รีวิวข้อสอบ SAT Verbal ปี 2018

สวัสดีค่าน้องๆ ที่น่ารักทุกคน มีใครกำลังเริ่มเตรียมตัวลุยข้อสอบ SAT ในปีนี้กันอยู่บ้าง หรือใครลุยมาสักพักแล้วเริ่มท้อกับพาร์ทภาษาอังกฤษ เพราะอัพคะแนนขึ้นยากเหลือเกิน อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะเพราะวันนี้พี่ข้าว คุณครู One on one ของเราจะมาวิเคราะห์เจาะลึกข้อสอบ SAT Verbal ในปี 2018 ที่ผ่านมา รวมทั้ง Keywords เรื่องที่ออกบ่อยๆ เพื่อให้น้องๆ ไปตามหาข้อมูลต่อได้เอง รวมไปถึง materials ที่น่าใช้ในการเตรียมตัวสอบและ tips and tricks ต่างๆที่อยากให้เอาไปลองใช้ได้เลย ถ้าน้องๆ ลองวิธีไหนแล้วเวิร์คมากๆ อย่าลืมแชร์ให้พี่และเพื่อนๆฟังกันด้วยนะคะ มาเริ่มกันเลยค่ะ
ในส่วนที่เหมือนกันของข้อสอบ SAT Verbal แต่ละชุด แต่ละปี ก็คือ question types ซึ่งจะมี format ที่ค่อนข้างแน่นอนว่าจะถามอะไรบ้าง น้องๆสามารถทำความคุ้นเคยกับลักษณะของข้อสอบได้โดยการทำ Practice Test ซึ่ง College Board ปล่อยออกมาให้เราได้ทำกันฟรีๆ 8 ชุด พร้อมเฉลยอธิบายอย่างละเอียด
รีวิวข้อสอบ SAT Verbal 2018 (Part Reading)
เริ่มจากพาร์ท Reading หลักการในการอ่านทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการสอบประเภทไหน สิ่งที่น้องๆต้องคำนึงถึงเวลาที่เราอ่านมีอยู่ 4 อย่างหลักๆ ก็คือ
- Main idea ประเด็นของผู้เขียน (หรือผู้พูด) ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของ argument, opinion หรือ point of view อื่นๆก็ได้
- Evidence หรือ Supporting details ผู้เขียนใช้หลักฐานอะไรในการสนับสนุนคำกล่าวของเขา หลักฐานนั้นอาจจะเป็นการยกตัวอย่าง การทำงานวิจัย การเก็บสถิติ หรือการใช้เหตุผลจูงใจแบบอื่นๆก็ได้
- Purpose งานเขียนนั้นมีจุดประสงค์เพื่ออะไร เช่น to confirm, to contradict, to introduce, to warn, to reveal, etc.
- Structure หรือ Map ของบทความ ผู้เขียนเรียงลำดับการถ่ายทอดความคิดอย่างไร เอาอะไรขึ้นก่อนหรือหลัง งานเขียนที่เป็น argument มี structure หลากหลายแบบต่างกันไป เช่น
- Claim – Evidence – Counterargument – Rebuttal
- Counterargument – Rebuttal – Evidence
- Problem – Cause – Effect – Solution
ซึ่งนอกจากน้องๆ จะเข้าใจ main idea ภาพรวมแล้ว ต้องทำความเข้าใจ main idea ของพารากราฟย่อยเหล่านี้ด้วย เพื่อที่จะกลับไปหาคำตอบที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อที่จะตอบคำถามได้ว่าแต่ละพารากราฟกำลังทำหน้าที่อะไรในบทความ
Q: ข้อสอบ Reading ของ SAT ต่างจากข้อสอบการอ่านอื่นๆ เช่น IELTS อย่างไร?
