ตะลุยข้อสอบ BMAT Biology พร้อมเทคนิคพิชิตคะแนน by พี่ฮัลเลย์

ตะลุยข้อสอบ BMAT Biology พร้อมเทคนิคพิชิตคะแนน by พี่ฮัลเลย์
สวัสดีครับน้องๆ อีกไม่นานก็จะถึงช่วงเวลาของการสอบ BMAT รอบตุลาคมกันแล้วนะครับ การสอบ BMATต้องอาศัยทักษะความสามารถหลากหลายด้านมากๆ เพื่อให้ได้คะแนนออกมาตามที่คาดหวังไว้ และหนึ่งในวิชาที่ทำให้น้องๆ หลายคนตกม้าตาย ก็คือชีววิทยาหรือ BMAT Biology นั้นเองครับ
สำหรับ BMAT Biology จะอยู่ในข้อสอบ Section 2 โดยที่น้องๆ จะต้องสอบร่วมกับฟิสิกส์ เคมี และคณิตศาสตร์ เพราะว่านี่คือข้อสอบที่ประเมินความรู้และความสามารถในการประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์นั่นเองครับ ซึ่งน้องมีเวลา 30 นาที ในการทำข้อสอบจำนวน 27 ข้อ เรียกได้ว่าหารเฉลี่ยออกมาแล้ว แต่ละข้อมีเวลาประมาณหนึ่งนาทีเท่านั้น นับว่าเป็นข้อสอบที่สร้างความกดดันไม่น้อยเลย แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความรู้จักกับข้อสอบ BMAT Biology ให้ดีก่อนเริ่มเตรียมตัวฝึกทำโจทย์นะครับ วันนี้พี่ฮัลเลย์เลยพาน้องๆ มาตะลุยข้อสอบ BMAT Biology พร้อมแนะนำเทคนิคพิชิตคะแนนให้ได้ตามที่หวัง!! ไปเริ่มอ่านกันเลยดีกว่า
1. รูปแบบของข้อสอบ
- ข้อสอบชีวะแต่ละปีมีโควตาออก 6-8 ข้อ แต่ละข้อมีเวลาให้ราว 1 นาที
- ข้อสอบจะให้วิเคราะห์จากแผนภาพหรือข้อมูล และมักจะถามว่าจากแผนภาพและข้อความที่ให้มา 3-5 ประโยคนั้น ข้อใดถูกหรือข้อใดผิด
- การเจอตัวเลือก 6-8 ตัวเลือก ไม่ใช่เรื่องแปลกในข้อสอบ BMAT Biology เพราะผู้จัดสอบต้องการสร้างความเป็นไปได้ของการผสมตัวเลือกให้เราตัดตัวเลือกได้ยากนั่นเอง
2. เนื้อหาที่ออก (อ้างอิงจากเว็บไซต์ official ของ BMAT)
- เซลล์ น้องต้องทำความเข้าใจโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์สัตว์ เซลล์พืชและเซลล์แบคทีเรีย รวมถึงรู้จักการจัดอันดับอย่างเป็นลำดับขั้นตั้งแต่เซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะนะครับ
- การเคลื่อนที่ของสารผ่านเยื่อหุ้ม รู้จักนิยามของคำว่าการแพร่ ออสโมซิส และการเคลื่อนที่ของสารแบบใช้พลังงาน (active transport) รวมถึงต้องสามารถยกตัวอย่างให้ได้
- การแบ่งเซลล์และการกำหนดเพศ ให้น้องอ่านเนื้อหาเรื่องไมโทซิส ไมโอซิส การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและแบบไม่อาศัยเพศ การกำหนดเพศ
- การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เรื่องที่ออกจะมีเรื่องโครโมโซม หรือยีนทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ การผสมที่พิจารณาลักษณะเดียว (monohybrid cross) และจำให้ได้ว่านิวเคลียสคือสถานที่เก็บสารพันธุกรรม
- ดีเอ็นเอ เข้าใจว่าโครโมโซมเก็บดีเอ็นเอเอาไว้และสามารถอธิบายโครงสร้างของดีเอ็นเอ การสังเคราะห์โปรตีน การกลายพันธุ์ระดับยีนให้ได้
- เทคโนโลยียีน เนื้อหาที่ออกสอบ BMAT Biology คือเรื่องพันธุวิศวกรรม เซลล์ต้นกำเนิด
