ผ่าข้อสอบ IELTS ก่อนสอบ Mock IELTS Exam กับ IGNITE BY ONDEMAND

แค่ได้ยินคำว่า “IELTS” น้องๆ หลายคนก็กลัวแล้ว เพราะมักได้ยินมาว่าข้อสอบ IELTS ยากบ้าง ค่าสอบแพงทำให้กลัวพลาดบ้าง แต่จริงๆแล้วน้องๆ คงรู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรที่น้องๆ ทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจจริงๆ และหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ ดังนั้น พี่กั๊กและพี่แพททริคจึงอยากขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้น้องในการทำข้อสอบ IELTS ให้ได้ให้คะแนนตาม Band ที่หวัง พร้อมทั้งอยากมาแชร์ข้อสอบ IELTS แบบเจาะลึก ว่ามันคืออะไร สอบอะไรบ้างในแต่ละทักษะ รวมถึงแนะนำเทคนิคให้น้องๆ ได้นำไปลองฝึกกันเพื่ออัพคะแนนในสนามสอบจริงกันครับ
ข้อสอบ IELTS คืออะไร

ข้อสอบ IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้สมัครที่ต้องการศึกษาหรือทำงานต่อ ผลสอบของ IELTS เป็นผลสอบที่ยอมรับในกว่า 10,000 สถาบันทั่วโลก ข้อสอบ IELTS ถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบ 4ทักษะภาษาอังกฤษ เรียงตามลำดับการสอบคือ Listening , Reading , Writing , และ Speaking ผลคะแนน IELTS แบ่งออกเป็น 9ระดับ เริ่มจาก 0.0-9.0 โดยมีการนับครึ่งคะแนน 0.5 ด้วย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการสอบ IELTS ในปัจจุบันค่าสอบ Regular IELTS อยู่ที่ราคา 6,900 บาท อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการสอบ IELTS ในคอมพิวเตอร์ (Computer-delivered IELTS) ด้วย แต่การสอบ Speaking ยังคงเป็นการสอบตัวต่อตัวกับ Examiner ที่ได้รับฝึกอบรมและรับรองจาก IELTS เช่นเดิม
ในประเทศไทย มีศูนย์สอบ IELTS ที่น่าเชื่อถือและได้รับความนิยมมากที่สุด อยู่ 2 สถาบัน ได้แก่ British Council และ IDP ซึ่งน้องๆสามารถเข้าไปเช็ครอบสอบและศึกษาข้อมูลศูนย์สอบเพิ่มเติมได้ที่
British Council: https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts
IELTS “LISTENING” PART

ทักษะแรกที่น้องๆ จะเจอในห้องสอบ IELTS ก็คือ Listening ในส่วนนี้ จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 40นาที โดยแบ่งเป็นเวลาที่ฟังและทำข้อสอบ 30นาที และในช่วงท้ายหลังเสียงจบ น้องๆ จะมีเวลาในการคัดลอกคำตอบและตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบใน Answer sheet อีก 10นาที ทั้งนี้ ผู้สอบจะได้ฟังบทสนทนา บทพูด รวมทั้งการออกเสียงทั้งหมดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น น้องๆ จะต้องตั้งสมาธิให้ดีในการฟัง ปกติแล้วเราจะได้ยินสิ่งที่ปรากฏในข้อสอบเสมอ ทำให้เราโฟกัสกับคำตอบได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เทคนิคในการทำข้อสอบ IELTS Listening คือฟังสิ่งที่อยู่หน้าและสิ่งที่อยู่หลังช่องว่างเสมอ เพื่อให้รู้ว่าใกล้ถึงตรงที่เป็นคำตอบหรือยังหรือได้เลยส่วนที่เป็นคำตอบไปแล้วเพื่อไปโฟกัสข้อต่อไปแทน
