ความแตกต่างระหว่าง CU-TEP กับ TU-GET ข้อสอบไหนยากกว่ากัน

เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตเลยว่าข้อสอบ CU-TEP และ TU-GET เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และน้องๆ ควรเลือกสอบข้อสอบไหนดีกว่ากัน เราไปดูความแตกต่างของข้อสอบจากทั้ง 2 สถาบันนี้กันแบบข้อต่อข้อ และหาคำตอบไปพร้อมกันว่าน้องๆ ควรเลือกสอบตัวไหนดี
มารู้จักข้อสอบ CU-TEP คืออะไร? TU-GET คืออะไร?

ก่อนอื่นแลย เรามาทำความรู้จักกับข้อสอบทั้ง 2 ข้อสอบว่า CU-TEP คืออะไร และ TU-GET คืออะไรกันนะครับ
CU-TEP ย่อมาจาก Chulalongkorn University Test of English Proficiency คือ ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ออกโดย สถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปด้านภาษาอังกฤษ
- ผลคะแนน CU-TEP จะมีอายุ 2 ปี
- ผลคะแนนของ CU-TEP โดยส่วนใหญ่จะใช้ยื่นศึกษาต่อในแทบทุกคณะอินเตอร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้ง แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี อักษรศาตร์ และจิตวิทยา เป็นต้น
- นอกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังมีมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่รับรองผลคะแนนสอบ CU-TEP ในการยื่นสมัครศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี เช่น แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น แพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ รวมไปถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์อินเตอร์ของ ม.ธรรมศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งแต่ละคณะเหล่านี้ ก็จะใช้ระดับคะแนนที่แตกต่างกัน
- รวมถึงคะแนน CU-TEP ยังสามารถนำไปใช้ยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อีกด้วย
TU-GET ย่อมาจาก Thammasat University General English Test คือ ข้อสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษของผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- TU-GET สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในการยื่นเข้าสมัครในภาคอินเตอร์ในหลายๆ คณะของธรรมศาสตร์ได้ครับ และเรียนต่อปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์ได้เช่นกัน
- โดยใช้เข้าคณะอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาทิเช่น วิศวกรรมศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ หรือวารสารศาสตร์ เป็นต้น
- อายุคะแนนของ TU-GET คือ 2 ปี เช่นเดียวกับ CU-TEP
- สำหรับเกณฑ์การยื่นคะแนนของแต่ละคณะและแต่ละมหาวิทยาลัย ก็จะแตกต่างกันไปตามประกาศของคณะนั้นๆ
ค่าสอบและการสมัครสอบ

มาดูที่ค่าธรรมเนียมการสอบของแต่ละตัวกันหน่อย ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ทั้ง CU-TEP และ TU-GET มีค่าธรรมเนียมการสอบที่อยู่ในระดับที่เอื้อมถึงได้ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่น้องๆ หลายคนเลือกสอบ 2 ตัวนี้
สำหรับการค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ CU-TEP ที่ครอบคลุมทักษะ Listening, Reading, และ Writing มีราคาทั้งสิ้น 900 บาท แต่หากผู้สมัครสอบจำเป็นต้องใช้คะแนน CU-TEP Speaking เพื่อนำไปยื่นเข้าบางคณะของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเช่น BBA, EBA, JIPP, แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ ค่าสมัครสอบจะอยู่ที่ราคา 2,900 บาท
