เจาะลึก ทุกเกณฑ์การให้คะแนนและเทคนิค IELTS Writing เพื่อพิชิตคะแนน 7.0 UP โดย ดร.พี่กั๊ก IGNITE BY ONDEMAND

เจาะลึก ทุกเกณฑ์การให้คะแนนและเทคนิค IELTS Writing เพื่อพิชิตคะแนน 7.0 UP
โดย ดร.พี่กั๊ก IGNITE BY ONDEMAND
สวัสดีครับน้องๆ ชาว ignite ทุกคน พี่กั๊กมารายงานตัวแล้วครับ น้องๆรู้ไหมครับว่า ในการสอบ IELTS ทักษะไหนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทักษะที่คะแนนมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด แน่นอนครับว่า คือ ทักษะการเขียน (Writing) เพราะเป็นทักษะที่เราจะต้องแสดงความสามารถทางภาษาออกไปทั้งหมดทั้งด้านเนื้อหา ด้านการถ่ายทอด และด้านภาษาที่ใช้สื่อ ซึ่งทำให้เราไม่สามารถเดาสุ่มคำตอบได้เหมือนทักษะอื่นๆ
เพื่อเป็นผู้ช่วยให้น้องๆ ได้อัพคะแนน IELTS ให้ถึงคณะและมหาวิทยาลัยในฝัน วันนี้พี่กั๊กขอมาปอกเปลือกทุกเกณฑ์การให้คะแนนของ IELTS Writing พร้อมแชร์เทคนิคอัพคะแนน เพื่อให้น้องๆ ใช้เป็นแนวทางการฝึกเขียนต่อไปและคว้าคะแนน IELTS 7.0 Up ให้ได้นะครับ

ใน IELTS Writing น้องๆจะต้องเขียนตอบทั้งหมด 2 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง สำหรับบทความแรก คือ การเขียนบรรยายข้อมูล (Task 1) จะเป็นการบรรยายกราฟ, ตาราง, แผนภูมิ, แผนผัง, หรือแผนที่ เป็นต้น โดยต้องเขียนอย่างน้อย 150คำ ในส่วนนี้น้องๆ ควรใช้เวลาไม่เกิน 20นาที สัดส่วนของคะแนนอยู่ที่ 1/3
ส่วนบทความที่สองคือ การเขียนแบบแสดงแนวคิด (Task 2) จะเขียนทั้งหมด 250 คำ ซึ่งมีสัดส่วนของคะแนนอยู่ที่ 2/3 จากนั้นเอาคะแนนทั้งสองส่วนมาคิด ก็จะได้คะแนนรวมเป็น 9 ครับผม
เนื่องจากทั้งสองบทความนี้ น้องๆ มีเวลาการทำอยู่เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น การแบ่งเวลาทำข้อสอบจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ น้องๆ ต้องบริหารเวลาให้ดี ร่างโครงไอเดียก่อนเริ่มเขียน เวลาเขียนคำตอบ น้องๆ ควรเขียนแบบบรรทัดเว้นบรรทัด หากเขียนผิดไม่ต้องเสียเวลาลบ ขีดฆ่าแล้วเขียนแก้กำกับไว้ได้เลย ข้อสำคัญของการเขียนตอบข้อสอบ ในพาร์ทนี้ คือพยายามอย่าเขียนน้อยกว่าจำนวนที่กำหนด แต่ก็ไม่ควรเขียนเกินเยอะจนเกินไปเพราะจะทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน

เกณฑ์การให้คะแนน IELTS Writing
เมื่อรู้จักลักษณะของข้อสอบ IELTS Writing แล้ว เราลองมาเจาะลึกถึงเกณฑ์การให้คะแนน IELTS Writing กันทีละส่วนเพื่อให้น้องๆเห็นภาพ และมีแนวทางในการเขียนมากขึ้นกันครับ สำหรับ ทั้ง 2 ส่วน (Task 1 และ Task 2) จะมีเกณฑ์การให้คะแนนอยู่ 4 ด้านเหมือนกัน และก็เฉลี่ยกันไปด้านละ 25% ซึ่งแต่ละด้านประกอบด้วย