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อสอบ IELTS Listening แบ่งออกเป็น 4 ตอน ตอนละ 10คำถาม 2ตอนแรกจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและสังคม ส่วนอีก 2ตอนจะเกี่ยวกับวิชาการหรือการศึกษา โดยคำถามมีหลากหลายรูปแบบเช่น ปรนัย, จับคู่, แผนที่, แผนภาพ, การเติมคำในช่องว่างหรือในตาราง, การเติมประโยค, และการตอบคำถามแบบสั้น ที่สำคัญ การที่น้องๆ มีคลังคำศัพท์ในหัวเยอะก็จะยิ่งช่วยอัพคะแนนการสอบทักษะนี้ของน้องๆ ได้ด้วย เพราะการสะกดผิดในข้อสอบก็มักเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้น้องๆ เสียคะแนน
IELTS “READING” PART

ข้อสอบ IELTS Reading ให้เวลาในการสอบทั้งหมด 60นาที ในข้อสอบจะประกอบด้วย Reading Passages 3บทความ บทความหนึ่งจะมีความยาวถึงประมาณ 2หน้า และสำหรับการสอบ Reading 3บทความจะมีคำถามทั้งหมดรวม 40ข้อ ดังนั้น ผู้เข้าสอบจะมีเวลาทำข้อสอบเฉลี่ยข้อละ 1.5นาทีเท่านั้น วิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้น้องๆทำข้อสอบทัน คือพยายามแบ่งเวลาต่อ Passage เท่าๆกัน กล่าวคือ กำหนดให้ 1Passage ใช้เวลาอ่านและทำข้อสอบภายใน 20นาทีให้ได้
สำหรับบทความในข้อสอบนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องทั่วไปที่ดัดแปลงจากวารสาร, หนังสือ, นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ มีทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์, ประวัติศาสตร์, ศิลปะ, สิ่งแวดล้อม, การเมืองและสังคม ส่วนคำถามก็มีหลากหลายรูปแบบเช่นเดียวกับ Listening แต่จะมีส่วนที่ออกแน่นอนคือ True/ False/ Not Given และส่วนที่มักออกบ่อยอย่างการถามความคิดเห็นผู้เขียนได้แก่ Yes/ No/ Not Given หากน้องๆเจอข้อสอบส่วนนี้ ให้น้องๆยึดตามความเป็นจริงในบทความเท่านั้น หากStatementในโจทย์ตรงหรือเห็นด้วยกับบทความก็ให้ตอบ True/ Yes หาก Statementไหนตรงข้าม, ขัดแย้งหรือผิดไปจากบทความให้ตอบ False/ No และหาก Statementไหนไม่ได้เกี่ยวข้องหรือไม่ปรากฏในบทความ น้องๆไม่จำเป็นต้องหาทางเชื่อมโยงหรือคิดต่อยอดไปเองว่าผิดหรือถูกแต่ให้น้องๆเลือก Not Given ไปเลย อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งความยากของการสอบ IELTS Reading ก็คือ บางครั้งคำถามจะออกมาไม่เรียงตามเนื้อหาของบทความ ดังนั้น การอ่านคำถามก่อนและค่อยไป scan หาคำตอบจากบทความก็จะช่วยให้น้องๆประหยัดเวลาในการอ่านได้อีกด้วย
IELTS “WRITING” PART

พาร์ท Writing ของข้อสอบ IELTS ผู้เข้าสอบจะต้องเขียนคำตอบเป็นบทความยาวจำนวน 2บทความ จากโจทย์ 2ข้อ โดยมีระยะเวลาในการทำข้อสอบทั้งหมด 60นาที สำหรับบทความที่ต้องเขียนตอบมี 2บทความ ได้แก่