A: SAT มีคำถามอีก 2 ประเภทเพิ่มเข้ามา คือ Rhetoric และ Synthesis
Rhetoric หรือ Rhetorical techniques คือการถามหาเทคนิคในการเขียนและการใช้ภาษาของผู้เขียน เช่น Why did Jefferson begin many paragraphs with the word “That”? หรือ “How does Thoreau’s use of rhetorical questions contribute to the persuasiveness of the passage?”
Synthesis คือการอ่านเชื่อมโยงระหว่างบทความ 2 เรื่อง หรือระหว่างบทความกับแผนภาพ (infographics) ว่ามีประเด็นใดที่สนับสนุนหรือขัดแย้งกันบ้าง
เมื่อเราดูข้อสอบ SAT ปี 2018 ในส่วนของ Topics ที่ College Board ดึงมาออก จะเห็นว่า
- Natural Science ยังมีเรื่องของพืชและสัตว์เยอะอยู่ ทั้งนก ม้าลาย แมลง และระบบนิเวศน์ และมีเรื่องของ Space exploration เข้ามา โดยเป็นงานเสนอผลงานวิจัยใหม่ๆในช่วงปี 2013-2015 และมีที่มาของข้อมูลจากเว็บไซต์ American Association for the Advancement of Science มากที่สุด (ในรอบ March 2018 ใช้ข้อมูลจากแหล่งนี้ทั้ง 2 บทความเลย) ในปีนี้ไม่มี Smithsonian, Scientific American หรือ New Scientist ถ้าน้องๆลองเข้าไปอ่านหาความรู้จากเว็บนี้บ่อยๆก็จะทำให้เราได้เปรียบ เว็บนี้รวบรวมข้อมูลจากหลายๆแหล่งมาไว้ที่เดียว ทำให้เราไม่ต้องไปสืบค้นเอง ไม่แน่เรื่องที่เราเคยอ่านอาจจะกลายมาเป็นข้อสอบเข้าจริงๆ

คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.aaas.org/
- Social Science เป็นหัวข้อที่กว้างมาก แต่ที่ออกบ่อยๆจะเป็นบทความเกี่ยวกับ psychology, economics, และ sociology เป็นผลงานเขียนเกี่ยวกับงานวิจัยใหม่ๆเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2011-2014 แหล่งที่มาของข้อมูลที่ปรากฏซ้ำในข้อสอบรอบ March และ May มาจาก The Economist Newspaper จ้า
- History เป็นหัวข้อที่ฉุดคะแนนน้องๆมากที่สุด เพราะบริบทของเหตุการณ์ต่างจากบ้านเรามากและบางครั้งใช้ภาษาเก่า ไวยากรณ์ซับซ้อน จริงอยู่ว่าเราไม่สามารถเดาทางข้อสอบแนวนี้ได้มากนัก เพราะในอดีตมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ละเหตุการณ์มีหลากหลายความคิดเห็น และแต่ละความคิดเห็นก็มีหลายผู้เขียน/ผู้พูด ในปี 2018 นี้เรียกได้ว่าข้อสอบ History มีความ random สูงมาก ทั้งความคิดเห็นทางการเมือง (Charles Dicken, 1842) กฎหมาย (Government of India, 1833 and 1907) ปรัชญา (John Stuart Mill, 1859) และการเรียกร้องสิทธิ (Frederick Douglass, 1865) แล้วเราต้องเตรียมตัวยังไงดีเพื่อให้เก็บคะแนนจากพาร์ทนี้ได้บ้าง พี่ขอมอบ key words หลักๆให้น้องไปหาอ่านสรุปแบบคร่าวๆนะคะ (ต้องอ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะจ๊ะ เปิด dictionary คำที่เราไม่รู้จักสะสมเป็นคลังไว้ ถ้าเป็นคำที่เรารู้จักแต่มันไม่ make sense ในบริบทนั้นก็ลองเช็คดูอีกที อาจจะมีความหมายอื่นๆที่ formal หรือ old-fashioned ก็ได้)
