่วง 20% แต่ถึงแม้ว่าอังกฤษจะถ่วงน้อยที่สุดแต่ในการยื่นคะแนนจริง .. แต่วิชานี้แหละครับเป็นตัววัดชีวิตของเราเพราะคะแนนรวมของทุกคนจะตัดกันที่อังกฤษ .. เพราะฉะนั้นอังกฤษก็สําคัญไม่แพ้วิชาอื่นเลยครับ
- เลือกที่เรียนที่ใช่ = ในการเดินทางจําเป็นต้องมีคนนําทางเพื่อไปสู่จุดหมาย .. สําหรับผม ignite by OnDemand คือคนนําทางที่ใช่คนนั้นครับ ส่วนตัวผมลง คอร์ส Engineer pack และ Live advance SAT subject test Math LV2 ครับ .. ในคอร์ส Engineer pack ก็จะมีคอร์ส subject test ของ Physics , Chemistry และ Math level 2 ครับ .. คอร์สนี้ก็จะเป็นคอร์สที่สอนตั้งแต่ให้เข้าใจตั้งแต่พื้นฐาน คิดเป็นระบบ พร้อมสรุปเนื้อหา และทําโจทย์ครับ .. ส่วน Advance Math level 2 .. อันนี้จะเป็นคอร์สสดที่ไปนั่งเรียนกับพี่ภัทรตัวจริงครับ .. คอร์สนี้ก็จะเน้นไปที่การสรุปเนื้อหาและตะลุยโจทย์ครับ แต่ไม่ว่าคอร์สไหนสิ่งที่ดีมากคือสรุปท้ายบทของแต่ละวิชาที่ใช้งานได้จริง ช่วยให้คิดเป็นระบบ เข้าใจง่ายและโดยเฉพาะ Physics ที่เปลี่ยนโจทย์เป็นภาพครับ
- จัดตารางการเรียน = หลังจากที่วางแผนตารางสอบเสร็จแล้วและเลือกที่เรียนแล้ว. ก็ต้องมาจัดตารางเรียนครับ .. เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราต้องเรียนวิชาไหนเวลาไหนเพื่อให้ทันกับสอบในช่วงนั้นครับ .. ซึ่งตารางเรียนและตารางสอบต้องสอดคล้องกันครับ
- จัดตารางการอ่านหนังสือ = การจัดตารางอ่านหนังสือ .. ตารางนี้ต้องมีความสอดคล้องกับตารางการเรียนและตารางสอบครับ .. เพราะตารางสอบและตารางเรียนจะเป็นตัวกําหนดว่าเราควรอ่านวิชาไหนตอนไหน ยกตัวอย่างเช่นถ้าสอบและ focus SAT Math เดือนพฤษภาคมก็จะอ่าน SAT Math อย่างเดียวตั้งแต่เดือนมกราคม แล้วพอสอบ SAT Math เสร็จที่จะต้องสอบ focus ต่อไปคือการสอบ SAT Subject Math level 2ในเดือนพฤศจิกายนผมก็จะไปอ่าน Math level 2 ตลอดจนถึงเดือนจนถึงพฤศจิกายนครับ
- ขยันและมีวินัย = สิ่งนี้เป็นสิ่งสําคัญอันดับแรกๆ ของความสําเร็จเลยก็ว่าได้ครับ .. เพราะความขยันและวินัยจะเป็นสะพานที่พาเราไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด.. ทุกอย่างที่จัดมาและวางแผนมาจะเปล่าประโยชน์หากไร้ความขยันและมีวินัยครับ .. ขยันในการเรียนตามตาราง ขยันในการอ่านหนังสือทุกวัน ขยันทบทวน จับเวลาทําข้อสอบ มีวินัยกับตารางที่จัดไว้และมีวินัยกับตัวเองครับ และสุดท้ายต้องมี commitment กับเป้าหมายครับ
สิ่งสำคัญคือการทุ่มแบบสุดตัว .. สู้จนสุดทางและทําทุกอย่างด้วยความเชื่อครับ
แผนเตรียมตัวสอบติด ISE Chula ภาค ICE

เนื่องด้วยผมต้องยื่นคะแนนเข้า ISE Chula ในปลายปี 2019 ผมจึงจัดตารางการสอบและอ่านหนังสือและการเรียนย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี 2018 ครับ .. โดยผมใช้ตารางในการสอบเป็นตัวกําหนดช่วงเวลาอ่านหนังสือและช่วงเวลาเรียนครับ ..
