8 เทคนิคพิชิต IELTS Writing 7.0 โดย ดร.พี่กั๊ก
8 เทคนิคพิชิต IELTS Writing 7.0 ใครจะสอบ IELTS ถ้าไม่อ่านถือว่าพลาด!!
สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน พี่กั๊ก สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน พี่กั๊กมาทั้งที มีเคล็ดลับ IELTS Writing มาฝากน้องๆ อีกเช่นเคย น้องๆ รู้มั้ยครับว่า จากสถิติแล้ว พาร์ท Writing ของ IELTS เป็นพาร์ทที่นักเรียนไทย ได้คะแนนเฉลี่ยน้อยที่สุด วันนี้พี่กั๊กเลยอยากจะมาแชร์ 8 เทคนิคเด็ดๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ นำไปปรับใช้ใน IELTS Writing และอัพคะแนนให้ถึง 7.0 กันไปเลย รับรองว่าถ้าได้อ่านบทความบทนี้ ของพี่กั๊กและนำเทคนิคดีๆ 8 เทคนิคนี้ไปปรับใช้ จะสามารถพิชิตคะแนน IELTS 7.0 ได้ไม่ยากเลยครับ กมาทั้งที มีเคล็ดลับ IELTS Writing มาฝากน้องๆ อีกเช่นเคย น้องๆ รู้มั้ยครับว่า จากสถิติแล้ว พาร์ท Writing ของ IELTS เป็นพาร์ทที่นักเรียนไทย ได้คะแนนเฉลี่ยน้อยที่สุด วันนี้พี่กั๊กเลยอยากจะมาแชร์ 8 เทคนิคเด็ดๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ นำไปปรับใช้ใน IELTS Writing และอัพคะแนนให้ถึง 7.0 กันไปเลย รับรองว่าถ้าได้อ่านบทความบทนี้ ของพี่กั๊กและนำเทคนิคดีๆ 8 เทคนิคนี้ไปปรับใช้ จะสามารถพิชิตคะแนน IELTS 7.0 ได้ไม่ยากเลยครับ
เทคนิคที่ 1 : Know the IELTS Writing exam
เทคนิคแรกของการเริ่มต้นทำทุกข้อสอบ คือการทำความรู้จักกับข้อสอบให้ละเอียดก่อน เรียนรู้และทำความรู้จักรูปแบบของข้อสอบ โดยเฉพาะจำนวนข้อ และเวลาในการทำ รวมถึงทักษะต่างๆ และคำสั่งหรือลักษณะคำถาม ของแต่พาร์ทของข้อสอบ การรู้จักข้อสอบที่เราจะสอบมาก่อน จะทำให้เราแบ่งเวลาเตรียมตัวถูก และจะคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ ทำให้เราทำข้อสอบได้เร็วขึ้นในการสอบจริง วันนี้พี่กั๊กเลยรวบรวมรายละเอียดของ IELTS Writing มาอย่างครบถ้วน มาแชร์ให้กับทุกคน
พาร์ท Writing ของข้อสอบ IELTS ผู้เข้าสอบจะต้องเขียนคำตอบเป็นบทความ จำนวน 2 บทความ จากโจทย์ 2 ข้อ โดยที่มีระยะเวลาในการทำข้อสอบทั้งหมด 60 นาทีเท่านั้น!