- America’s Founding Documents เอกสารเกี่ยวกับการก่อตั้งประเทศ บุคคลสำคัญที่ปรากฏในข้อสอบบ่อยๆคือ Thomas Jefferson และ Edmund Burke
- The American Revolution การปฏิวัติอเมริกา เรียกร้องเอกราชจากประเทศอังกฤษ
- Civil Rights สิทธิและหน้าที่พลเมือง บุคคลสำคัญได้แก่ Abraham Lincoln และ Henry David Thoreau
- Human Rights สิทธิความเป็นมนุษย์ ผู้เรียกร้องคนสำคัญได้แก่ Martin Luther King Jr. และ Frederick Douglass
- Women’s Rights สิทธิสตรี ผู้เรียกร้องคนสำคัญได้แก่ Elizabeth Cady Stanton และ Virginia Woolf

- Literature ในข้อสอบ SAT ปี 2018 นี้มีสัดส่วนของวรรณกรรมคลาสสิกและวรรณกรรมร่วมสมัยเท่ากันเลย อยู่ในช่วงระหว่างปี 1835-2012 น้องๆที่ชอบอ่านพวกนิยายและเรื่องแต่งอยู่แล้ว น่าจะทำข้อสอบพาร์ทนี้ได้ไม่ยาก ส่วนน้องๆคนไหนเป็นไม้เบื่อไม้เมาหรือไม่เคยอ่านเรื่องแต่งเลย ลองกัดฟันสู้ดูสักตั้งนึง ขั้นแรกต้องทำความเข้าใจก่อนว่าธรรมชาติของเรื่องแต่งคือการเขียนแบบ Narrative ไม่ใช่ Informative หรือ Argumentative เหมือนกับของ Science และ History ดังนั้นเวลาเราอ่าน เราต้องโฟกัสกับประเด็นอื่นมากกว่าแนวคิดหรือเหตุผล หลักๆเลยก็คือ
1. Plot (เนื้อเรื่อง) Setting (สถานที่, วัน, เวลา) Shift (การเปลี่ยนมุมมองหรือการเปลี่ยนเรื่องที่กำลังเล่า)
2. Characters (ตัวละคร ความสัมพันธ์ และความรู้สึกที่ตัวละครมีต่อกัน)
3. Rhetorical techniques, Literary devices และ Word choice กลวิธีทางวรรณศิลป์ สำนวนผู้เขียน และการใช้คำ
4. Tone and mood อารมณ์และความรู้สึกในการเล่าเรื่อง
เวลาที่น้องๆ อ่านงานเขียนแนวนี้ ฝึกจับประเด็นเหล่านี้ออกมาให้ได้ รับรองทำคะแนนพาร์ทนี้ได้ดีแน่นอน
รีวิวข้อสอบ SAT Verbal 2018 (Part Writing)
ในส่วนของพาร์ท Writing ของข้อสอบ SAT ปี 2018 ข้อสอบยังคงเป็นแนวเดิม คือ ประกอบด้วยส่วนของ Expression of Ideas และ Standard English Convention ซึ่งใช้กฎ Grammar เหมือนเดิมในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับข้อสอบชุดอื่นๆ สำหรับวิธีการเตรียมตัวของข้อสอบพาร์ท Writing อยู่ในหัวข้อ Tips and Tricks แล้วจ้า
ในส่วนของ Vocabulary บอกได้เลยว่าตั้งแต่มี New SAT มา เราก็ไม่ต้องเสียเวลาท่องคำศัพท์ยากๆให้เหนื่อยแล้ว เพราะคำถาม Word in Context ส่วนใหญ่จะเน้นออกคำศัพท์ง่ายๆที่มีหลายๆความหมาย (high-utility words) ในปี 2018 นี้ก็เช่นกัน จะเห็นได้ว่าคำศัพท์ต่างๆในพาร์ท Reading และ Writing ไม่ได้หวือหวาเลย แต่ต้องอาศัยบริบทในการเลือกความหมายที่ถูกต้อง
Vocab ที่ SAT ออกบ่อยๆ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- High–utility words คำศัพท์ง่ายๆ แต่มีหลายความหมาย มีทั้งพาร์ท Reading คำที่เป็นข้อสอบในปีนี้ เช่น conclude, wrong, regard, reason, gain, attend, charge, business, fashionable, want, control, etc. ศัพท์เหล่านี้ไม่ยากเกินความสามารถของน้องๆเลย ข้อสอบเลือกคำศัพท์มาออกได้สมเหตุสมผล