อย่างที่เห็นจากตาราง ผมเลือกที่จะสอบ SAT Math ก่อนนะครับดังนั้น ผมจะเตรียมตัววิชานี้ตั้งแต่ช่วงต้น ปี 2018 เพื่อสอบเดือนพฤษภาคมครับจากนั้นจึงเอาเวลาไปให้กับ SAT Subject Tests โดยนํา Math lv2 ขึ้นมาก่อนและสามารถทําคะแนน Math lv2 ได้ 790ในปลายปี 2018 ครับ ตามที่วางแผนเท่ากับผมสามารถจบ Math ในต้นปี 2018 .. เพื่อปี 2019 ที่เหลือสามารถเอาเวลาไป Focus ให้กับ Physics และ Chemistry ซึ่งคะแนนกลุ่มวิทย์จะมีการถ่วงน้ำหนักของคะแนนถึง 40% โดยผมเลือกที่จะ focus Physics เป็นอันดับแรกครับและลงสอบ SAT Subject Test Physics and Chemistry ในเดือนพฤษภาคม 2019 และสามารถได้ Physics 800 หลังจากนั้นช่วงมิถุนายน ถึง สิงหาคมผมก็มาเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษทั้ง IELTS และ CU-TEP ครับซึ่งตอนนั้นได้ IELTS 7 และ CU-TEP 85
มาถึงตรงนี้..ผมก็พอมีเวลาเหลือที่จะ Up Score เพื่อไต่ลำดับล่ะครับ .. ที่เดือนตุลาคมผมก็ลงสอบ SAT Subject Tests ครั้งสุดท้ายครับและได้คะแนน Chemistry มา 800 ครับ .. หลังจากนั้นมีเวลาเหลืออีก 2 เดือน .. ก็เอาเวลาไปเพิ่มคะแนนอังกฤษ CU-TEP ครับและจบด้วยคะแนน 102 ครับท้ายสุดก็ ถึงเป้าหมายการเข้าสู่ ISE ในลำดับที่ 26 จาก 165 คนที่ได้สิทธิ์ รอบ early round .. ได้เลือก ICE สมใจครับ..!