การสมัครสอบของ CU-TEP ผู้สมัครสอบ สามารถสมัครออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ข้างต้น ในหัวข้อ “ระบบลงทะเบียนออนไลน์” เมื่อข้อมูลที่กรอกได้รับการยืนยันแล้ว ผู้สมัครสอบสามารถชำระเงินการสอบ โดยมีวิธีดังนี้
ชำระเงินผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารทหารไทย โดยพิมพ์ใบชำระเงินจากระบบการสมัคร และนำใบชำระเงินไปยื่นกับทางเคาน์เตอร์ธนาคาร เพื่อทำการชำระเงิน (สามารถชำระเงินได้ภายในเวลาทำการ ของธนาคารภายในวันสุดท้ายของการสมัครสอบ) หรือ ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
ชำระเงินผ่าน ATM โดยชำระผ่านตู้ ATM โดยเลือกเมนูชำระสินค้าและบริการ ทำการใส่ Ref 1 และ Ref 2 ตามที่ระบุไว้ในใบชำระเงินที่พิมพ์ออกมาจากระบบ (สามารถชำระเงินภายในเวลาเทื่องคืน ของวันสุดท้ายของการสมัครสอบ ถ้าหากชำระเงินเกินตามเวลาที่กำหนด ทางระบบจะปรับยอดเป็นวันถัดไป ซึ่งถือว่าเกินตามระยะเวลาการชำระเงิน จะถือว่าผู้สมัครได้ชำระเงิน เกินกำหนดระยะเวลาการสมัครสอบ) สามารถพิมพ์ใบชำระเงินได้ภายในเวลา 17.00 น.ของวันสุดท้ายของการสมัคร
* ผู้สมัครสามารถตรวจสอบสถานะการชำระเงินของตนเองได้ ภายใน 3 วันทำการ หลังจากทำการชำระเงิน
** หากผู้สมัครไม่ได้ชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถชำระเงินย้อนหลังได้ และต้องรอสมัครใหม่ในรอบต่อไป
ส่วนค่าธรรมเนียมการสมัคสอบ TU-GET โดยปกติอยู่ที่ราคา 500 บาท แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่สมัครสอบด้วย กล่าวคือ หากน้องทำการสมัครสอบวันที่ 1-15 ของทุกเดือน ค่าสมัครสอบจะอยู่ที่ 500 บาท
ผู้สมัครสอบสามารถสมัครสอบทางออนไลน์ และพิมพ์ใบแจ้งการชำระเงินและนำไปชำระเงินได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา แต่หากน้องสมัครวันที่ 16 จนถึงวันสอบ ค่าสมัครสอบจะอยู่ที่ 700 บาท และผู้สมัครสอบต้องจ่ายค่าสมัครสอบด้วยตนเอง ที่ห้อง TU-GET ชั้น 1 อาคารสถาบันภาษา มธ. ท่าพระจันทร์
ทั้งนี้ ผู้สมัครสอบสามารถตรวจสอบเลขประจำตัวสอบ สถานที่ วันและเวลาสอบได้ทางเว็บไซต์ ก่อนสอบ 1 สัปดาห์
น้องๆสามารถสมัครสอบทั้ง CU-TEP และ TU-GET ได้ตามลิงค์ที่แชร์ด้านล่างนี้ได้เลย
1. ลิงค์การสมัครสอบ CU-TEP
http://register.atc.chula.ac.th/ChulaATC/index.php?mod=welcome&op=&lang=th
2. ลิงค์การสมัครสอบ TU-GET
http://litu.tu.ac.th/TUGET/Login.aspx
วันและสถานที่สอบ

CU-TEP และ TU-GET เปิดรอบสอบทุกเดือนเหมือนกัน แต่ CU-TEP จะจัดสอบเดือนละ 1-2 ครั้ง และจะเปิดรอบสอบ CU-TEP Speaking เดือนละ 1ครั้งเท่านั้น ส่วน TU-GET จะเปิดสอบเดือนละ 1 ครั้ง
สำหรับการรับผลสอบ CU-TEP ผู้สอบจะรู้ผลสอบประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากการสอบผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ ส่วนผลการสอบ TU-GET ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบคะแนนได้ทางเว็บไซต์ หลังจากวันสอบ 1 สัปดาห์ โดยที่สถาบันภาษาจะส่งคะแนนอย่างเป็นทางการให้ผู้สมัครสอบ ภายหลังการสอบ 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ ผู้สอบสามารถเช็คปฏิทินการจัดสอบได้ในลิงค์ด้านล่างนี้เลย
1. ปฏิทินสอบ CU-TEP (ปรากฏในแถบด้านซ้ายมือของเว็บไซต์)
http://www.atc.chula.ac.th/index2.html
2. ปฏิทินสอบ TU-GET
http://litu.tu.ac.th/2019/assets/public/kcfinder/upload/public/pdf/2019/12/Brochure%20TU-GET(PBT)-2562-2563.pdf
สำหรับสถานที่สอบของ CU-TEP และ TU-GET ผู้สมัครสอบสามารถตรวจสอบสถานที่, วัน, และเวลาการสอบได้จากเว็บไซต์ทางการข้างต้น โดยสถานที่สอบของ CU-TEP จะมีความหลากหลายกว่าเพื่อความสะดวกของผู้สมัครสอบในแต่ละภูมิภาค สนามสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ CU-TEP คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั่นเอง ส่วนสนามสอบของ TU-GET จะเป็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แต่บางครั้งก็มีการจัดรอบพิเศษตามศูนย์สอบโรงเรียนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร
ข้อสอบและระยะเวลาการสอบ

เราลองมาลงรายละเอียดเนื้อหาในข้อสอบกันบ้าง ทั้ง CU-TEP และ TU-GET ต่างก็มีข้อสอบ 3 พาร์ท แต่ทักษะที่สอบก็มีความแตกต่างกันบ้าง ดังนี้
ข้อสอบ CU-TEP ประกอบไปด้วย 3 พาร์ท รวมทั้งหมด 120 ข้อ คะแนนเต็ม 120 คะแนน ในแต่ละพาร์ทจะกำหนดเวลาทำแยกกัน คือเมื่อทำเสร็จพาร์ทหนึ่งก็จะเก็บและทำอีกพาร์ทหนึ่งต่อ โดยในแต่ละพาร์ทมีจำนวนข้อและจำกัดเวลา ดังนี้
- Listening จำนวน 30 ข้อ ระยะเวลาในการสอบ 30 นาที
- Reading จำนวน 60 ข้อ ระยะเวลาในการสอบ 70 นาที
- Writing จำนวน 30 ข้อ ระยะเวลาในการสอบ 30 นาที
ข้อสอบ TU-GET ประกอบไปด้วย 3 พาร์ทที่มีความแตกต่างจาก CU-TEP บ้าง มีจำนวนข้อทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนเต็ม 1,000 คะแนน สำหรับการสอบ TU-GET นี้ ระยะเวลาในการสอบจะรวมกัน 3 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน ดังนั้น ผู้เข้าสอบต้องบริหารเวลาในการทำข้อสอบเอง โดยทักษะการสอบมีดังนี้
- Grammar and Structure จำนวน 25 ข้อ
- Vocabulary จำนวน 25 ข้อ
- Reading comprehension จำนวน 50 ข้อ
เจาะลึกข้อสอบ CU-TEP และ TU-GET

ได้เวลามาเจาะลึกทั้ง 2 ข้อสอบกันแล้ว เพื่อให้น้องๆเห็นภาพมากขึ้น จะได้เตรียมตัวได้ง่ายขึ้น ลองไปดูกันเลย
ข้อสอบ CU-TEP ที่ผู้สมัครทั่วไปสอบมีคำถามทั้งหมดรวม 120 ข้อ เป็นข้อสอบปรนัยทั้งหมด โดยที่ข้อสอบ CU-TEP ประกอบด้วย 3 ทักษะ ได้แก่ Listening, Reading, และ Writing โดยในแต่ละพาร์ทจะมีรายละเอียดการสอบ ดังนี้
- ข้อสอบ LISTENING มีจำนวน 30 ข้อ ระยะเวลาการทำ 30 นาที แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
– บทสนทนาสั้นระหว่างผู้พูด 2 คน จำนวน 15 ข้อ
– บทสนทนาที่ผู้พูดโต้ตอบกัน ความยาวประมาณ 10-20 exchanges จำนวน 3 บท บทละ 3 ข้อ รวมเป็นทั้งหมด 9 ข้อ
– บทพูดคนเดียว (Monologue) ที่มีความยาวประมาณ 200-250 คำ จำนวน 2 บท บทละ 3 ข้อ รวมเป็น 6 ข้อสำหรับการสอบ Listening ผู้สอบจะได้ยินบทสนทนาแต่ละบทเพียงครั้งเดียว และหลังบทสนทนาผู้สอบจะได้ยินคำถามเพียงครั้งเดียวเช่นกัน เมื่อคำถามแต่ละข้อจบลง ผู้สอบต้องตอบคำถามโดยการเลือกจากตัวเลือก 1, 2, 3, หรือ 4
- ข้อสอบ READING มีจำนวน 60 ข้อ ระยะเวลาการทำ 70 นาที แบ่งข้อสอบออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