สำหรับบทความที่ต้องเขียนตอบมี 2 บทความ ได้แก่
- บทความแรก เป็นการบรรยายกราฟ ตาราง แผนภูมิ แผนผัง หรือแผนที่ เป็นต้น ซึ่งต้องเขียนอย่างน้อย 150 คำ ในส่วนนี้ควรใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที สำหรับศัพท์ในการบรรยาย น้องๆ ควรมีคลังคำศัพท์เข้าไปก่อนเลย เพื่อประหยัดเวลาคิด และแสดงให้กรรมการเห็น ความสามารถด้านคำศัพท์ของน้อง เช่น ศัพท์เกี่ยวกับ เพิ่มขึ้น, ลดลง, คงที่ รวมถึง Connectors ต่างๆ ที่จะทำให้บทความของน้อง มีความสอดคล้องและน่าอ่านมากขึ้น
- บทความที่สอง เป็นการเขียนเรียงความอย่างเป็นทางการ เช่น การแสดงความคิดเห็น การแก้ปัญหา การเปรียบเทียบ หรือการโต้แย้ง เป็นต้น โดยที่ต้องเขียนอย่างน้อย 250 คำ ในส่วนนี้หากบริหารเวลาในบทความแรกได้ดี ก็จะมีเวลาพอในการร่างความคิด ก่อนเขียนบรรยาย และอย่าลืมว่า น้องๆ จะต้องตอบคำถามที่โจทย์ถามด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ การเขียนบรรยายแบบเน้นปริมาณ แต่ไม่ตอบโจทย์
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการแบ่งเวลาทำข้อสอบ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ น้องๆ ต้องบริหารเวลาให้ดี ร่างโครงไอเดียก่อนเริ่มเขียน เวลาเขียนคำตอบ ควรเขียนแบบบรรทัดเว้นบรรทัด หากเขียนผิดไม่ต้องเสียเวลาลบ ขีดฆ่าแล้วเขียนแก้กำกับไว้ได้เลย ข้อสำคัญของการเขียนตอบข้อสอบ IELTS ในพาร์ทนี้ คือพยายามอย่าเขียนน้อยกว่าจำนวนที่กำหนด แต่ก็ไม่ควรเขียนเกินเยอะจนเกินไป เพราะจะทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน
เทคนิคที่ 2 : Meet four criteria to achieve a desired band
เทคนิคที่ 2 ก่อนที่จะเริ่มเขียน IELTS Writing น้องๆ ควรรู้ก่อนว่า ข้อสอบต้องการให้เราเขียนอะไร และเขียนอย่างไรให้ได้คะแนน ซึ่งหากน้องคนไหนเคยลองสอบมาแล้ว คงพอจำได้ว่าที่ตอนล่างของกระดาษคำตอบ จะมีช่องตารางให้คะแนนการเขียนของเราอยู่ ซึ่งเกณฑ์การให้คะแนน IELTS Writing จะมีด้วยกัน 4 ด้านหลักๆ ซึ่งจะมีน้ำหนักเฉลี่ยกันไปด้านละ 25%
เกณฑ์การให้คะแนน IELTS Writing 4 ด้านหลักๆ ได้แก่
- Task Achievement (TA) หรือ Task Response (TR): หัวใจสำคัญของเกณฑ์นี้ คือการทำตามคำสั่งของโจทย์ ตอบตรงคำถาม ไม่นอกประเด็น และเขียนจำนวนคำครบตามกำหนด โดยที่ใน Task ที่ 1 น้องๆ ต้องเขียนอย่างน้อยจำนวน 150 คำ และใน Task ที่ 2 อย่างน้อยจำนวน 250 คำ
- Coherence and Cohesion (CC): เป็นเกณฑ์ที่วัดการร้อยเรียงเนื้อหา ที่สอดคล้องกันทั้งหมดของบทความ รวมถึงการใช้ Transition words ที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น การใช้ Transition words ที่หลากหลายและตรงกับบริบทที่ต้องการสื่อ จึงเป็นส่วนสำคัญมากๆ สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนนี้
- Lexical Resources (LR): เป็นเกณฑ์ที่วัดการใช้คำศัพท์ที่ถูกต้อง ตรงตามบริบทและมีความหลากหลายของการใช้ รวมถึงการสะกดคำที่ถูกต้อง และนอกจากนั้น ยังต้องมีการใช้คำศัพท์ที่เป็นคำที่ค่อนข้าง less common หน่อย เพื่อแสดงความสามารถ