1. Task Achievement (TA) หรือ Task Response (TR): หัวใจหลักของเกณฑ์นี้ก็คือการทำตามคำสั่งของโจทย์ ตอบตรงคำถาม เขียนจำนวนคำครบตามกำหนด โดยที่ Task 1 จะเป็นการเขียนบรรยายข้อมูลโดยที่มีการบอกว่า main features หรือลักษณะที่สำคัญของข้อมูลเป็นแบบไหน อะไรเป็นจุดที่น่าสนใจและควรดึงมาเขียน รวมถึงมีการ make comparison where relevant หรือการเปรียบเทียบข้อมูลที่ให้มา ไม่ใช่เพียงการบอกบรรยายภาพเฉยๆ และในส่วนของ Task 2 จะเป็นการแสดงแนวคิดตามประเภทของคำถาม และมีโครงสร้างที่มีคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุปอย่างชัดเจน ซึ่งคำถามใน Task นี้จะมีหลากหลายมากทั้ง Opinion, Advantages and Disadvantages, Problem and Solution, หรือ Discuss both views เป็นต้น น้องๆต้องอ่านคำถามให้เข้าใจและชัดเจนก่อนที่จะเริ่มเขียนคำตอบนะครับ
2. Coherence and Cohesion (CC): เกณฑ์นี้เป็นเกณฑ์ที่วัดว่าบทความของน้องๆนั้นมีการร้อยเรียงเนื้อหาที่สอดคล้องกันทั้งหมดหรือไม่ และมีการใช้ Transition words ที่ถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ เช่น การใช้ However เพื่อเชื่อมใจความของสองประโยคที่ขัดแย้งกัน หรือการใช้ Furthermore เพื่อเชื่อมใจความของประโยคที่เสริมกัน ดังนั้น การใช้ Transition words ที่หลากหลายและตรงกับบริบทที่ต้องการสื่อจึงเป็นส่วนวำคัญมากๆสำหรับเกณฑ์การให้คะแนนนี้ เพราะถ้าไม่ใช้กรรมการก็ไม่รู้จะให้คะแนนตรงไหนนะครับ
ก่อนไปต่ออีก 2 เกณฑ์การให้คะแนน พี่กั๊กขอแอบบอกข่าวดีว่าสำหรับน้องๆคอร์ส IELTS และคอร์ส Advanced Writing for IELTS พี่กั๊กมีเทคนิคการเขียนแบบง่ายๆ ในรูปแบบที่พร้อมใช้ ที่เรียกว่า “Big 4” ซึ่งจะช่วยอัพคะแนนสองส่วนข้างบนนี้ได้ไม่ยาก พูดง่ายๆ คือน้องๆสามารถเก็บครึ่งนึงของคะแนนทั้งหมดไว้แล้วและก้าวไปยืนรอที่ band 7 เลย อิอิ
3. Lexical Resources (LR): เกณฑ์นี้จะวัดการใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องตรงตามบริบทและมีความหลากหลายของการใช้ รวมถึงการสะกดคำที่ถูกต้อง และนอกจากนั้น ยังต้องมีการใช้คำศัพท์ที่เป็นคำที่ค่อนข้าง less common หน่อย เพื่อแสดงความสามารถ เช่น เราอาจจะรู้จักคำว่า money แต่เราสามารถปรับคำนี้ให้เหมาะตามบริบทต่างๆ เช่น income หรือ financial stability หรือ financial incentives แล้วแต่ความเหมาะสม ฝากไว้ว่าการใช้คำศัพท์ที่ดีไม่ได้หมายความว่า คำนั้นต้องเป็นคำที่ยาว ยาก และพิศดาร แต่ต้องเป็นการใช้ให้เหมาะสมและเป็นธรรมชาตินะครับ การเพิ่มคะแนนในส่วนนี้ก็คือต้องอ่านเยอะๆ เพื่อเก็บคำศัพท์ และรูปแบบการใช้ จากนั้นก็คือทดลองใช้จริง จนเกิดความเคยชินอย่างต่อเนื่องครับผม
4. Grammatical Range and Accuracy (GRA): สุดท้าย เกณฑ์นี้เป็นการดูการใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง เหมาะสม มีรูปแบบการเขียนโครงสร้างทางภาษาที่หลากหลาย และมีการใช้รูปประโยคเชิงซ้อน หรือ Complex sentences การที่เราอยากให้คะแนนส่วนนี้ถึง band 7 ไม่ได้หมายความว่าแกรมม่าต้องถูกแบบเป๊ะเวอร์ จริงๆ แล้วการมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยสามารถยอมรับได้ใน band นี้ แต่ขอให้มีการกล้าที่จะใช้ประโยคเชิงซ้อน ที่มีส่วนที่ขยายกันเองภายในประโยค เช่น Relative clauses, Participle เป็นต้น