สามารถดูข้อมูล Requirement ของทางคณะ ISE ปีการศึกษา 2563 เพิ่มเติมได้ที่ link : http://www.ise.eng.chula.ac.th/document/pangpr/Early_Admissions.pdf
เคล็ดลับเตรียมตัวให้สอบติด ISE Chula ภาค ICE

เทคนิคการอ่านหนังสือ = การสอบ 1 ครั้งจะไม่ Focus อ่านหนังสือเกิน 2 วิชาครับ .. สมมุติลง Subject ไป 3 วิชาก็อ่านจริงๆแค่ 2 ที่เหลืออีกวิชาก็เป็นการลองสนามครับ .. ส่วนเวลาการอ่านหนังสือผมจะอ่านแบบเตรียมการสอบก่อนการสอบครั้งนั้นๆ เช่นเดือนพฤศจิกายนมีการสอบ Math level 2 ตั้งแต่กลางปีก็จะอ่านแต่ Math level 2 พอสอบเสร็จก็ไป Focus Physics กับ Chemistry ตลอดจนถึงเดือนพฤษภาคมที่จะสอบครับ ตอนอ่านผมก็จะอ่านทวนที่เรียนมาก่อนให้ครบก่อนทั้งเนื้อหาและโจทย์แบบฝึกหัด และอ่านสรุปหลายๆ รอบอะไรที่จําไม่ได้ก็คัดออกมาเลย แล้วค่อยไปจับเวลาทําข้อสอบเสมือนจริง .. ข้อสอบก็เอามาจากท้ายหนังสือของแต่ละวิชาที่เรียนกับ ignite จะมี full test อยู่สามสี่ชุดครับ และก็เอามาจาก Mock exam ครั้งต่างๆ ครับ
นอกจากนี้ก็จะมีหนังสือที่พี่ๆ ให้แนะนําไปซื้อมาทําเพิ่มเติมครับพวก College board , Princeton , Barron ครับส่วนการจับเวลาตอนแรกๆ ก็จะจับแบบเต็มเวลาครับ .. แล้วค่อยๆ ลดลง 5-10 นาทีเมื่อเราคล่องขึ้นครับ .. และที่สําคัญพอทําข้อสอบเสร็จหนึ่งชุดแล้ว .. อย่าลืมที่จะตรวจเช็คคะแนนของตัวเองและจดข้อที่ผิดเอาไว้พร้อมหัวข้อที่ผิดทําอย่างงี้ไปเรื่อยๆ จะได้รู้ว่าเราไม่แม่นเรื่องไหนจะได้กลับไปทวนได้ครับ ..
ส่วนช่วงใกล้สอบผมจะเน้นไปที่การทําชุดข้อสอบเหล่านั้นซั้าเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เพื่อเพิ่มความชํานาญให้กับตัวเองและกลับมาทวนเนื้อหาที่เรายังไม่แม่นอีกหลายๆ รอบครับ .. ส่วนเรื่องเรียนถ้าเรียนเป็นระบบ self เนื่องจากคอร์สมีอายุ 2 ปี ผมก็เรียนควบคู่ไปกับการอ่านหนังสือเลย เช่น ถ้าช่วงนี้อ่าน Physics เนื่องจากจะมีการสอบเร็วๆ นี้ก็จะเรียน Physics ไปเรื่อยๆ วนหลายๆ รอบเพื่อเพิ่มความเข้าใจครับ
ปล.. ขอบอกว่าแบบฝึกหัด Physics ในคอร์ส Engineer pack ของพี่เกรทตรงกับข้อสอบจริงเกิน70% ครับ .. ในการสอบรอบ May 2019 .. แบบไม่เปลี่ยนตัวเลขไม่เปลี่ยนโจทย์ครับ .. มากไปกว่านั้น past paper หรือชุดข้อสอบเก่า Math Level 2 ของพี่ภัทรก็คือชุดที่เอาไปออกข้อสอบจริงแบบเหมือนเดิมทุกประการในรอบ November 2018 ครับ
บรรยากาศการสัมภาษณ์ของคณะ ISE Chula
ตอนสัมภาษณ์ก็จะไปจัดที่คณะครับในห้องประชุมบรรยากาศก็จะมีโต๊ะหลายๆ โต๊ะ 1 โต๊ะ/1 กลุ่มในแล้วเขาจะเรียกตามคิวของแต่ละกลุ่มครับคําถามก็จะขึ้นอยู่กับอาจารย์ประจําโต๊ะครับบ้างกลุ่มก็เจอยากแต่บ้างกลุ่มก็ง่ายครับ .. แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคําถามพื้นฐาน เรื่องความฝัน ทําไมถึงอยากเรียนที่ ISE Chula แล้วเรียนที่ ISE เติมเต็มความฝันในอนาคตของเราอย่างไรครับ .. ขั้นตอนการเตรียมตัวหลังจากที่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์สัมภาษณ์ครับก็ไปเข้า Mock สัมภาษ์ณที่ ignite กับพี่ภัทรและก็หาข้อมูลเพิ่มทางอินเตอร์เน็ตครับ