- Grammatical Range and Accuracy (GRA): สุดท้ายเกณฑ์นี้เป็นการวัด การใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง เหมาะสม มีรูปแบบการเขียนโครงสร้างทางภาษาที่หลากหลาย และมีการใช้รูปประโยคเชิงซ้อน หรือ Complex sentences ที่มีส่วนที่ขยายกันเองภายในประโยค เช่น Relative clauses หรือ Participle เป็นต้น
เกณฑ์อย่างอืื่นที่มีผลต่อการให้คะแนน Writing
นอกเหนือจาก 4 เกณฑ์การให้คะแนนทั้ง 4 ด้านหลักๆ นี้แล้ว ทางด้านขวามือของช่องตาราง ก็จะมีเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่น ที่มีผลต่อการให้คะแนน Writing เช่นกัน คือ
- UNDERLENGTH หมายถึง น้องๆ จะถูกหักคะแนน หากเขียนจำนวนคำน้อยกว่าที่กำหนด ในแต่ละ Task
OFF-TOPIC คือให้ระวัง ไม่ให้เขียนนอกประเด็น - MEMORISED หากพยายามที่จะใช้ประโยค ที่ท่องจำมาในทุกบทความ บางครั้งอาจไม่สอดคล้องกับเรื่องที่เขียน และทำให้บทความดูไม่ธรรมชาติ ก็จะทำให้ Examiner ดูออกและหักคะแนนได้
- ILLEGIBLE สุดท้ายคือ ต้องเขียนด้วยลายมือ ที่สามารถอ่านออกได้เพื่อทำให้ Examiner เข้าใจเรื่องที่น้องเขียน มิฉะนั้น ต่อให้คำตอบของน้องๆ ดีมากแค่ไหน ลายมือที่อ่านไม่ออก ก็ส่งผลลบต่อคะแนนได้ครับ
หากอยากรู้รายละเอียดเรื่อง เกณฑ์การให้คะแนน IELTS Writing แบบเจาะลึกมากขึ้น พี่กั๊กก็มีบทความรออยู่แล้ว สามารถไปอ่านได้ที่ >>> เจาะลึก ทุกเกณฑ์การให้คะแนนและเทคนิค IELTS WRITING เพื่อพิชิตคะแนน 7.0 UP
เทคนิคที่ 3 : Understand the question
คือการเตรียมพร้อมตอบคำถามทั้งใน IELTS Writing Task 1 และ Task 2 การที่เข้าใจคำถามว่า ข้อสอบต้องการให้เราตอบประเด็นไหนบ้าง จะทำให้เราตอบตรงคำถาม และจะได้คะแนนในส่วนของ Task achievement หรือ Task response มากขึ้นครับ เราไปทบทวนคำถามในแต่ละ Task กันเลย
Task ที่ 1 ไม่ว่าภาพที่โจทย์กำหนดมา จะเป็นรูปแบบไหน คำสั่งของ Task นี้จะเหมือนกันเสมอ คือ “Summarise the information by selecting and reporting the main features, and make comparisons where relevant.” หมายถึง การเขียนบรรยายข้อมูล โดยที่มีการบอกว่า Main features หรือลักษณะที่สำคัญของข้อมูล เป็นแบบไหน อะไรเป็นจุดที่น่าสนใจ และควรดึงมาเขียน รวมถึงมีการ Make comparison where relevant หรือการเปรียบเทียบข้อมูลที่ให้มา ไม่ใช่เพียงการบอกบรรยายภาพเฉยๆ
Task ที่ 2 จะเป็นการแสดงแนวคิด ตามประเภทของคำถาม และมีโครงสร้างที่มีคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุปอย่างชัดเจน ซึ่งคำถามใน Task นี้จะมีหลากหลายมากทั้ง Opinion, Discuss both views, Advantages and Disadvantages, Problem and Solution, และ Two-question เป็นต้น ต้องอ่านคำถามให้เข้าใจ และชัดเจนก่อนที่จะเริ่มเขียนคำตอบ เพราะรูปแบบคำถามที่ต่างกัน ก็จะนำไปสู่การวางแผนไอเดีย ที่แตกต่างกันนะครับ
เทคนิคที่ 4 : Plan before you write
ต่อเนื่องมาจากเทคนิคก่อนหน้านี้ เมื่อเรารู้จักรูปแบบคำถามแต่ละแบบของ IELTS Writing ทั้ง 2 Tasks แล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องวางแผนก่อนเขียน ก่อนอื่นเลยพี่ขอแนะนำว่า อยากให้เริ่มวางแผนและเริ่มเขียนจาก Task ที่ 2 ก่อนเพราะ Task ที่ 2 นั้นมีสัดส่วนคะแนน ในการคำนวณถึง 67% ในขณะที่ Task ที่ 1 มีสัดส่วนคะแนนอยู่ที่ 33%
ในการวางแผนการเขียน จะต้องเข้าใจโจทย์ก่อน เมื่อมองภาพใน Task ที่ 1 หรือ เข้าใจคำถามใน Task ที่ 2 แล้ว ก็สามารถเริ่มด้วยการคิดว่าในแต่ละ paragraph ของน้องจะเขียนถึงอะไรบ้าง โดยทั่วไป พี่ขอแนะนำว่า ให้คงอยู่ที่ 4 Paragraphs ต่อ 1 Essay นะครับ สำหรับโครงร่างการเขียน จะประกอบด้วย แนวคิดหลัก ข้อมูลสนับสนุน และส่วนขยายแนวคิดโดยการใช้วิธีการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปรียบเทียบ ขัดแย้ง ยกตัวอย่าง การเพิ่มเติมข้อมูล และบทสรุป
รวมถึงใน Task ที่ 2 ที่จะมีการแสดงความคิดเห็น นอกจากข้อมูล ที่ต้องการจะเขียน ในแต่ละย่อหน้าแล้ว ต้องอย่าลืมเตรียม Transition words ที่จะใช้ร้อยเรียงข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน ให้สวยงามที่สุด รวมถึงคำศัพท์ที่ Less common รวมถึง Synonyms หรือคำเหมือนของคำเหล่านั้น เพื่อแสดงให้เห็นคลังคำศัพท์ของน้องๆ ในการรายงานข้อมูล เช่น นอกเหนือจากคำว่า “Show” อาจใช้คำว่า “demonstrate, illustrate, present, represent, display, exhibit” เป็นต้นครับ
เทคนิคที่ 5 : Paraphrasing is a good start
เทคนิคนี้เรียกได้ว่า เป็นเทคนิคเอาตัวรอด ที่เข้าท่ามากๆ นั่นก็คือ การ Paraphrase ข้อมูลจากโจทย์ที่เราได้รับมา ไม่ว่าจะใน Task 1 หรือ Task 2 สามารถเริ่ม Essay ของน้องได้ด้วยการ Paraphrase ข้อมูลที่โจทย์กำหนดมาให้เราแล้ว โดยเฉพาะ Task ที่ 1 โจทย์มักจะบอกมาว่า The pie charts/ graphs/maps/diagrams/tables below show … เมื่อได้โจทย์มาแบบนี้ ในพารากราฟ Introduction สามารถเริ่มต้นด้วยการ Paraphrase ไปได้เลยดังเช่นตัวอย่างในรูปข้างต้น
วิธีการ Paraphrase นั้นก็สุดแสนจะง่าย แค่เพิ่มคำขยายอย่าง Adjectives หรือ Adverbs, เปลี่ยนใช้คำที่มีความหมายคล้าย และมีวิธีใช้เหมือนกัน (Synonyms), หรือคำบุพบทบอกกาลเวลาต่างๆ (Prepositions) เพียงเท่านี้ก็จะได้ประโยคใหม่ ที่ยังคงใจความเดิมไว้ได้ครบถ้วน ทั้งนี้อย่าลืมนะว่าใน IELTS Writing Task ที่ 1 อย่าเผลอใส่คำอธิบาย ที่ใส่ความคิดเห็นลงไปเด็ดขาด ขอให้น้องรายงาน แค่ความจริงตามภาพที่โจทย์ให้มา เท่านั้นนะครับ ส่วนใน Task ที่ 2 พี่กั๊กแนะนำว่า นอกจากการ Paraphrase โจทย์มาส่วนหนึ่ง เพื่อมาต่อยอดคำตอบแล้ว การมีประโยคเปิดที่น่าสนใจ ก็จะทำให้ Essay ของน้องๆ น่าอ่านขึ้น มามากเลยทีเดียวครับ
ยกตัวอย่างเช่น
หากโจทย์ที่ได้รับมาคือ “Allowing young children to do an enjoyable activity can develop better skills and more creativity than reading. To what extent do you agree? Use reasons and specific examples to explain your answer.”