- Precision ในพาร์ท Writing กลุ่มนี้ศัพท์จะยากขึ้นมาหน่อย เป็น academic words ที่น้องๆอาจจะไม่ได้เจอบ่อย และทั้ง 4 ตัวเลือกมักแปลใกล้เคียงกันหรือบางครั้งใช้แทนกันได้ (synonyms) แต่ในบริบทของ SAT จะมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ให้ความหมายเป๊ะและดีงามมากที่สุด คำศัพท์ในกลุ่ม Precision มีประมาณ 2-3 ข้อ คำที่เป็นข้อสอบในปีนี้ เช่น increase-enlarge-advance-elaborate, intuition-insight-perceptiveness-discernment, empower-exhilarate-inspire-incite, undergo-proceed-endure-suffer, commemorate-memorize-magnify-fossilize, apprehend-capture-arrest-seize, conventional-habitual-routine-accustomed, mandatory-coercive-forcible-imperative
- Frequently confused words ทั้งพาร์ท Reading และ Writing ซึ่งเราสามารถค้นหามาท่องให้หายงงล่วงหน้าได้อยู่แล้ว และออกแค่ข้อเดียวหรืออาจจะไม่มีเลย ปีนี้ศัพท์ที่ถูกเลือกมาออกในพาร์ท Writing เช่น wary-weary, affect-effect
น้องสามารถเข้าไปอ่าน Tips&Tricks ต่อได้ที่ คัมภีร์วิธีลัดในการพิชิตคะแนน SAT Verbal 2019
และสำหรับน้องๆ ที่ต้องการตัวช่วยสำหรับการสอบ SAT Verbal พี่ข้าวก็ได้จัดคอร์ส SAT Verbal ไว้พร้อมช่วยเหลือน้องๆ ทั้งหมด 2 คอร์สด้วยกันนะคะ ได้แก่

คอร์ส Basic SAT Verbal
ในคอร์สนี้น้องๆ จะได้ฝึกเทคนิคสำคัญที่จำเป็นต่อการอ่าน การจับใจความสำคัญ (Main idea) การหาหลักฐานและเหตุผลสนับสนุน (Supporting details) ฝึกฝนการใช้คำศัพท์ที่จำเป็นต่อการอ่าน Academic text โดยพี่ข้าวจะเน้นย้ำการใช้ศัพท์ให้แม่นและนำไปใช้ได้จริงในข้อสอบ SAT ในส่วน Writing น้องๆจะได้เรียนรู้และฝึกฝนหลัก Grammar ครบทุกหัวข้อที่ออกสอบ และฝึกฝนจนชำนาญ คอร์สนี้เหมาะสำหรับน้องทุกคนเพื่อปูพื้นฐานให้แน่นก่อนเริ่มทำข้อสอบจริง เมื่อเรียนจบคอร์สนี้น้องจะพร้อมลุยข้อสอบ SAT อย่างมั่นใจ เพราะได้เข้าใจวิธีการที่ถูกต้องในการ approach ข้อสอบแล้ว
คอร์ส Intensive SAT Verbal
คอร์สนี้เหมาะสำหรับน้องที่ผ่านคอร์ส Basic SAT Verbal และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มคะแนนในเวลาอันสั้น โดยพี่ข้าวจะฝึกให้น้องได้ทำข้อสอบจริงมากยิ่งขึ้นด้วยเทคนิคและวิธีการต่างๆที่น้องๆ ได้ฝึกฝนมาแล้ว และเพิ่มเติมเนื้อหา Part Reading ในส่วนของ Literature และ History / Social Studies มากยิ่งขึ้น รวมทั้งฝึกฝนการอ่านเชิงคิดวิเคราะห์และตีความ (Inference) น้องๆ จะได้ฝึกฝนคำศัพท์ที่ยากขึ้นในข้อสอบ เพื่อให้เข้าใจบทความที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ ใน Part Writing พี่ข้าวจะทบทวนกฎ Grammar ทั้งหมดที่น้องได้เรียนมาแล้ว และเน้นทำข้อสอบจริงเพื่อให้น้องพิชิตคะแนนในพาร์ทนี้ได้มากที่สุด โดยมี Mock Exam เสมือนจริง เพื่อให้น้องได้ฝึกทำข้อสอบให้ทันเวลา วิเคราะห์หาข้อผิดพลาด และแก้ไขจุดอ่อนให้ถูกต้องทันที