- บทความแรกเป็นการบรรยายกราฟ, ตาราง, แผนภูมิ, แผนผัง, หรือแผนที่ เป็นต้น โดยต้องเขียนอย่างน้อย 150คำ ในส่วนนี้น้องๆควรใช้เวลาไม่เกิน 20นาที สำหรับศัพท์ในการบรรยาย น้องควรมีคลังคำศัพท์เข้าไปก่อนเลยเพื่อประหยัดเวลาคิดและแสดงให้กรรมการเห็นความสามารถด้านคำศัพท์ของน้อง เช่น ศัพท์เกี่ยวกับ เพิ่มขึ้น, ลดลง, คงที่ รวมถึง Connectors ต่างๆที่จะทำให้บทความของน้องมีความสอดคล้องและน่าอ่านมากขึ้น
- บทความที่สองเป็นการเขียนเรียงความอย่างเป็นทางการเช่น การแสดงความคิดเห็น, การแก้ปัญหา, การเปรียบเทียบ หรือการโต้แย้ง เป็นต้น โดยต้องเขียนอย่างน้อย 250คำ ในส่วนนี้หากน้องๆบริหารเวลาในบทความแรกได้ดี ก็จะมีเวลาพอในการร่างความคิดก่อนเขียนบรรยาย และอย่าลืมว่า น้องๆจะต้องตอบคำถามที่โจทย์ถามด้วย ไม่ใช่เพียงแค่การเขียนบรรยายแบบเน้นปริมาณ แต่ไม่ตอบโจทย์
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการแบ่งเวลาทำข้อสอบเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ น้องๆต้องบริหารเวลาให้ดี ร่างโครงไอเดียก่อนเริ่มเขียน เวลาเขียนคำตอบ น้องๆควรเขียนแบบบรรทัดเว้นบรรทัด หากเขียนผิดไม่ต้องเสียเวลาลบ ขีดฆ่าแล้วเขียนแก้กำกับไว้ได้เลย ข้อสำคัญของการเขียนตอบข้อสอบ IELTS ในพาร์ทนี้ คือพยายามอย่าเขียนน้อยกว่าจำนวนที่กำหนดแต่ก็ไม่ควรเขียนเกินเยอะจนเกินไปเพราะจะทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน
IELTS “SPEAKING” PART

การสอบ IELTS Speaking จะใช้เวลาในการสอบประมาณ 11-14 นาที ขึ้นอยู่แต่ความเร็วและความยาวของคำตอบของผู้เข้าสอบแต่ละคน ในการสอบนี้ น้องๆ จะต้องเข้าสอบกับ Examiner ตัวจริง เสียงจริงแบบตัวต่อตัว ขอให้น้องๆ ยิ้มแย้มเข้าไว้ แสดงออกถึงความมั่นใจ และความพร้อมที่จะตอบคำถาม
การสอบ IELTS Speaking ประกอบด้วย 3ส่วน ดังนี้
- การพูดแนะนำตัวเองและตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเอง เช่น Hometown and Family, Jobs, Studies เป็นต้น ใช้เวลาประมาณ 4-5นาที ในส่วนแรกนี้ น้องๆ สามารถเตรียมตัวไปได้ในระดับหนึ่ง เช่น ฝึกกล่าวคำทักทาย และแนะนำตัวเอง ฝึกเล่าเรื่องราวของตัวเองทั้งบ้านเกิด, ครอบครัว, การเรียน, การงาน, และงานอดิเรก เป็นต้น
- ผู้สอบจะได้บัตรคำถามโดยมีหัวข้อแตกต่างกันไปเช่น Food, Journey, Hobbies เป็นต้น ผู้สอบมีเวลา1นาทีในการเตรียมตัวและ 2นาทีในการตอบ จากนั้น Examiner จะถามคำถาม 1-2ข้อ เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เราพูด ส่วนนี้ใช้เวลาประมาณ 3-4 นาที ในพาร์ทนี้ การทำ Note-taking สำคัญมากๆ น้องๆ จะได้รับกระดาษเปล่าพร้อมดินสอให้จดเตรียมคำตอบก่อนพูด น้องๆ ต้องใช้เวลาเตรียมตัว 1นาที ตรงนี้ให้คุ้มค่าที่สุด เน้นจดแค่ Keywords และคำตอบสั้นๆของคำถามในบัตรคำถาม เช่น ใคร, อะไร, ที่ไหน, เมื่อไหร่, เพราะอะไร, และรู้สึกอย่างไร เป็นต้น และตอนพูดถึงค่อยๆ พยายามอธิบายรายละเอียดรวมถึงยกตัวอย่างของคำตอบตนเองให้มากที่สุด