น้องๆ ก็สามารถเริ่มต้น Essay ได้ด้วยการ Paraphrase คำถามพร้อมแสดงความคิดเห็น คือ “Whether or not children should be emerged in a playful environment instead of an academic one is the issue of interest.” แล้วหลังจากนั้น ก็สามารถมีใจความขยาย พร้อมระบุใน Introduction ได้เลยว่า น้องๆ เห็นด้วยหรือไม่กับความคิดเห็นนี้ครับ
เทคนิคที่ 6 : Task 1 - Expressing key features
นี้เป็นเทคนิคการเขียนตอบ IELTS Writing Task ที่ 1 โดยเฉพาะเลยครับ เนื่องจากใจความสำคัญของ Task นี้คือ การบรรยายภาพ ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรจะทำเมื่อได้รับโจทย์มา ก็คือทำความเข้าใจภาพนั้นๆ ครับ กล่าวคือ ถ้าเป็นภาพที่แสดงความเปลี่ยนแปลง ของข้อมูลตามกาลเวลา ต้องหาจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ระหว่างช่วงเวลานั้นๆ ให้เจอ นอกจากนั้น หากข้อมูลในภาพแสดง เป็นตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ นอกเหนือจาก การรายงานข้อมูลแบบตรงไปตรงมา อาจแสดงความสามารถ ทางการวิเคราะห์ ด้วยการจับกลุ่มจำนวนมากน้อย เช่น The majority of …, The great number of …, Almost 50 percent of … เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น หากลองเอาข้อมูลที่ได้รับมา เปรียบเทียบดูการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหนึ่ง ก็จะสามารถรายงานข้อมูล ได้ลึกกว่าเดิมด้วยว่าในปีหนึ่ง จำนวนข้อมูล A มากขึ้น กว่าจำนวนข้อมูล B เท่าไหร่ ที่สำคัญอย่าลืมนะว่า คำสั่งของ IELTS Writing Task ที่ 1 คือ “Summarise the information by selecting and reporting the main features, and make comparisons where relevant.” นั่นหมายความว่า น้องๆ ไม่จำเป็นต้องเขียนทุกอย่างที่มีในภาพ เพราะอาจทำให้ ไม่สามารถเขียนได้ภายใน 20 นาที แต่ให้เลือกจุดที่เด่นจริงๆ ของภาพ พยายามมองหาจุดสูงสุด จุดต่ำสุด จุดคงที่ และจุดตัดของข้อมูลเช่น จุดที่มีการแซงกันของจำนวนต่างๆ เป็นต้น รวมถึงอย่าลืมนำข้อมูลดังกล่าว มาเปรียบเทียบกันอย่างสมเหตุสมผลนะครับ
เทคนิคที่ 7 : Task 2 - Write the introduction and make a clear statement
เมื่อรู้เทคนิคการทำข้อสอบ IELTS Writing Task ที่ 2 แล้ว เทคนิคที่ 7 นี้จะช่วยให้การเขียน IELTS Writing Task ที่ 2 ของน้องๆ ง่ายขึ้นครับ จากเทคนิคที่ 5 ที่พี่บอกไปว่า “Paraphrasing is a good start” ใน Task ที่ 2 ก็เช่นกัน สามารถเริ่มต้นบทความจากการ Paraphrase ส่วนบทนำของคำถามมาได้เลย หลังจากนั้น ก็เริ่มโยงเข้าความคิดเห็นของน้อง ด้วยการตอบคำถามอย่างชัดเจน ก่อนว่าเรามีจุดยืนอย่างไร ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะตอบล้อไปกับคำถามเช่น เราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคำถาม การเสนอวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ความคิดเห็นต่อคำถาม ข้อดีและข้อเสียต่างๆ และอาจบอกถึงสิ่งที่ผู้อ่านจะเจอต่อไปในบทความนี้
โดยสรุปแล้ว เพื่อให้สามารถเริ่ม Essay ของ IELTS Writing Task 2 ได้อย่างมีแบบแผนและน่าสนใจ พี่แนะนำว่าให้พยายามทำ 3 ขั้นตอนดังนี้ คือ
- Paraphrase question (การกล่าวเปิดล้อกับคำถาม)
- Thesis statement (การแสดงจุดยืนในคำตอบของเรา)
- Outline statement (การกล่าวถึงโครงร่างบทความ)
ยกตัวอย่างเช่น
คำถาม “Some people think that all university students should study whatever they like. Others believe that they should only be allowed to study subjects that will be useful in the future, such as those related to science and technology.
Discuss both these views and give your own opinion.”
Model introduction “Different people have different views on the subjects that university students should be allowed to study. While some believe that students should only be able to study subjects that will be valuable in the future such as science and technology, others argue that students should be able to choose their area of study. This essay points out rationales behind the two contrasting viewpoints before its conclusion is reached.”
