ไขความลับ BMAT Writing เขียนยังไงให้ปัง!
สวัสดีครับน้องๆ วันนี้พี่กั๊ก Ignite by OnDemand จะขอมาแชร์สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Pain ของหลายคนมากๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ BMAT ใน Part3 : Writing Task มีคนถามพี่มาว่า พี่! จะเอายังไงดี เพราะว่า BMAT Writing กับเวลาที่มีอยู่มันยากเหลือเกิน ขอคำแนะนำหน่อย น้องครับหลายๆ คนคงรู้ว่าปัญหาของ BMAT นอกจากการเขียนแล้ว ยังเป็นเรื่องของเวลาที่จำกัด เพราะเรามีเวลาแค่ 30 นาทีในการเขียน BMAT 1 คำถามของ Writing ให้เสร็จครับ ดังนั้น วันนี้พี่กั๊กขอมาแนะนำนะครับว่า เราจะจัดการกับ 30 นาทีนั้นยังไง ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับข้อสอบ BMAT Writing กันก่อนครับ
ทำความเข้าใจกับข้อสอบ BMAT Writing Task (Part3)
BMAT Writing เป็นหนึ่งใน 3 Part ของข้อสอบ BMAT หรือ BioMedical Admission Test ซึ่งเป็นข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์, สัตวแพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ จัดทำโดย Cambridge Assessment แห่งสหราชอาณาจักร
ข้อสอบ Part 3 : Writing Task เป็นการเขียนตอบคำถาม 1 ข้อ โดยเลือกโจทย์จาก 3 ข้อที่ข้อสอบให้มา ความยาวไม่เกิน 1 หน้า A4 เขียนด้วยมือและใช้ปากกาหมึกดำเท่านั้น ข้อสอบ Part นี้จะใช้เวลา 30 นาที เพื่อวัดความสามารถในการเลือกพัฒนา หรือ จัดการความคิดและสื่อสารด้วยการเขียนอย่างชัดเจนและเกิดประสิทธิภาพ
การคิดคะแนน BMAT
ส่วนที่ 1 – 2 คะแนนเต็ม 9.0
แต่ละข้อมี 1 คะแนน มีการแบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็นสเกล 1-9 โดยส่วนใหญ่คะแนนจะอยู่ที่ 5.0 หากมีความชำนาญสูงขึ้นคะแนนจะอยู่ที่ 6.0 และ น้อยคนที่จะได้ถึง 7.0 ขึ้นไป
ส่วนที่ 3 จะมีผู้ตรวจ 2 คน
ผู้ตรวจจะให้คะแนน 2 แบบ ส่วนแรกจะเป็นการให้คะแนนด้านเนื้อหา ซึ่งมีเกณฑ์คะแนนอยู่ที่ 0-5 และส่วนที่ 2 จะให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ โดยแบ่งเป็นเกณฑ์ A, C, E
การให้คะแนนด้านเนื้อหา (มี 1-5 คะแนน)
1คะแนน หมายถึง เป็นการเขียนด้วยเนื้อหาที่พอรับได้ แต่ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม อาจมีความลังเลหรือไม่ชัดเจน
2คะแนน หมายถึง เป็นการเขียนที่ค่อนข้างตรงประเด็น แต่อาจมีบางคำหรือบางจุดที่ไม่ชัดเจน
3คะแนน หมายถึง การเขียนแสดงการตอบคำถามได้พอใช้ตรงกับทุกมุมมองของคำถาม มีการสร้างเหตุผลโต้แย้ง แต่อาจมีจุดบกพร่องด้านการเชื่อมโยงความคิดหรือจุดที่มองข้ามไป
4คะแนน หมายถึง การเขียนที่มีข้อบกพร่องน้อย ตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้สำนวนการโต้แย้งได้ดี ใช้โครงสร้างประโยคแสดงออกถึงความคิดได้อย่างมีเหตุผล
5คะแนน หมายถึง การเขียนได้ดีเยี่ยมชัดเจนไร้จุดบกพร่อง ตอบตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้โครงสร้างประโยคแสดงออกถึงความคิดได้ดีเยี่ยม ชัดเจน โน้มน้าวได้ดี มีจุดกว้างแคบความคิด สังเคราะห์ข้อมูลหรือสรุปได้ดี
แต่ถ้าเกิดตอบไม่ตรงประเด็น หรือแบบตีความ statement ผิดไปเลย คะแนนก็จะอยู่ที่ 0 ครับ
เกณฑ์การให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ
Band A หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้ดี โดยดูจากการอ่านได้ลื่นไหล, โครงสร้างประโยคดี, เลือกใช้ศัพท์ดี, ไวยากรณ์ใช้ถูกต้องและเหมาะสม, การสะกดคำและเครื่องหมายวรรคตอนดี, มีข้อผิดพลาดน้อย
Band C หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้พอใช้ อาจมีจุดอ่อนด้านประสิทธิภาพการใช้ภาษาอังกฤษ โดยดูจาก อ่านได้พอลื่นไหล ไม่อ่านยาก, มีการใช้โครงสร้างประโยคง่ายๆ, ใช้ศัพท์ระดับกลาง ไม่ง่ายเกินไป, ใช้ไวยากรณ์ได้เหมาะสม, สะกดคำและใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้พอใช้, มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง
Band E หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างอ่อน โดยดูจาก การทำให้ต้องอ่านหลายรอบถึงจะเข้าใจ, มีจุดบกพร่องในประโยคหรือย่อหน้า, มีการใช้ศัพท์ง่ายๆบ่อย, ใช้ไวยากรณ์ผิด, มีจุดบกพร่องด้านการสะกดคำและเครื่องหมายวรรคตอน รวมไปถึงจุดบกพร่องที่เห็นได้ใช้
“เกณฑ์การให้คะแนน จะแบ่งเป็น A, B, C, D, E”
หากกรรมการ 2 คน ให้คะแนน AA = A, AC=B, CC=C, CE=D, EE=E
โดยส่วนใหญ่คะแนนด้านเนื้อหา เต็ม 5.0 จะได้ 3.0, 3.5, 2.5, 2.0 และ 4.0 และภาษาอังกฤษจะได้ A, B, C, D, E ตามลำดับ
4 หัวข้อสำคัญ ใน BMAT Writing Task
หัวข้อสำคัญที่น้องๆ จะได้เจอในการสอบ BMAT Writing คือ
1. Medical Decision
2. Nature of Science
3. Animal Ethics
4. Politics
ซึ่ง 4 หัวข้อนี้จะสลับกันออกไปมา หัวข้อที่เจอเกือบทุกปี คือ 1 และ 2 ส่วนหัวข้อ 3 และ 4 จะสลับกันออกเรื่อยๆ ดังนั้นต่อปีเราจะมี 3 หัวข้อให้เลือก เพื่อนำมาทำการเขียน โดยจะเลือกเพียง 1 หัวข้อเท่านั้น และคำถามที่น้องจะเจอจะมีด้วยกัน 3 คำถามย่อย ต่อหนึ่ง Statement โดยคำถามแรกพี่กั๊กขอเรียกว่า Q1 Q2 และ Q3 ละกันนะครับ
Q1: Explain ว่า Statement นั้นพูดว่าอะไร
Q2: Argue กับหัวข้อที่น้องเลือก มีความเห็นยังไง
Q3: To what extent (evaluate) น้อง Agree หรือ Disagree หรือเลือก Balanced view กับ Statement นั้น
พอเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมครับว่า ข้อสอบ BMAT ใน Part 3 : Writing Task มีลักษะอย่างไร น้องๆ คงกังวลว่าแล้วเราจะเขียนยังไงให้ออกมาดี ให้ทันใน 30 นาที ไม่ต้องกังวลครับ วันนี้พี่กั๊กมีเทคนิคดีๆ ในการทำข้อสอบ BMAT Writing มาฝากครับ
เทคนิคในการทำข้อสอบ BMAT Writing Task (Part3) - Trinity
ก่อนอื่นพี่กั๊กขอ แบ่ง 30 นาทีในการสอบ ออกเป็น 3 ส่วน ครับ
5 นาทีแรก สำหรับขั้น Planning (พี่กั๊กเรียกสั้นๆ ว่าเป็นการตั้ง Trinity ซึ่งเป็นการวางโครงของเรื่องที่เขียน โดยจับประเด็น for และ against และหาเหตุผล support ในแต่ละฝั่ง พร้อมกับการตัดสินใจว่าเราจะตอบ Q3 ในทิศไหน จะ agree หรือ disagree หรือจะ take a balanced view)
20 นาที สำหรับขั้น Proceeding (เป็นการเขียนสิ่งที่วางโครงไว้ ซึ่งต้องเน้นความกระชับ ตรงประเด็น และ logical flow ที่มีเหตุผล ซึ่งเทคนิคที่พี่สอน ก็จะแบ่งเนื้อหาที่เขียนออกเป็น 3 ส่วน เพื่อตอบคำถามของ 3 ข้อย่อย)