- ความแปรผัน ต้องอ่านเรื่องการคัดเลือกตามธรรมชาติและวิวัฒนาการ แหล่งกำเนิดความแปรผันและการสูญพันธุ์
- เอนไซม์ น้องต้องเข้าใจตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ กลไกการทำงานของเอนไซม์และเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานของเอนไซม์ รวมถึงเอนไซม์ที่ใช้ย่อยอาหาร
- สรีรวิทยาของสัตว์ เนื้อหาที่ออกสอบ BMAT Biology คือการหายใจ ระบบอวัยวะ การรักษาดุลยภาพ ฮอร์โมน โรคภัยและการป้องกันโรคของร่างกาย
- สิ่งแวดล้อม เนื้อหาในส่วนนี้ แม้ผู้จัดสอบจะระบุว่าอยู่ในขอบข่ายที่จะนำมาออกข้อสอบได้ แต่เท่าที่ผ่าน เรื่องนี้แทบไม่ออกข้อสอบเลย พี่คิดว่าน้องสามารถตัดเรื่องนี้ออกไปจากการเตรียมตัวสอบ BMAT ได้เลยครับ
Topic BMAT Biology ที่เนื้อหาออกสอบเยอะ

จากสถิติที่ผ่านๆ มา หัวข้อที่ออกข้อสอบเยอะมากๆ คือ การแบ่งเซลล์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เทคโนโลยียีน เอนไซม์ และสรีรวิทยาของสัตว์ครับ ถ้าเวลาเริ่มกระชั้นเข้ามาแล้ว ให้เน้นไปที่หัวข้อทั้งห้านี้ก่อนเลย เจอแน่ๆ 4-5 ข้อครับ
3. การเตรียมตัว
จากเนื้อหาที่ลิสต์ออกมา ดูเหมือนเยอะมากเลยใช่ไหมครับ แต่ถ้าลองพิจารณาดูดีๆ ขอบอกว่าไม่ยากเกินความสามารถเลยครับ โดยเฉพาะน้องๆ ที่เรียนหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ (ภาคภาษาไทย) มาแล้ว เนื้อหาส่วนใหญ่รับรองว่าเคยผ่านตามาบ้างตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น

สิ่งที่น้องๆ ต้องฝึกเพิ่ม
- การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ สามารถฝึกฝนได้โดยทยอยทำข้อสอบเก่าๆ ซึ่งทางผู้จัดสอบได้อัปโหลดไว้ให้แล้ว
- เทคนิคการคิดวิเคราะห์ข้อสอบ บางครั้งข้อสอบอาจมีข้อมูลที่ไม่มีอยู่ในแบบเรียนโผล่มา น้องๆ จึงต้องใช้ความรู้เท่าที่มีมาประยุกต์ต่อยอดและวิเคราะห์ข้อสอบข้อนั้นให้ได้
4. เทคนิคพิชิตคะแนน BMAT Biology
ข้อสอบ BMAT Biology แม้จะมีตัวเลือกเยอะ เต็มไปด้วยแผนภาพ ตาราง และข้อความยาวยืด แต่ในความท้าทายนี้มีความง่ายซ่อนอยู่ เพราะหลายๆ ข้อเราไม่ต้องคิดทั้งหมด ก็สามารถตอบคำถามได้แล้ว ลองมาดูข้อสอบ Mock exam กันครับ

ถ้าเจอแบบนี้ ให้ดูก่อนว่าถามหาข้อถูกหรือข้อผิด ซึ่งข้อสอบระบุชัดว่าถามหาข้อความที่ถูกต้อง (Which of these are correct?) แล้วมาดูที่ตัวเลือกกันต่อ จะเห็นว่ามีตัวเลข 5 ซ้ำกันเยอะมาก นั่นแปลว่าถ้าเราบอกได้ว่าข้อความที่ 5 ถูกหรือผิด เราจะตัดตัวเลือกออกไปได้เยอะมาก
เมื่อเราพิจารณาข้อความที่ 5 จะพบว่ามันผิด เพราะการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสไม่เกิดการจับคู่กันของโครโมโซมคู่เหมือนจนเป็นโครงสร้างที่เรียกว่า Bivalent ตอนนี้เราก็เหลือตัวเลือก A กับ B ซึ่งจะเห็นว่ามีตัวเลข 1 กับ 3 ซ้ำกัน แสดงว่าเราตัดสินใจได้เลยจากการพิจารณาข้อความที่ 2 หรือ 4 หมายความว่าถ้าเราไม่รู้ 2 เรามาดู 4 ก็ยังได้
ข้อความที่ 2 นั้นผิด ส่วนข้อความที่ 4 ถูกต้อง สุดท้ายเราจึงเลือกตอบตัวเลือก C