ความประทับใจที่ ignite by OnDemand ของน้องแพน ISE ภาค ICE

ตลอดเวลา 2 ปีในภารกิจนี้ .. สําหรับผม ignite by OnDemand เป็นมากกว่าโรงเรียนกวดวิชาครับ เพราะที่นี้เป็นเหมือนผู้นําทาง และผู้อยู่เคียงค้างตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้ายครับ.. สิ่งที่ผมประทับใจในที่แห่งนี้คือ
- ที่นี้มีการเรียนการสอนที่เป็นเอกลักษณ์ .. มีเทคนิคการสอนที่ดีมากครับ .. เพราะที่นี้สอนให้เข้าใจตั้งแต่พื้นฐานให้คิดเป็นระบบ .. และมีสรุปเนื้อหาที่ให้เข้าใจตั้งแต่ภาพรวมจนไปถึงรายละเอียด เข้าใจง่ายเปลี่ยนเนื้อหาเป็นภาพ และมีวิธีการทําโจทย์ที่ให้คิดแบบเป็นขั้นเป็นตอนครับ
- พี่ที่สอนเป็นมากกว่าติวเตอร์ที่มาสอนครับ .. เพราะเป็นทั้ง ครู ที่ปรึกษา และเพื่อนครับ .. นอกจากที่พี่แต่ละคนมีเอกลักษณ์การสอนที่ไม่เหมือนกันแล้ว แต่พี่ทุกคนที่นี้สอนเข้าใจและสนุกหมดครับไม่ค่อยน่าเบื่อเลย .. และที่ประทับใจมากๆ คือตารางของพี่ภัทรที่เป็นการวิเคราะห์ตารางคะแนนของ ISE ครับ ทําให้รู้ว่าคะแนนของเราอยู่ที่อันดับเท่าไหร่ แล้วเมื่อยื่นคะแนนจริง นอกจากนี้พวกพี่ยังคอยให้คําปรึกษาดีๆ ทั้งเรื่องการสอบ การเรียนที่โรงเรียน จนถึงการใช้ชีวิตประจําวันครับ .. ถึงเวลาที่เป็นกันเองพี่เขาก็คุยสนุกไม่ต่างอะไรกับเพื่อนครับ .. ถึงเวลาที่ต้องการกําลังใจพี่เขาก็ให้คําพูดดีๆ เพื่อให้มีกําลังใจสู้ต่อครับ.. ส่วนตัวผมประทับใจพี่เกรทมากที่สุดครับ
- ทีมงานเบื้องหลังที่นี้เก่งมากครับ ไม่ว่าจะเป็นทีมงานจัดงานที่จัดงานแนะแนวได้ดีมาก .. ทั้งงานติว Boost up ก่อนสอบเกือบทุกรอบเพื่อเพิ่มกําลังใจและสรุปเนื้อหา .. งานแนะแนวการศึกษาทั้ง inter insight และ ignite day ที่ทุ่มเทจัดงานได้ครบทั้งข้อมูล ความสนุกและประสบการ์ณครับ .. หรือว่าทีมการศึกษาที่คอยทําตําราเรียนหาชุดข้อสอบเก่าและทํา trend ข้อสอบที่แม่นและได้ประโยชน์ครับ .. ถ้าไม่ได้ทีมนี้ผมคงไม่ได้เจอข้อสอบที่ตรงกับแบบฝึกหัดและ past paper อย่างที่กล่าวไปขั้นต้นครับ .. และสุดท้ายทีมเทคโนโลยีการศึกษาที่ทําระบบดีๆ โดยเฉพาะ ระบบ online solution ที่สามารถเข้าไปดูเฉลยตลอด 24 ชั้วโมง และระบบ Clear ที่คอยคลายความสงสัยและตอบคําถามครับ
กำลังใจฝากให้น้องๆ ที่อยากสอบติด ISE Chula ทุกคน

สุดท้ายนี้ขอฝากข้อคิดและกําลังใจให้กับทุกคนที่มีฝันครับ.. ว่าสุดท้ายแล้วความสําเร็จที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการไปถึงเป้าหมาย .. ในทางกลับกันความสําเร็จที่แท้จริงเกิดจากการที่เราสู้แบบเต็มศักยภาพเพื่อเป้าหมายนั้นต่างหากครับ .. Believe in yourself .. You can do it ครับ
น้องแพนเรียนคอร์สไหนกับ ignite ถึงสอบติด ISE ภาค ICE