Cloze reading เป็นบทความภาษาอังกฤษ ที่มีการเว้นช่องว่าง 15 ช่อง 15 ข้อ 15 คะแนนผู้สอบต้องเลือกคำตอบจากตัวเลือก 1, 2, 3, หรือ 4 ให้บทความสมบูรณ์ถูกต้องทั้งด้านเนื้อหาและไวยากรณ์
– บทความสั้น เป็นบทความสั้นประมาณ 1 ย่อหน้าหรือประมาณครึ่งหน้า A4 มักเป็นรูปแบบจดหมาย และมีคำถามแบบปรนัยจำนวน 5 ข้อ
– บทความยาว เป็นบทความที่มีความยาวประมาณ 1 หน้า A4 จำนวน 4บทความ โดยมีคำถามจาก 4บทความรวมทั้งสิ้น 40 ข้อ*ด้วยจำนวนข้อถึง 60 ข้อ ภายใน 70 นาที ทำให้ผู้สอบมีเวลาเฉลี่ยต่อข้ออยู่เพียงข้อละ 1 นาทีเศษ ผู้สอบจึงควรบริหารเวลาในการทำข้อสอบให้มีประสิทธิภาพที่สุด
- ข้อสอบ WRITING มีจำนวน 30 ข้อ ระยะเวลาในการทำข้อสอบ 30 นาที เฉลี่ยข้อละ 1 นาทีเท่านั้น
ข้อสอบส่วนนี้จะออกมาในรูปแบบของ Error Identification เพื่อวัดความรู้ทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ของผู้เข้าสอบโดยเฉพาะ เป็นข้อสอบปรนัยแบบเลือกจากตัวเลือก 1, 2, 3, หรือ 4 เช่นกัน*ทั้งนี้ ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริค ได้รวบรวมเทคนิคการทำข้อสอบ CU-TEP รวมถึง CU-TEP Speaking ไว้ให้แล้ว น้องสามารถคลิกเข้าไปอ่านได้ที่ >> เผยเทคนิคพิชิต CU-TEP + CU-TEP SPEAKING พร้อมแนวข้อสอบทั้ง 4 ทักษะ
มาต่อกันที่ ข้อสอบ TU-GET กันบ้าง ข้อสอบนี้มีคำถามรวมทั้งหมด 100 ข้อ ระยะเวลาในการทำข้อสอบทั้งหมดรวม 3 ชั่วโมงแบบที่ผู้เข้าสอบสามารถบริหารเวลาทำข้อสอบได้เอง โดยเนื้อหาที่สอบมีดังนี้
- Grammar and Structure เป็นพาร์ทที่วัดความรู้ด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ มีจำนวนคำถามทั้งหมด 25 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
– Error identification จำนวน 13 ข้อ เป็นการหาจุดผิดจากประโยค เป็นข้อสอบปรนัยแบบ 4 ตัวเลือก ข้อสอบในส่วนนี้จะมีความคล้ายคลึงกับข้อสอบพาร์ท Writing ของ CU-TEP มากๆ
– Sentence completion จำนวน 12 ข้อ เป็นพาร์ทเติมคำตอบในช่องว่างที่วัดความรู้ทางไวยากรณ์โดยเฉพาะ เป็นข้อสอบปรนัยแบบ 4 ตัวเลือก คำถามจะมาเป็นประโยคและเว้นว่างไว้ให้น้องๆ เลือกเติมประโยคให้สมบูรณ์ถูกต้อง บอกเลยว่าเป็นพาร์ทที่ต้องแม่นไวยากรณ์จริงๆ - Vocabulary เป็นพาร์ทวัดความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ มีทั้งหมด 25 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
– Fill in the blanks มีจำนวนทั้งหมด 13 ข้อ ก่อนหน้านี้ข้อสอบจะเป็น Passage มาให้และให้เลือกคำไปเติมให้ถูกต้อง เป็นลักษณะเหมือน Cloze test แต่ปัจจุบันนี้ ข้อสอบ TU-GET เปลี่ยนพาร์ทนี้เป็นข้อต่อข้อ กล่าวคือ เป็นประโยคมาให้ทีละข้อ และให้เลือกคำศัพท์ที่ถูกต้องทั้งถูกความหมายและถูกบริบทไปเติม ตัวเลือกเป็นปรนัยแบบ 4 ตัวเลือกเช่นเดียวกัน ความยากของพาร์ทนี้คือ ตัวเลือกที่โจทย์ให้มาจะมีความใกล้เคียงกันมาก บางครั้งใกล้เคียงในตัวสะกดทำให้น้องๆ ลังเลได้ บางครั้งก็ใกล้เคียงในความหมาย ทำให้น้องๆ ต้องเลือกใช้คำให้ถูกบริบทด้วย