เห็นไหมครับว่าเราไม่ต้องพิจารณาทุกข้อความ ก็สามารถตอบได้แล้ว ในสนามสอบ ให้ไปทำข้ออื่นต่อทันที แล้วถ้าหากมีเวลาเหลือ ค่อยกลับมาเช็คคำตอบดูอีกรอบก่อนหมดเวลาครับ
เทคนิคนี้ใช้กับข้อสอบที่เป็นตารางได้เหมือนกัน มาดู Mock exam ข้อนี้กัน

ข้อนี้เราค่อยๆ พิจารณาพร้อมๆ กับการตัดตัวเลือกไปเลยครับ
หมายเลข 1 ควรจะเป็น Receptor เราก็จะเหลือตัวเลือกแค่ C D และ E
ส่วน a ควรจะเป็น Sensory neuron จะเห็นว่าเหลือเพียงคำตอบเดียว คือ E ดังนั้นเราตอบได้เลยทันทีโดยไม่ต้องพิจารณาให้ครบ
เนื้อหาที่ออกสอบ BMAT Biology ในบทพันธุศาสตร์มักมาพร้อมกับตัวบ่งปริมาณ สำหรับน้องที่เรียนตรรกศาสตร์มาแล้ว คงจะคุ้นเคยกันดีกับสัญลักษณ์ ∀ (for all) ที่จะต้องพิจารณาทุกความเป็นไปได้ ที่จะทำให้ประพจน์นั้นเป็นจริง และ ∃ (for some) ที่ขอแค่มีกรณีเดียวที่ทำให้ประพจน์นั้นเป็นจริงก็เพียงพอ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับ BMAT ชีววิทยา?
คำตอบก็คือ การคิดถึงทุกความเป็นไปได้ หรือคิดเพียงแค่บางกรณี เป็นจุดสำคัญเลยล่ะครับ ลองมาดู Mock exam ต่อไปนี้กัน

ข้อนี้ให้พงศาวลีมาแล้วถามว่าใคร (A B C D หรือ E) ในที่นี้ “ต้องเป็น” (must be) พันทางแน่ๆ พี่จะข้ามขั้นตอนการวิเคราะห์พงศาวลีไปนะครับ สมมติว่าน้องๆ รู้แล้วว่าลักษณะขนตายาวเป็นอัลลีลเด่น ดังนั้น B และ D ซึ่งมีขนตาสั้น จะต้องมีลักษณะด้อยแน่ๆ ส่วน C กับ E ไม่จำเป็นต้องเป็นพันทางก็ได้ และ A ต้องเป็นพันทางแน่ๆ เพราะให้กำเนิดบุตรสาวและบุตรชายที่มีขนตาสั้นได้ ดังนั้นข้อนี้ตอบตัวเลือก A
ถ้าน้องๆ ไม่ระวังว่าข้อนี้ถาม “must be” แล้วเผลอคิดโดยมองหาความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะเป็นพันทางล่ะก็ ทั้ง A C และ E จะมีโอกาสเป็นพันทางได้หมด และจะพลาดตอบเป็นตัวเลือก C ไปเลย

สำหรับข้อนี้ โจทย์ถามว่าเหตุการณ์ในข้อใด (1 2 3 และ 4) ที่ “อาจจะ” (สังเกตคำว่า “could”) กระตุ้นกระบวนการรักษาดุลยภาพได้ เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่าทุกเหตุการณ์สามารถนำไปสู่การกระตุ้นกระบวนการรักษาดุลยภาพได้หมด จึงตอบตัวเลือก I
น้องบางคนอาจจะแย้งว่า เหตุการณ์ในแต่ละข้ออาจไม่นำไปสู่กระบวนการรักษาดุลยภาพก็ได้ ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มากเกินไป โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ 1 ถ้าอุณหภูมิภายนอกร่างกายเพิ่มขึ้นไม่มาก เราก็ไม่จำเป็นต้องหลั่งเหงื่อเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย
แต่ข้อนี้โจทย์ถามด้วยคำว่า “could” ขอแค่มีเพียงกรณีเดียวที่เป็นไปได้ เหตุการณ์ในแต่ละข้อก็จะเป็นจริงขึ้นมาทันที เราจึงเลือกตัวเลือก I ครับ
สรุปเทคนิคพิชิต BMAT BIO

- ตั้งสติก่อนเจอข้อความ แผนภาพ และตัวเลือก อย่าเพิ่งลน
- มองหาว่าโจทย์ถามหาข้อถูกหรือข้อผิดจากคีย์เวิร์ด: correct, true, not correct, not true, untrue, false