เรียน Engineer Pack รวมคอร์สสำคัญในการสอบเข้าวิศวะอินเตอร์ ครอบคลุมทั้ง 3 วิชา
เรียน Advanced SAT Math LV2 คอร์สฝึกตะลุยโจทย์เข้มข้น สำหรับน้องที่อยากอัพคะแนนให้ได้ 750 ขึ้นไป
ถ้าน้องๆ และผู้ปกครอง ต้องการที่ปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อขอรับการปรึกษาช่วยวางแผนการเรียนได้ที่ Line: @ignitebyondemand หรือคลิกที่ปุ่มสีเขียวด้านล่างได้เลย และสามารถโทรเข้ามาปรึกษาได้ทาง 091-5761475,02-6580023
ส่วนใครยังอยาก shop คอร์สอื่นๆ สามารถเข้าไปที่ Shop Online ของ ignite ได้ที่นี่เลยครับ >> https://shop.ignitebyondemand.com
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog
IGCSE คืออะไร? ตอบทุกข้อสงสัยไปกับ ignite by ondemand
IGCSE (International General Certificate of Secondary Educational) คือ หลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษที่ทำให้ได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.4 ในไทย ซึ่งหากเรียนจบหลักสูตร IGCSE แล้ว สามารถไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ เช่น AS, A Level, IB หรือเพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย โดยปกติในประเทศไทยนั้น การสอบ IGCSE จะอยู่ในระบบการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอังกฤษ (UK) แต่น้องๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ก็สามารถสมัครสอบ IGCSE ได้โดยตรงกับทาง British Council Thailand นะครับ สำหรับการสอบ IGCSE นั้น ต้องเลือกสอบจำนวน 5 วิชา เพื่อให้ได้ IGCSE Certificate โดย IGCSE มีให้เลือกมากกว่า 70 […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
เจาะลึกเส้นทางสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก “University of Cambridge” น้องพรอมท์ Shrewsbury International School
กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับบทสัมภาษณ์ ignite Idol น้องพรอมท์ Shrewsbury International School ที่เพิ่งสอบติดคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษปีล่าสุดมาหมาดๆ … ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจของประเทศไทยและ ignite มากๆ ที่สามารถส่งเด็กไทย ไปคว้าที่นั่งในคณะแพทย์เคมบริจด์ ได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นคณะแพทย์ที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับว่าสอบเข้ายากที่สุดในโลก วันนี้พี่แอดมินขอพาน้องพรอมท์ มาเจาะลึกเส้นทางสู่คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดเผยเส้นทางสู่การสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก ให้เด็กไทยทุกคนที่มีความฝันได้ศึกษาแนวทางการเตรียมตัวที่ถูกต้อง…พี่แอดมินเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้ประเทศไทยได้คุณหมอที่มีศักยภาพระดับโลกกลับมาพัฒนาวงการสาธารณสุขไทยเพิ่มอย่างแน่นอนครับ ได้ยินว่าน้องพรอมท์อยากเป็นหมอ เพราะต้องการทำงานที่ช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น? เรื่องนี้มีที่มา ที่ไปอย่างไรครับ ใช่ครับ…จริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ ด้วยความที่ยังเด็กมาก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรไปตอนนั้น แต่พอโตขึ้นผมได้มีโอกาสไปสอนหนังสือให้น้องๆ […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
5 โจทย์ที่ต้องเจอใน BMAT Critical Thinking พร้อมเทคนิค CAP รับมือทุกโจทย์ Part 1
สวัสดีครับน้องๆ กลับมาพบกับพี่กั๊กกันอีกครั้งนะครับ ใกล้จะถึงช่วงสอบ BMAT กันอีกแล้ว เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ คงตั้งใจทบทวนโค้งสุดท้ายกันอยู่แน่นอน แต่เนื่องจากการสอบ BMAT นั่นมีหลายพาร์ทเหลือเกิน หากจะต้องโฟกัสทุกจุดคงจะใช้เวลาพอสมควรแน่ๆ วันนี้พี่กั๊กเลยมาพร้อมกับเทคนิควิเคราะห์โจทย์ BMAT Critical Thinking เพื่อเพิ่มเลเวลในการอัพคะแนนของน้องๆ ใน BMAT Part 1 และช่วยลดการใช้เวลาในการนั่งทบทวนว่า เอ้…โจทย์ข้อนี้ต้องการอะไรนะ? แต่ก่อนจะเริ่มเทคนิควิเคราะห์โจทย์จากพี่กั๊ก เรามาทบทวนกันอีกรอบดีกว่าว่า “BMAT Part 1 นั้น จริงๆ แล้วเป็นยังไง?” BMAT Part 1 เป็นอย่างไร ต้องเจอกับข้อสอบแบบไหน? แน่นอนว่าการที่น้องๆ จะสอบเข้าแพทย์และได้เป็นคุณหมอในอนาคต สิ่งๆ หนึ่งที่น้องจำเป็นจะต้องมีก็คือทักษะการคิดวิเคราะห์นั่นเอง ซึ่งหากน้องเป็นคนที่มีการคิดวิเคราะห์สูง ตรงนี้ก็อาจจะสื่อถึงความสามารถในการนำไปปรับใช้กับสถานการณ์เร่งด่วนต่างๆ ที่ต้องเจอในสายอาชีพนั่นเอง ดังนั้นนี่ก็เป็นที่มาของเจ้าตัว BMAT Part 1 โดยในส่วนนี้จะถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2 พาร์ท คือ BMAT Problem Solving (16 ข้อ) : […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เจาะลึกเทคนิคพิชิต ACT Science ข้อสอบเป็นยังไง? ต่างจากข้อสอบอื่นยังไงบ้าง?
สวัสดีครับน้องๆ หลังจากที่หลายคณะเริ่มประกาศรับคะแนนการสอบ ACT เพื่อคัดเลือกนิสิต นักศึกษาใหม่เข้าคณะ เช่น ISE CU หรือ SIIT น้องๆ หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการสอบนี้กันมากขึ้น แถมยังมีบางคนรีวิวอีกว่าข้อสอบ ACT ง่ายกว่าการสอบแบบอื่นๆ วันนี้พี่อิ๊งค์จะมาช่วยไขข้อสงสัยถึงรูปแบบของ ข้อสอบ ACT Science ว่าเป็นยังไง แล้วจะง่ายกว่าข้อสอบอื่นจริงหรือไม่กันครับ ลักษณะข้อสอบ ACT Sciencee ข้อสอบ ACT Science มีคำถาม 40 ข้อ โดยให้เวลาในการทำอยู่ที่ 35 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นข้อสอบ Speed Testมากๆ น้องจะต้องฝึกฝนในการทำให้มาก และฝึกจัดการเวลาในการทำข้อสอบให้เชี่ยวชาญก่อนไปสอบ ซึ่งรูปแบบของคำถาม จะมีการให้ Passage มาประมาณ 6 เรื่อง ในแต่ละเรื่องจะมีคำถาม 4-7 ข้อ […]
Comments (0)
Comments