- การพูดโต้ตอบกับ Examiner ในหัวข้อที่ได้ในส่วนที่สอง แต่หัวข้ออาจมีระดับยากขึ้นมา เช่นมีการถามแบบความคิดเห็นหรือการถามเชิงคิดวิเคราะห์มากขึ้น ใช้เวลาประมาณ 4-5นาที คำถามในส่วนนี้อาจขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละผู้เข้าสอบด้วย เช่น หากได้หัวข้อที่ตนเองสนใจและมีความรู้ก็จะทำให้มีคำตอบที่ยาวขึ้น และสามารถตอบได้คล่องขึ้น อย่างไรก็ตาม หากน้องๆ เจอหัวข้อคำถามที่ตนเองไม่มีความรู้หรือไม่ได้มีความสนใจ ก็ให้พยายามตอบให้ได้มากที่สุด อาจพูดให้กรรมการรู้ว่า ตนเองอาจไม่มีความรู้ในด้านนี้มากนัก แต่ในความคิดเห็นของตน คิดว่า ……. เป็นต้น หรือพยายามมองหาอีกมุมหนึ่งที่สามารถดึงมาเป็นคำตอบได้ เช่น ดึงจากประสบการณ์ของผู้อื่นที่เราเคยได้ยินมา โดยไม่ต้องคำนึงถึงความจริง เพราะคณะกรรมการให้คำตอบจากภาษาที่เราตอบ มากกว่าเรื่องราวประสบการณ์ของผู้ตอบเสมอ ที่สำคัญ น้องๆควรพูดอย่างช้าๆชัดๆ และเป็นธรรมชาติเพื่อสร้างความประทับใจให้กับ Examiner ด้วยนะครับ

เมื่อน้องๆ ได้รู้จักข้อสอบ IELTS แบบเจาะลึกแล้ว ก็ได้เวลาลงสนามประลองทักษะเพื่อเตรียมพร้อมก่อนสอบจริงกันแล้ว
สมัครเลย!! MOCK IELTS EXAM โดย Ignite by OnDemand
สนใจสมัครได้ที่ ignite by OnDemand สาขาสยามพิวรรธน์ หรือ Line: @ignitebyondemand

สำหรับน้องๆ ที่อยากลองฝึกฝนตนเองผ่านการตะลุยโจทย์และรับเทคนิคอัพคะแนน IELTS ให้ถึง 7.0 ขึ้นไป ทางดร.พี่กั๊กและ พี่แพททริค Oxfordก็มีคอร์ส IELTS มาให้น้องๆเลือกเรียนทั้งแบบคอร์สสดและคอร์สSelf รวมถึงคอร์ส Advanced Writing for IELTS โดยดร. พี่กั๊ก ที่ได้สรุปโครงสร้างการเขียนแบบ Ready to use ที่จะไม่ทำให้น้องๆ ต้องส่งกระดาษเปล่าในห้องสอบอย่างแน่นอน
สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับคอร์สเรียน IELTS ที่มีให้เลือกเรียนทั้ง คอร์สสด และ คอร์ส Self ได้เลยนะครับ ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริครอเจอน้องๆอยู่ครับผม…
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio), SAT Subject Tests
Unveiling the pathway to the portfolio interview for reputable medical degrees of Ignite RIS students
Greeting to all potential medical doctor candidates! Today, we want to share with you the experience of Ruamrudee International School Bangkok (RIS)’s students who made it to the portfolio round of the latest year. From scoring multiple tests, working on your portfolio, and finishing it all with the interview, we have […]
Comments (0)
-
Blog, SAT
รีวิวสัมภาษณ์คณะอินเตอร์สายศิลป์ยอดฮิต BALAC,COMMARTS,JIPP กับพี่ปีเตอร์ รุ่นพี่ ignite การันตีสอบติดทุกคณะ!