เป็นอย่างไรกันบ้างครับน้องๆ การพิชิตคะแนน 7.0UP อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าน้องๆตั้งใจและหมั่นขยันฝึกนะครับ โดยเฉพาะพาร์ทนี้ ถ้าน้องๆ รู้แนวทาง มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง ก็จะสามารถอัพคะแนนในพาร์ทนี้ได้ไม่ยาก พี่กั๊กและพี่แพททริคขอเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้น้องๆ ได้คะแนนตามที่ตั้งไว้นะครับ แล้วมาเจอกัน สนุกไปด้วยกันในคอร์ส IELTS และ คอร์ส Advanced Writing for IELTS นะครับ
ทั้งนี้ น้องๆ สามารถเข้าไปอ่านบทความ >>> “ผ่าข้อสอบ IELTS” ซึ่งเป็นบทความที่รวมลักษณะข้อสอบ ทุกทักษะพร้อมเทคนิคทั้งหมดเพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้น้องๆก่อนสอบครับ
และน้องๆ สามารถศึกษาแนวทางในการการเตรียมตัวสอบได้ในบทความ >>> “เตรียมตัวอย่างไรให้ สอบ IELTS ได้ 7.0 UP!!! BY น้องจ๋ำ ผู้พิชิต IELTS 8.0 ตั้งแต่ม. 3″ ซึ่งน้องจ๋ำได้มาแชร์ประสบการณ์ในการเตรียมไว้ได้อย่างละเอียดเลยครับ
สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับคอร์สเรียน IELTS ที่มีให้เลือกเรียนทั้ง คอร์สสด และ คอร์ส Self ได้เลยนะครับ ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริครอเจอน้องๆอยู่นะครับ
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio), SAT Subject Tests
เปิดเส้นทางเด็กนานาชาติสู่แพทย์รอบ Portfolio ติดหมอเป็น 10 คนแบบยกแก๊ง! Ruamrudee International School Bangkok
สวัสดีน้องๆ ว่าที่หมอทุกคนนะครับ !! วันนี้พี่แอดมินพาน้องๆ จาก โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี หรือ Ruamrudee International School Bangkok (RIS) ที่สอบติด แพทย์ รอบ Portfolio ปีล่าสุด มาพูดคุยและเล่าเรื่องราวการเตรียมตัวตั้งแต่การสอบเก็บคะแนน การทำพอร์ตไปจนถึงการสัมภาษณ์ เพื่อให้น้องๆ ว่าที่หมอได้ข้อมูลอย่างถูกต้อง และสามารถเตรียมตัวสอบเข้า แพทย์ รอบ 1 อย่างมั่นใจกันนะครับ หลายคนชอบคิดว่าเด็กนานาชาติโอกาสสอบติดหมอน้อยกว่าเด็กภาคไทย ขอบอกเลยว่า ไม่จริงเพราะน้องๆ RIS ที่เรียนกับ ignite สอบติดแพทย์และทันตะรอบ Portfolio กว่า 10 คน ไม่ว่าจะสอบติดแพทย์จุฬาฯ, แพทย์รามา, แพทย์จุฬาภรณ์ (PCCMS UCL), แพทย์อินเตอร์ มธ. (CICM) หรือทันตะอินเตอร์มหิดล (MIDS), ทันตะจุฬาฯ และอื่นๆ […]
Comments (0)
-
Blog, SAT Subject Tests
เจาะลึก 5 ภาคของ ISE คณะวิศวะอินเตอร์ จุฬาฯ กับน้องโพนี่ รุ่นพี่ ignite