5 นาทีสุดท้าย สำหรับขั้น Proofreading (ยังไงซะ คะแนนคุณภาพภาษาอังกฤษต้องไม่ต่ำกว่า C อะนะน้องๆ เพราะฉะนั้นการอ่านเพื่อเช็คความถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญใน 5 นาที สุดท้าย นอกจากนั้นยังเป็นเวลาที่เราสามารถเช็ค flow ของงานเขียนเรา หรือเพิ่มเติมจุดเล็กจุดน้อยได้ครับ)
นี่คือกระบวนการทั้งหมดที่น้องต้องทำและจัดสรรเวลาให้ดีนะครับ
โดยเทคนิคสูตรนี้มีชื่อว่า “Trinity” แปลว่าองค์ประกอบที่มี 3 อย่าง ตั้งใจจำไว้ให้ดีนะครับ ถ้าน้องจำสูตรนี้ได้ รับรองว่าขั้นตอน Planning ของน้องจะ Effective มากครับ เพราะ Trinity นี้จะช่วยให้น้องไม่ต้องคิดเยอะ ขอให้น้องใช้ 5 นาทีแรก ในการคิดถึงสิ่งต่างๆ 9 อย่าง ดังต่อไปนี้
- สำหรับ Q1 เพื่อตอบคำถาม Explain ซึ่งไม่ใช่แค่การ paraphrase เฉยๆ นะน้อง แต่เป็นการจับประเด็นที่ statement กำลังบอก น้องอาจจะเริ่มต้นโดยการพูดว่า“This statement means that…” แล้วใส่สิ่งที่เราจับใจความลงไป หลังจากที่เรา Explain ไปแล้วเราจะต้องบอก reason behind that เพื่อตอกย้ำว่าเราเข้าใจความหมายของมันด้วย “The reason behind this is that…” แล้วน้องก็ใส่เหตุผลที่ Support ไป สุดท้ายให้น้องคิดถึงตัวอย่างที่ช่วย Support เพิ่มเติม น้องก็สามารถใส่ตัวอย่างเข้ามาในนี้ได้ “For example,” หรือเหตุผลประกอบเพิ่มเติม โดยใช้คำเชื่อม เช่น “In addition,”ก็จบ Q1 แล้วครับ
- สำหรับ Q2 เพื่อตอบคำถาม Argue ให้นึกถึง 3 อย่าง ดังนี้ครับ “However, this can be argued that…” จำประโยคนี้ไว้เลยนะครับ แล้วใส่สิ่งที่น้องคิดเข้าไปเพื่อเป็นสิ่งที่น้องโต้แย้งกับคำถาม ซึ่งน้องไม่สามารถ Argue ด้วยความรู้สึกอย่างเดียวได้ BMAT กำลังหาสิ่งที่เป็น Reason หรือเหตุผลที่จะมา Support เรื่องนั้นอยู่ เพราะฉะนั้นน้องใส่เหตุผล ด้วย Phrase ว่า “This is due to the fact that..” แล้วใส่เหตุผลที่ Support Bullet ที่ 4 ไป หลังจากนั้นเหมือนเดิมครับ ก็ใส่ตัวอย่างที่ Support เข้าไป “For example,” หรือเหตุผลประกอบเพิ่มเติม โดยใช้คำเชื่อม เช่น “In addition,” ก็เป็นอันจบ Q2 แล้วครับ
- สำหรับ Q3 เพื่อตอบคำถาม To what extent do you agree or disagree with this statement พี่แนะนำว่าขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า “Taking both perspectives into consideration. I think…” เพื่อเปิดประเด็นว่าเราพิจารณาจาก Q1 และ Q2 แล้วคิดเห็นว่าอย่างไร จากนั้นก็ใส่เหตุผลของเราไป หลังจากนั้น BMAT ไม่ได้หาแค่คำตอบของเราครับ BMAT มองหาเหตุผลที่เราเอามา Support Argument ของเรา เพราะฉะนั้นให้ตามด้วย “The rationale behind this is that..” เพื่อเป็นการขยายเหตุผลที่สนับสนุน แต่หลายครั้งข้อสอบ BMAT ทำให้เรารู้สึกว่าไม่สามารถเลือกได้ ทำให้น้องต้องใส่ a balanced view เข้าไป ซึ่งน้องอาจจะ เชื่อมด้วย “However, ” เพื่อบอกประเด็นที่น่าสนใจที่ควร take into consideration จากทั้งสองมุมมอง (ทั้งนี้โจทย์ที่น้องอยาก take side ก็ไม่จำเป็นต้องมี a balanced statement ก็ได้ครับ และสุดท้ายปิดจบภาระกิจอันสุดแสนสนุกของเราด้วย a concluding sentence โดยเริ่มต้นด้วยคำว่า “In conclusion,…” แล้วก็ปิดท้ายปังๆ ให้ดู sophisticated
เป็นอย่างไรกันบ้างครับน้องๆ หวังว่า Trinity นี้จะเป็นตัวช่วยในการเริ่มเขียน BMAT Writing สำหรับน้องหลายๆ คนที่ไม่รู้ว่าควรเริ่มยังไง คงจะช่วยให้น้องพอเห็นภาพและเกิดไอเดียในการเขียนมากขึ้นนะครับ