- พยายามตัดตัวเลือกให้ได้มากที่สุด เพื่อการทำข้อสอบที่รวดเร็ว
- ระวังตัวบ่งปริมาณ
- must, must be, และ always หมายถึง For all ให้พิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมด ต้องเป็นจริง ข้อความหรือเหตุการณ์นั้นๆ จะเป็นจริง
- could และ would หมายถึง For some ขอเพียงกรณีเดียวที่เป็นจริง ข้อความหรือเหตุการณ์นั้นๆ จะเป็นจริง
เห็นไหมครับว่า เพียงเท่านี้ การจะได้คะแนน BMAT Section 2 ตามที่น้องๆ คาดหวัง ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว แต่ถ้าน้องๆ อยากได้ Perfect Score ทุกคนต้องเข้าไปอ่านบทความที่พี่ๆครูจาก ignitebyondemand มาบอกเทคนิควิธีอัพคะแนน BMAT กันทุกพาร์ท ทุกวิชา !!! รับรองว่าอ่านแล้วน้องจะมีความมั่นใจในการไปสอบ BMAT แน่นอนครับ >> https://www.ignitebyondemand.com/category/bmat/
ใหม่ล่าสุด! กับคอร์ส BMAT ในระบบ Learn Anywhere ที่พร้อมเสิร์ฟให้น้องๆ ทุกคนเข้าถึงบทเรียนได้ เพียงมี Mobile, iPad, iMac, Notebook หรือ PC ก็สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ถ้ามี Internet เพื่อให้น้องๆ สามารถเรียน Online ที่ไหน เมื่อไหร่ก็เรียนได้ พร้อมตะลุยโจทย์กับทุกคอร์ส Versions ล่าสุด!
สามารถดูรายละเอียดคอร์สเรียน BMAT ได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/bmat/
ดูรายละเอียดคอร์สเรียนในระบบ Learn Anywhere ทั้งหมดได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/platform-anywhere/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
5 เหตุผลสุดปัง! ทำไมสอบแพทย์รอบ 1 (Portfolio) ถึงได้เปรียบกว่า
วันนี้พี่แอดมินพาพี่ๆ ignite idol คนเก่งมาพูดถึง 5 เหตุผลสุดปัง! ในการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ รอบ 1 ว่าทำไมการเตรียมตัวใน รอบ Portfolio ถึงได้เปรียบกว่า พร้อมเทคนิคพิเศษกันแบบจัดเต็ม! ถ้าพูดถึงคณะแพทยศาสตร์ นั้นเป็นคณะที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมค่อนข้างสูง ทั้งรูปแบบการทำข้อสอบและการทำพอร์ตฟอลิโอและเป็นไปได้ว่าหลายคนอาจจะเลือกการสอบรอบที่ตัวเองเตรียมตัวมาพร้อมมากที่สุดก่อน แต่รู้หรือไม่ว่า…ถ้าน้องๆ สามารถเตรียมตัวให้พร้อมทันสอบตั้งแต่ TCAS รอบ 1 (Portfolio) ได้นั้นจะเพิ่มโอกาสในการติดพิชิตคณะแพทยศาสตร์ในฝันนั้น..ไม่ไกลเกินเอื้อมของทุกคนแน่นอน พี่ๆ เลยมีตัวอย่างจากรุ่นพี่ ignite ที่ติดคณะแพทยศาสตร์ ด้วยการสอบใน TCAS รอบ 1 (Portfolio) มาดูกันว่า..ทำไมทุกคนถึงเลือกสอบเข้าคณะแพทย์ตั้งแต่ TCAS รอบที่ 1 หรือ แพทย์รอบพอร์ตฟอลิโอ ที่น้องๆ หลายคนเรียก และพี่ๆ มีเทคนิคอะไรในการเตรียมตัวให้ทันเพื่อสอบเข้าคณะสุดหินที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ได้ตั้งแต่รอบพอร์ตฟอลิโอ […]
Comments (0)
-
Blog, SAT
รีวิวเตรียมตัวสอบและสัมภาษณ์จนติด BBA TU โดยน้องภูมิ – ก๊อต คู่หู คู่ฮาจากรั้ว BBA TU ปีล่าสุด!