เทคนิคที่ 8 : Proofreading
เทคนิคสุดท้ายนี้ เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป นั่นก็คือ “Proofreading หรือการตรวจทานจุดผิดหลังเขียนเสร็จ” นั่นเอง ต้องบอกว่าวิธีนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า น้องๆมีเวลาพอหรือไม่ เพราะบางคนแค่เขียนเสร็จก็หมดเวลาพอดี แต่หากยังพอมีเวลาเหลือสัก 5 นาที พี่กั๊กขอแนะนำเลยว่า ลองอ่านแบบ Skimming ดูก็ได้ครับ มองหาว่าเราใช้ Subject and verb agreement หรือการผันกริยา ให้สอดคล้องกับประธาน ถูกต้องหรือไม่ สะกดคำถูกหรือเปล่า รวมถึงคำเชื่อมต่างๆ ตรงกับใจความที่ต้องการจะสื่อหรือไม่ ที่สำคัญใน Task ที่ 1 อย่าลืมเช็คเรื่องของตัวเลข จำนวน และปีตอนเขียนด้วยนะครับ ว่าตรงกับรูปภาพหรือไม่ เพราะบางคนเขียนถูกต้องทุกอย่าง ไอเดียดีมากๆ แต่แค่รายงานตัวเลขผิด ก็ทำให้ใจความผิดได้เลยนะครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากๆ
คอร์สด Exclusive Live Class: Advanced Writing for IELTS
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 8 เทคนิคสุดพิเศษที่ ดร.พี่กั๊ก รวบรวมมาแชร์ให้กับทุกคน ต้องบอกว่าเทคนิคเหล่านี้เหมาะกับ น้องที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELTS มากๆ ดร.พี่กั๊กขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และอย่าลืมนำเทคนิคนี้ ไปประยุกต์ใช้ในบทความของน้องๆ เพื่อพิชิตคะแนน IELTS 7.0 Up และได้เข้าเรียนในคณะที่ฝันไว้นะครับ
ส่วนน้องๆ คนไหนที่กำลังมองหา คอร์สเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการเขียน IELTS โดยเฉพาะ รวมถึงต้องการ ผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจการบ้าน Writing พร้อมให้ Band และ Feedback ไว้พัฒนาตัวเอง พี่กั๊กขอแนะนำคอร์สเรียนสุดพิเศษ Advanced Writing for IELTS ที่มาพร้อมกับ Structure การเขียนแบบ Ready to use ให้ได้นำไปปรับใช้ ในห้องสอบจริงได้ทันที รวมถึงบริการตรวจการบ้าน IELTS Writing พร้อมให้ Band และ Feedback ฟรีแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง พี่กั๊กขอรับรองเลยว่าจะเป็นการเรียน Writing ที่มีประโยชน์ สนุกและคุ้มค่าที่สุดแน่นอน แล้วมาคว้า IELTS 7.0 Up ไปด้วยกันนะครับ
สามารถดูรายละเอียดคอร์ส IELTS เพิ่มเติมได้ที่ link >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/ielts/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
คู่มือสำหรับพ่อแม่ อยากให้ลูกติดหมอ ตั้งแต่ TCAS รอบแรก ต้องใช้อะไรบ้าง
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทุกที่อยากให้ลูกๆเป็นหมอทุกท่านนะครับ…วันนี้ ignite จะขอมาแนะนำการ สอบเข้าคณะแพทย์ TCAS รอบ 1 หรือที่ผู้ปกครองหลายๆ ท่านจะคุ้นหูกับคำว่า “แพทย์รอบ Portfolio” ซึ่งมีมหาวิทยาลัยที่เปิดรับ เช่น แพทย์จุฬาฯ แพทย์รามาฯ แพทย์ม.ขอนแก่น แพทย์ม.เชียงใหม่และอีกมากมายโดยวันนี้ ignite จะมาแนะนำข้อมูลสำคัญที่จะทำให้ลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่สอบติดหมอก่อนใครตั้งแต่ TCAS รอบแรก…ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลย !! สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio ต้องใช้อะไรบ้าง GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม สิ่งที่จำเป็นต่อการ สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio อย่างแรกคือ GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะกำหนดให้ใช้เกรดรวมทั้งหมด 4-5 เทอมด้วยกัน แต่จะมีเกณฑ์เกรดเฉลี่ยสะสมแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของแต่ละคณะ แต่ต้องเรียนคุณพ่อคุณแม่ว่าหากลูกของท่านมี GPAX ตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป น้องๆ จะมีโอกาสในการยื่นเข้าคณะแพทย์รอบ 1 ได้ทุกมหาวิทยาลัย […]