น้องคนไหนที่สนใจและอยากเรียนรู้เพิ่มว่าเราจะสามารถพัฒนาการเขียนโดยใช้เทคนิค Trinity ในการ Apply เพื่อสร้าง Content ที่ดีได้ยังไง สามารถมาพบกับพี่กั๊กได้ ใน Intensive course for BMAT Writing คอร์สตะลุยโจทย์เข้มข้น เน้นสอนเทคนิคการเขียน Part Writing ยังไงให้ได้ 5A พร้อมอัพเดทแนวโจทย์ใหม่จนถึงข้อสอบปีล่าสุด ซึ่งอยากจะเน้นว่าคอร์สนี้มีการปูเนื้่อหา concepts ที่สำคัญทั้งด้าน medical decision, nature of science, animal ethics และ politics ด้วย เนื้อหาพวกนี้จะเป็นอาวุธที่สำคัญที่ทำให้ content ของเรามีความเป็นเหตุเป็นผล และน่าเชื่อถือครับ และที่มากไปกว่านั้น พี่ๆ ยังมีบริการในการตรวจ essay พร้อมให้ feedback ที่สำคัญต่อการพัฒนาทั้งคุณภาพเนื้อหา และคุณภาพการเขียนถึง 5 ครั้งด้วยกันครับ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเรียนได้ที่ Line @ignitebyondemand หรือ โทร 02-658-0023 , 091-5761475
คอร์สเรียน BMAT ออนไลน์ BMAT ALL PART แพคสุดคุ้ม! ครบทุกหัวข้อที่ออกสอบ
ดูรายละเอียด คอร์ส BMAT เพิ่มเติมได้ทาง >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/bmat/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, IELTS
รีวิวการสอบ IELTS แบบ Computer-delivered โดยน้องนโม เจ้าของคะแนน IELTS 8.0
หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่น้องๆ ถามกันเข้ามาเยอะที่สุดคือ การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ เป็นอย่างไร และการสอบแบบคอมหรือแบบกระดาษดีกว่ากัน วันนี้พี่เลยขอพาหนุ่มหล่อคนเก่งที่เพิ่งคว้าคะแนน IELTS 8.0 จากการสอบ Computer-delivered IELTS อย่างน้องนโม ภาคภพ เลขวัต จากโรงเรียนสาธิตมศว. ปทุมวัน มารีวิวการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์กันว่าในห้องสอบ น้องๆ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง ไปลุยกันเลย! วิธีสมัครสอบ IELTS ไม่ว่าจะเป็นการสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ หรือ แบบกระดาษ น้องๆ สามารถสมัครสอบออนไลน์ ได้ผ่านเว็บไซต์ทางการของศูนย์สอบ โดยกดเลือกรูปแบบการสอบและสถานที่สอบได้เอง จากนั้นก็ทำการชำระค่าธรรมเนียมการสอบที่ปัจจุบันก็มีหลากหลายช่องทั้งการชำระผ่านบัตรเครดิตหรือการโอนเงิน แต่สิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับน้องๆ ที่ต้องการสมัครสอบและยังอายุไม่ถึง 18 ปี จะต้องทำการปรินท์ใบ Consent form หรือเอกสารยินยอม ให้ผู้ปกครองเซ็นรับรอง และนำมายื่นในวันสอบจริงพร้อมกับหลักฐานการสอบอื่นๆ ที่จำเป็นอย่างบัตรประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ ขอแนะนำว่าน้องๆ ควรไปถึงสถานที่สอบก่อนเวลาอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อถ่ายรูป, ลงทะเบียน, สแกนนิ้ว […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
CU-ATS คืออะไร? รู้จัก CU-ATS โอกาสสำคัญในการสอบติดคณะอินเตอร์ยอดฮิต