สวัสดีครับน้องๆ สำหรับหลายคนที่อยากเข้าเรียน BBA หรือหลักสูตรบริหารอินเตอร์นั้น อาจจะคิดว่าการสอบเข้า BBA เป็นเรื่องง่ายๆ ชิวๆ แต่เดี๋ยวก่อน!! วันนี้รุ่นพี่ ignite 2 คน ซึ่งตอนนี้เพิ่งเป็นนักศึกษา BBA TU (หลักสูตรการบริหารธุรกิจ ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ไปหมาดๆ จะมาเล่าให้น้องฟังว่า การสอบเข้า BBA ไม่ได้ง่ายอย่างที่น้องคิด!! ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันดีกว่าครับว่าพี่ๆ เค้าพยายามกันมากแค่ไหน และมีวิธีเตรียมตัวสอบเข้ากันยังไงให้ติดคณะในฝัน? Q : แนะนำตัวให้น้องๆ ignite รู้จักกันหน่อยครับ ก๊อต : สวัสดีน้องๆ ครับ พี่ชื่อ ก๊อต-พจนารท จบจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิตครับ ตอนนี้สอบติด BBA (หลักสูตรการบริหารธุรกิจ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ ภูมิ : พี่ชื่อ ภูมิ-จารุภูมิ จบจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยมครับ ตอนนี้สอบติด BBA ธรรมศาสตร์ คณะเดียวกันกับก๊อตเลยครับ Q […]
Comments (0)
-
Blog
ไขข้อสงสัย ความแตกต่างระหว่างหลักสูตร A-Level, IB, AP ในระบบการศึกษาแบบนานาชาติ
ในยุคที่โรงเรียนนานาชาติในไทยพากันผุดเป็นดอกเห็ด บรรดาผู้ปกครองและน้องๆ ก็อาจจะสับสนกับระบบและหลักสูตรต่างๆ ของ โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ทำไมคนนั้นเรียน A-Level แล้ว ระบบ IB ละคืออะไร ทำไมบางโรงเรียนถึงเลือกได้ทั้งสองแบบ ในขณะที่บางโรงเรียนมีแค่ AP แล้วต้องสอบ SAT ด้วย ?? วันนี้พี่เอมี่และพี่แทนจะมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับความต่างของแต่ระบบวิชาในโรงเรียนกันค่ะ โดยหลักสูตรที่ popular ที่สุดในประเทศไทยคงจะหนีไม่พ้นหลักสูตรอังกฤษ ตามด้วยหลักสูตรอเมริกัน และ หลักสูตร IB ตามลำดับ ความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษานานาชาติ หลักสูตรอังกฤษ – หลักสูตรอเมริกัน – หลักสูตร IB พอจะเห็นภาพความแตกต่างของระบบการศึกษาต่างๆ กันแล้วใช่ไหมคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ปกครองที่กำลังเลือกโรงเรียนให้บุตรหลาน หรือน้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระบบโรงเรียนนานาชาติต่างๆ ควรจะศึกษาหลักสูตรที่เหมาะกับความถนัดและความต้องการในการเรียนต่อในอนาคตมากที่สุดค่ะ […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
ข้อสอบ ACT คืออะไร? มารู้จักอีกหนึ่งโอกาส สอบติดคณะอินเตอร์
ข้อสอบ ACT คืออะไร? คงเป็นคำถามที่น้องๆ ทีมอินเตอร์สงสัยกันมากที่สุดตอนนี้ !!! หลังจากที่ข้อสอบ SAT Subject tests ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ ทำให้มหาวิทยาลัยในไทยที่เปิดสอนหลักสูตรอินเตอร์ต่างพากันเบนเข็มมาเปิดรับคะแนน ACT กันมากขึ้น ไม่ว่าจะคณะวิศวะหรือวิทยาศาสตร์ ดังนั้นใครที่อยากสอบติด TCAS รอบ1 ต้องมารู้จักกับข้อสอบ ACT ที่เป็นอีกหนึ่งโอกาสทำให้น้องๆสอบติดคณะอินเตอร์ยอดฮิตนะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านพร้อมกันได้เลย…ignite เตรียมข้อมูลพร้อมเสิร์ฟให้น้องๆ แล้วครับผม ข้อสอบ ACT คือ ACT หรือ American College Testing Assessment คือ ข้อสอบมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาใช้วัดระดับทักษะด้านการใช้เหตุผล การคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา และการสื่อสารที่จำเป็นในการเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ที่เปิดรับนักศึกษาจากระบบ TCAS รอบ1 มักจัดหมวดหมู่คะแนน ACT ให้อยู่ประเภทเดียวกับคะแนน SAT หรือ SAT […]
Comments (0)
Comments