Comments (0) -
Blog, GED
GED Math & Science สองวิชาสำคัญ ช่วยอัพ Total Score
สวัสดีค่ะน้องๆ กลับมาพบกับพี่หมิง Ignite อีกครั้ง วันนี้พี่หมิงก็มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับ GED มาฝากอีกเช่นเคยค่ะ สำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากใช้คะแนน GED เทียบวุฒิเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลายๆ คณะมักจะกำหนดคะแนนรวม (Total Score) ขั้นต่ำที่น้องๆ ต้องทำได้ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นสมัครเข้าคณะนั้นๆ เช่น CU-TU กำหนดคะแนน GED ขั้นต่ำที่ 660 คะแนน, MUIC กำหนดที่ 600 คะแนน เป็นต้น ดังนั้น นอกจากน้องๆ จะโฟกัสที่การสอบรายวิชาแล้ว อีกเรื่องที่ต้องคำนึงคือคะแนนรวม และสองวิชาที่ครูหมิงขอบอกเลยว่าเป็นตัวช่วยดึงคะแนนรวมที่ดีมากๆ ให้กับน้องๆ ก็คือ GED Mathematical Reasoning และ GED Science ค่ะ ก่อนอื่นเรามาเจาะลึกดูรายละเอียดของแต่ละวิชากันก่อนนะคะ GED Mathematical Reasoning ข้อมูลที่ต้องรู้ GED Mathematical Reasoning 1.ข้อสอบมี […]
Comments (0) -
Blog
เจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูเกมและครูเวิลด์
นับถอยหลังอีกเพียง 4 เดือนสู่การสอบ IGCSE รอบตุลาคมสำหรับน้องๆ ระบบการศึกษานานาชาติ การสอบครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญเลยทีเดียว เพราะน้องๆ ต้องนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้ศึกษาต่อวิชาที่ต้องการในระดับ A-Level และอาจต้องใช้ยื่นควบคู่กันในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตอีกด้วย วันนี้พี่ๆ Ignite เลยจะพาน้องๆ มาเจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูพี่เกมและครูพี่เวิลด์ ผู้ที่มีประสบการณ์แน่นในการสอนน้องๆ หลักสูตรอินเตอร์ เพื่อที่จะได้รีบเตรียมตัวคว้าคะแนน A* กันถ้วนหน้า เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า! เจาะลึกข้อสอบ IGCSE Chemistry จุดไหนยากสุด? ครูพี่เกมต้องขออธิบายก่อนว่า ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึงความยากของ IGCSE Chemistry นั้น น้องๆ อาจจะต้องดูก่อนว่าข้อสอบที่น้องๆ จะเจอนั้นมาจากบอร์ดไหน CIE (Cambridge) หรือ Pearson Edexcel ถึงเเม้ว่าทั้ง 2 […]
Comments (0) -
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เหมือนไม่เหมือน เอาปากกามาวง เทียบให้ชัด CU-ATS VS ACT SCIENCE
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ ทีมวิทยา วิศวะอินเตอร์ทุกคน ตั้งแต่มีการยกเลิก SAT Subject Tests ไป พี่เชื่อว่าน้องๆ หลายคน ต้องวางแผนเส้นทางสู่คณะในฝันกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ทั้ง CU-ATS และ ACT Science เป็นหนทางใหม่ในการพาน้องไปสู่จุดมุ่งหมาย แต่พี่เชื่อว่าคงมีหลายคนสงสัยว่า แล้วหน้าตาข้อสอบของ CU-ATS และ ACT Science เป็นอย่างไร แตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง และเราจะเลือกสอบตัวไหนดี วันนี้ทั้งพี่อิ้งค์และพี่ก๊อฟ ขอมา เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อสอบ CU-ATS และ ACT Science จับทั้งสองข้อสอบมาเปรียบเทียบกันในทุกแง่มุม เพื่อเป็นอีกแนวทางในการช่วยน้องๆ ตัดสินใจครับ ทำความรู้จักข้อสอบ CU-ATS VS ACT Science อย่างแรก เรามาทำความรู้จักข้อสอบทั้ง 2 แบบก่อนนะครับ […]
Comments (0)
Comments