สวัสดีทุกคนนะครับ วันนี้พี่แอดมินนำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับข้อสอบ CU-ATS ซึ่งเป็นข้อสอบที่ช่วงนี้กำลังเป็นกระแสและน้องๆ กำลังค้นหาข้อมูลว่ามันคืออะไรกันแน่ พี่แอดมินเลยขอพาทุกคนไปทำความรู้จักว่าข้อสอบ “CU-ATS คืออะไร” พร้อมตอบทุกข้อสงสัยตั้งแต่เนื้อหาข้อสอบเป็นอย่างไร ใช้ยื่นคณะไหนได้บ้าง ค่าสมัครสอบและตารางสอบ อย่ารอช้า…พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย !! ข้อสอบ CU-ATS คือ ข้อสอบ CU-ATS (Chulalongkorn University Aptitude Test for Science) คือ ข้อสอบที่ใช้วัดความถนัดทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ในการพิจารณาผู้ยื่นเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ของหลักสูตรนานาชาติ จุฬาฯ โดยลักษณะข้อสอบคล้ายกับข้อสอบ SAT Subject Tests แต่ความยากของเนื้อหาจะแตกต่างกันออกไป คณะที่สามารถใช้คะแนน CU-ATS เพื่อยื่นพิจารณาศึกษาต่อ คือ ISE คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) BSAC คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมีประยุกต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) ข้อควรรู้เกี่ยวกับการสอบ CU-ATS ข้อสอบ CU-ATS คะแนนรวม 1,600 คะแนน ประกอบด้วย 2 วิชา […]
Comments (0)
-
Blog, SAT
BBA คืออะไร? อยากสอบติดต้องทำอย่างไรบ้าง?
สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน วันนี้พี่แอดมินกลับมาอีกแล้วกลับบทความดีๆ สำหรับชาวอินเตอร์โดยเฉพาะ…พี่เชื่อว่าเด็กสายศิลป์หลายๆ คนคงกำลังมองหาข้อมูล “คณะ BBA” อยู่แน่นอน !!! วันนี้ ignite ขอแชร์ข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับคณะ BBA ในมหาวิทยาลัยไทยให้พวกเราทุกคนได้ศึกษารายละเอียดที่ถูกต้องกันนะครับ BBA คืออะไร? เรียนอะไร? BBA คือ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (Bachelor of Business Administration) ซึ่งเป็นคณะยอดฮิตของเด็กมัธยมที่ต้องการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เปิดสอนหลักสูตรนี้ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเน้นการเรียนการสอนเกี่ยวกับ การบริหาร การบัญชี การเงินและการตลาด โดยวิชาที่เปิดสอนจะขึ้นอยู่กับหลักสูตรของแต่ละมหาวิทยาลัยอีกที น้องๆ อย่าลืมเช็คเพิ่มเติมนะครับ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตร BBA ในประเทศไทย อย่างที่ทราบกันดีว่าคณะ BBA คือ […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อสอบ CU-AAT Math VS ACT Math
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ ทีมวิทยา วิศวะอินเตอร์ หรือน้องทีมคณะสายศิลป์ อินเตอร์ หลายๆ คน คงสงสัยว่า หน้าตาข้อสอบของ CU-AAT Math และ ACT Math เป็นอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง และเราควรจะเลือกสอบตัวไหนดี วันนี้พี่ภัทร์มา เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อสอบ CU-AAT MATH และ ACT Math จับทั้งสองข้อสอบมาเปรียบเทียบกันในทุกแง่มุม เพื่อเป็นอีกแนวทางในการช่วยน้องๆ ตัดสินใจครับ ทำความรู้จักข้อสอบ CU-AAT Math VS ACT Math เมื่อเรารู้จักข้อสอบ CU-AAT และ ข้อสอบ ACT TEST กันแล้ว.. ก็มาดูกันว่าเมื่อมีคะแนน CU-AAT Math และ ACT Math สามารถยื่นเข้าคณะไหน มหาลัยไหนได้บ้าง คะแนน […]
Comments (0)
Comments