สำหรับว่าที่ วิศวะอินเตอร์หลายๆคน ที่อยากเรียน ISE (INTERNATIONAL SCHOOL OF ENGINEERING) หรือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติ เคยรู้มาก่อนมั้ยว่า 5 ภาค ในคณะที่เราสนใจ ต้องเรียนอะไรบ้าง แล้วแต่ละภาคมีความน่าสนใจยังไง!? วันนี้พี่แอดมินมีรุ่นพี่ ignite ที่ตอนนี้เป็นนิสิตปีหนึ่ง จากคณะ ISE จะมาเล่า Insight ภายในคณะให้น้องฟังกันครับ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย สวัสดีน้องๆ และทุกคนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ ก่อนอื่นเลยพี่ขอแนะนำตัวก่อน พี่ชื่อ โพนี่ จบจากโรงเรียนนานาชาติเอกมัย (EIS) ตอนนี้เรียนอยู่ ISE ปีหนึ่ง ภาค ICE ค่ะ บทความนี้พี่ตั้งใจมาแชร์ Insight ของแต่ละ Major ใน ISE […]
Comments (0)
-
Blog
ไขข้อสงสัย เข้าหมอในไทย ต้องทำ IB full diploma หรือไม่ โดยน้องยูโร RIS ว่าที่ freshy ทันตะ จุฬาฯ
การทำ IB full diploma ในโรงเรียนหลักสูตร IB นั้นอาจจะเป็นใบเบิกทางที่เปิดโอกาสมากกว่าสำหรับน้องๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นอยากเข้าคณะไหน เรียนต่อในประเทศหรือนอกประเทศ เพราะการที่หลักสูตร IB นั้นได้รับการยอมรับไปทั่วโลกด้วยความ Well-rounded ของเนื้อหาและการศึกษาทั้งด้านวิชาการและกิจกรรมอย่างเข้มข้น ดังนั้นการทำคะแนน IB full diploma ที่มีครบทั้ง TOK, CAS และ EE ได้ดีนั้นย่อมแปลว่าน้องๆ มีโอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศได้ แต่น้องๆ ที่เรียนโรงเรียนนานาชาติที่มีหลักสูตร IB ให้เลือกหลายๆ คนอาจจะกำลังสับสนว่า ถ้าเราจะเข้าหมอในไทยนั้นเราจำเป็นที่จะต้องทำ IB full diploma หรือเปล่า หรือเราสามารถเรียนแค่บางวิชาก็พอ วันนี้พี่แอดมินเลยรวบรวมข้อมูลและบทสัมภาษณ์ จาก น้องยูโร โรงเรียนร่วมฤดี มาเพื่อไขความกระจ่างกันครับ โดยเรามาเริ่มกันกับวิชาส่วนมากที่ น้องๆ โรงเรียนนานาชาติต้องใช้เพื่อยื่นเข้าคณะแพทย์และทันตะ กันนะครับ รวมวิชาที่ต้องยื่นคะแนนเข้าคณะแพทย์ในไทย สำหรับเด็กอินเตอร์ […]
Comments (0)
-
Blog, IELTS
5 เทคนิคสอบ IELTS Speaking อย่างไรให้ผ่านฉลุย by Kru Tan Native Speaker
สำหรับน้องๆ ที่ต้องการเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ หรือเรียนต่อต่างประเทศ แน่นอนว่าการสอบวัดระดับภาษาคือเรื่องที่สำคัญมากถึงมากที่สุดเลย เพราะนี่คือหนึ่งใน Requirements ที่เป็นจุดวัดว่าน้องสามารถผ่านด่านประตูแรก หรือยื่นสมัครได้รึเปล่า หนึ่งในการสอบที่ถือได้ว่าเป็นรูปแบบสุดฮิตที่น้องๆ ส่วนใหญ่เลือกกันก็คือการสอบ “IELTS” นั่นเอง เนื่องจากสามารถใช้ยื่นได้ในเกือบทุกสถาบัน เรียกได้ว่าเกือบทุกมุมโลกยอมรับในผลสอบนี้ แต่ยังไงก็ตามการสอบ IELTS ถือว่าหินเลยทีเดียวหากน้องๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก โดยเฉพาะพาร์ท Speaking วันนี้พี่ๆ ignite เลยพาครูแทน สุดยอดติวเตอร์ภาษาอังกฤษจาก Ignite มาแชร์เทคนิคและจุดโฟกัสว่า “ทำยังไงดีนะ ถึงจะผ่านด่าน IELTS Speaking ไปได้?” สำหรับใครที่ยังไม่รู้ Kru Tan ของชาว ignite เป็น Native Speaker ที่เติบโตและศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พร้อมดีกรีจาก Queen Mary U. of London ทำให้ทักษะในการสื่อสารของครูแทนเรียกได้ว่าลื่นไหนสุดๆ […]
Comments (0)
Comments