นอกจากนี้ ที่ Ignite ยังมีคอร์สเรียนตัวต่อตัวหรือเรียนในระบบคอมพิวเตอร์ให้น้องเลือกเรียนอีกด้วยและใหม่ล่าสุดกับคอร์ส Learn Anywhere ที่น้องๆสามารถเรียนออนไลน์ ที่ไหนเมื่อไหร่ ก็เรียนได้ เพียงแค่น้องๆ มี Internet น้องๆก็จะสามารถเข้าถึงบทเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลาเลยครับ น้องๆ สามารถดูข้อมูลคอร์สเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2qq0wLu
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog
IGCSE คืออะไร? ตอบทุกข้อสงสัยไปกับ ignite by ondemand
IGCSE (International General Certificate of Secondary Educational) คือ หลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษที่ทำให้ได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.4 ในไทย ซึ่งหากเรียนจบหลักสูตร IGCSE แล้ว สามารถไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ เช่น AS, A Level, IB หรือเพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย โดยปกติในประเทศไทยนั้น การสอบ IGCSE จะอยู่ในระบบการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอังกฤษ (UK) แต่น้องๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ก็สามารถสมัครสอบ IGCSE ได้โดยตรงกับทาง British Council Thailand นะครับ สำหรับการสอบ IGCSE นั้น ต้องเลือกสอบจำนวน 5 วิชา เพื่อให้ได้ IGCSE Certificate โดย IGCSE มีให้เลือกมากกว่า 70 […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
เจาะลึกเส้นทางสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก “University of Cambridge” น้องพรอมท์ Shrewsbury International School
กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับบทสัมภาษณ์ ignite Idol น้องพรอมท์ Shrewsbury International School ที่เพิ่งสอบติดคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษปีล่าสุดมาหมาดๆ … ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจของประเทศไทยและ ignite มากๆ ที่สามารถส่งเด็กไทย ไปคว้าที่นั่งในคณะแพทย์เคมบริจด์ ได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นคณะแพทย์ที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับว่าสอบเข้ายากที่สุดในโลก วันนี้พี่แอดมินขอพาน้องพรอมท์ มาเจาะลึกเส้นทางสู่คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดเผยเส้นทางสู่การสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก ให้เด็กไทยทุกคนที่มีความฝันได้ศึกษาแนวทางการเตรียมตัวที่ถูกต้อง…พี่แอดมินเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้ประเทศไทยได้คุณหมอที่มีศักยภาพระดับโลกกลับมาพัฒนาวงการสาธารณสุขไทยเพิ่มอย่างแน่นอนครับ ได้ยินว่าน้องพรอมท์อยากเป็นหมอ เพราะต้องการทำงานที่ช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น? เรื่องนี้มีที่มา ที่ไปอย่างไรครับ ใช่ครับ…จริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ ด้วยความที่ยังเด็กมาก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรไปตอนนั้น แต่พอโตขึ้นผมได้มีโอกาสไปสอนหนังสือให้น้องๆ […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
5 โจทย์ที่ต้องเจอใน BMAT Critical Thinking พร้อมเทคนิค CAP รับมือทุกโจทย์ Part 1
สวัสดีครับน้องๆ กลับมาพบกับพี่กั๊กกันอีกครั้งนะครับ ใกล้จะถึงช่วงสอบ BMAT กันอีกแล้ว เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ คงตั้งใจทบทวนโค้งสุดท้ายกันอยู่แน่นอน แต่เนื่องจากการสอบ BMAT นั่นมีหลายพาร์ทเหลือเกิน หากจะต้องโฟกัสทุกจุดคงจะใช้เวลาพอสมควรแน่ๆ วันนี้พี่กั๊กเลยมาพร้อมกับเทคนิควิเคราะห์โจทย์ BMAT Critical Thinking เพื่อเพิ่มเลเวลในการอัพคะแนนของน้องๆ ใน BMAT Part 1 และช่วยลดการใช้เวลาในการนั่งทบทวนว่า เอ้…โจทย์ข้อนี้ต้องการอะไรนะ? แต่ก่อนจะเริ่มเทคนิควิเคราะห์โจทย์จากพี่กั๊ก เรามาทบทวนกันอีกรอบดีกว่าว่า “BMAT Part 1 นั้น จริงๆ แล้วเป็นยังไง?” BMAT Part 1 เป็นอย่างไร ต้องเจอกับข้อสอบแบบไหน? แน่นอนว่าการที่น้องๆ จะสอบเข้าแพทย์และได้เป็นคุณหมอในอนาคต สิ่งๆ หนึ่งที่น้องจำเป็นจะต้องมีก็คือทักษะการคิดวิเคราะห์นั่นเอง ซึ่งหากน้องเป็นคนที่มีการคิดวิเคราะห์สูง ตรงนี้ก็อาจจะสื่อถึงความสามารถในการนำไปปรับใช้กับสถานการณ์เร่งด่วนต่างๆ ที่ต้องเจอในสายอาชีพนั่นเอง ดังนั้นนี่ก็เป็นที่มาของเจ้าตัว BMAT Part 1 โดยในส่วนนี้จะถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2 พาร์ท คือ BMAT Problem Solving (16 ข้อ) : […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เจาะลึกเทคนิคพิชิต ACT Science ข้อสอบเป็นยังไง? ต่างจากข้อสอบอื่นยังไงบ้าง?
สวัสดีครับน้องๆ หลังจากที่หลายคณะเริ่มประกาศรับคะแนนการสอบ ACT เพื่อคัดเลือกนิสิต นักศึกษาใหม่เข้าคณะ เช่น ISE CU หรือ SIIT น้องๆ หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการสอบนี้กันมากขึ้น แถมยังมีบางคนรีวิวอีกว่าข้อสอบ ACT ง่ายกว่าการสอบแบบอื่นๆ วันนี้พี่อิ๊งค์จะมาช่วยไขข้อสงสัยถึงรูปแบบของ ข้อสอบ ACT Science ว่าเป็นยังไง แล้วจะง่ายกว่าข้อสอบอื่นจริงหรือไม่กันครับ ลักษณะข้อสอบ ACT Sciencee ข้อสอบ ACT Science มีคำถาม 40 ข้อ โดยให้เวลาในการทำอยู่ที่ 35 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นข้อสอบ Speed Testมากๆ น้องจะต้องฝึกฝนในการทำให้มาก และฝึกจัดการเวลาในการทำข้อสอบให้เชี่ยวชาญก่อนไปสอบ ซึ่งรูปแบบของคำถาม จะมีการให้ Passage มาประมาณ 6 เรื่อง ในแต่ละเรื่องจะมีคำถาม 4-7 ข้อ […]
Comments (0)
Comments