สวัสดีน้องๆ ทีมสายศิลป์ทุกคนครับ วันนี้พี่แอดมินพาพี่ปีเตอร์ TCAS63 รุ่นพี่ ignite ที่ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์และมีรายชื่อสอบติดจริงของคณะอินเตอร์สายศิลป์ยอดฮิตอย่าง BALAC CU (คณะอักษรศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาฯ) และ COMMARTS CU (คณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาฯ) รวมทั้ง JIPP CU (คณะจิตวิทยา ภาคอินเตอร์ จุฬาฯ) มารีวิวบรรยากาศ แนวคำถามและสิ่งที่น้องควรต้องเตรียมตัวไปสัมภาษณ์…ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย !! รีวิวสัมภาษณ์ COMMARTS จุฬาฯ (คณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์) สำหรับ COMMARTS (คณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาฯ) จะเริ่มจากการแนะนำตัวครับ อาจารย์จะถามถึงอาชีพในอนาคตที่เราอยากทำด้วยแล้วจะให้อธิบายว่ามันเกี่ยวอย่างไรกับคณะนี้ และพี่อยากให้น้องๆ ให้ความสำคัญกับข่าวในปัจจุบันที่กำลังเป็นกระแสครับ เพราะอาจารย์จะถามถึงประเด็นเหล่านี้แบบลึกซึ้ง ทั้งนี้การสัมภาษณ์ของ COMMARTS จุฬาฯ จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีครับผม พูดคุยและโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ กับอาจารย์ 2 คน…บางห้องอาจจะเจออาจารย์ต่างชาติทั้งคู่ หรือบางห้องก็มีอาจารย์ไทยคู่กับต่างชาติครับ แต่ขอบอกว่าไม่มีห้องที่เป็นอาจารย์คนไทยทั้งคู่นะครับ โดยรวมแล้วบรรยากาศการสัมภาษณ์จะเป็นทางการเลยครับ ถึงแม้ว่าคำถามและท่าทีของอาจารย์จะไม่กดดันมากเท่าไหร่ […]
Comments (0)
-
Blog, GED
เผยวิธีเตรียมสอบ GED ยังไง ให้ได้ 660+ จากครูหมิง GED Guru
สวัสดีค่ะ พี่หมิง GED Guru จาก ignite นะคะ ช่วงนี้มีน้องๆ ถามกันมาเยอะมากว่า ทำยังไงให้ได้คะแนน GED สูงกว่า 660 คะแนน เพื่อให้มีสิทธิ์ยื่นเรียนต่อมหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นจุฬาฯ, มธ., MUIC และอีกหลายๆ ที่ เดี๋ยววันนี้พี่หมิงจะมาแชร์วิธีการที่พี่ใช้โค้ชน้องๆ คลาส GED ให้พวกเขาได้คะแนนตามเป้าหมาย ก่อนอื่นพี่ขอแบ่งทักษะออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Skillset และ Mindset Skillset – ทักษะที่ใช้ในการเตรียมตัวสอบ GED 1. รู้กติกาการสอบ GED อย่างละเอียด ข้อนี้สำคัญมากนะคะ พี่หมิงเจอน้องๆ หลายคนมากที่ไม่รู้ว่ากติกาของ GED (บางคนไม่รู้ว่า GED สอบได้ครั้งเดียว!) ไปสอบจริงแล้วคะแนนไม่ตามเป้า กว่าจะ rescore […]
Comments (0)
-
Blog, GED
อยากจบม.6 ตั้งแต่อายุ 16 ต้องรู้ คู่มือเขียน GED Parental Consent Form ฉบับจับมือทำ!
สวัสดีค่ะ ครูหมิง GED Guru จาก ignite นะคะ ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่น้องๆ หลายคนเริ่มไปสอบ GED เตรียมใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้วและมีน้องอายุ 16-17 หลายคนเลยค่ะที่ทักเข้ามาถามวิธีเขียนไปจนถึงวิธีส่ง GED Parental Consent Form ดังนั้น วันนี้ครูหมิงเลยอยากมาเคลียร์ข้อสงสัย พร้อมสอนน้องๆ ทุกขั้นตอนในการกรอกเสมือนจับมือทำเลยค่ะ! GED Parental Consent Form คืออะไร GED Parental Consent Form คือ หนังสือแสดงความยินยอมของผู้ปกครองที่อนุญาตให้นักเรียนที่อายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์สามารถสอบและเทียบวุฒิ GED ได้ โดยต้องมีการยินยอมจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษร (Signature) และส่งเมล์ไปแจ้งทาง GED Official ให้ทำการปลดล็อคสิทธิ์เข้าสอบ GED ให้แก่น้องๆ ค่ะ […]
Comments (0)
Comments