– Synonyms มีจำนวนทั้งหมด 12 ข้อ พาร์ทนี้เป็นการวัดว่าน้องๆ รู้ความหมายและบริบทการใช้ของคำศัพท์ที่โจทย์กำหนดมาเลยหรือไม่ เพราะน้องๆ ต้องเลือกคำตอบที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงคำที่โจทย์ขีดเส้นใต้มามากที่สุด - Reading comprehension มีจำนวนทั้งหมด 50 ข้อ จากทั้งหมด 6 passages ใน 1 Passage ก็จะมีคำถามประมาณ 7-10 ข้อ ความยาวของแต่ละ passage จะมีความแตกต่างกัน บางบทความอาจสั้น บางบทความยาว เรื่องที่ออกจะมีความหลากหลาย เช่น บทความการทดลองทางวิทยาศาสตร์ บทความเกี่ยวกับปแญกาสิ่งแวดล้อม หรือบทความที่เกี่ยวกับด้านสังคม เป็นต้น ส่วนคำถามของพาร์ทนี้จะมีความคล้ายคลึงกับคำถามในข้อสอบ CU-TEP ทั้งการถาม Title, main idea, reference, vocabulary รวมถึงการถามแบบลงรายละเอียด จึงจำเป็นมากๆ ที่น้องๆ จะต้องอ่านเข้าใจภาพรวมของบทความนั้นๆ
สรุปความเหมือนและต่างของข้อสอบ

สุดท้ายนี้ เราไปดูความเหมือนและความแตกต่างระหว่างข้อสอบ CU-TEP และ TU-GET กัน อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าทั้งสองข้อสอบนี้มีบางทักษะและรูปแบบคำถามที่แตกต่างกัน กล่าวคือ CU-TEP จะมีการทดสอบ Listening จำนวน 30 ข้อ ในขณะที่ข้อสอบ TU-GET ไม่มี แต่จะมีการทดสอบ Vocabulary แทนในจำนวน 25 ข้อ สำหรับพาร์ท Reading จำนวนข้อของ CU-TEP ก็จะมากกว่าของ TU-GET 10 ข้อ และในพาร์ท Writing จาก CU-TEP ที่เป็น Error identification อย่างเดียว 30 ข้อ ใน TU-GET ก็จะเหลือแค่ 13 ข้อ และมีส่วนที่เป็น Sentence completion เข้ามาแทน 12 ข้อ
ทั้งนี้ ระดับความยากของทั้งสองข้อสอบ ค่อยข้างอยู่ในระดับเดียวกัน แต่น้องๆ หลายคนอาจบอกว่าข้อสอบ CU-TEP ยากกว่า ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเวลาในการทำข้อสอบที่สั้นกว่าก็ได้ ที่ทำให้น้องๆ รู้สึกกดดันตัวเอง
คอร์สเรียน CU-TEP & TU-GET

จะเห็นเลยว่า ทั้ง CU-TEP และ TU-GET มีความคล้ายคลึงในเนื้อหาที่สอบอย่างมากโดยเฉพาะด้านการอ่าน, คำศัพท์, และไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ หรือ Grammar นั่นเอง ดังนั้น เพื่อที่จะให้น้องๆ ได้ประโยชน์จากการเรียนอย่างสูงสุด ทาง ignite จึงได้ออกแบบคอร์สเรียนที่สามารถช่วยให้น้องๆ เตรียมตัวสอบทั้ง 2 ข้อสอบได้ไปพร้อมๆ กันกับคอร์ส Mini Class CU-TEP & TU-GET โดยพี่พิมพ์ รับรองว่าน้องๆ จะได้พบกับเทคนิคการทำข้อสอบมากมาย และเริ่มปูความรู้ตั้งแต่พื้นฐานไวยากรณ์ที่ออกสอบบ่อยในทั้ง 2 ข้อสอบ พร้อมการแตกศัพท์มากมายมั่นใจได้เลยว่าออกสอบแน่ ที่สำคัญ คอร์สนี้จำกัดที่นั่งเพียง 10 คนเท่านั้น!
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือเข้ามาทำ Placement Test เพื่อวัดระดับความรู้ ได้ที่ Ignite by Ondemand ชั้น 12B อาคารสยามพิวรรธน์ทาวเวอร์ หรือคลิกปุ่ม Line@ ด้านล่างเพื่อสอบถามข้อมูลเข้ามาได้เลยครับ
สามารถศึกษาข้อมูลข้อสอบ CU-TEP หรือเทคนิคในการทำข้อสอบ CU-TEP ที่น่าสนใจ ที่พวกพี่ๆ ได้รวบรวมไว้ให้น้องๆ ได้ทาง >> https://www.ignitebyondemand.com/category/cu-tep/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
รวมข้อสอบ BMAT Past papers , IMAT และ TSA ย้อนหลัง 10 ปี พร้อมเฉลย
สวัสดีครับน้องๆ ว่าที่คุณหมอที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสอบเข้าคณะแพทย์ รอบ Portfolio กันทุกๆ คน วันนี้พี่ๆ ignite ได้รวบรวม ข้อสอบ BMAT Past papers , practice papers พร้อมพิเศษข้อสอบ IMAT และข้อสอบ TSA ย้อนหลังให้ถึง 10 ปี พร้อมเฉลย ให้น้องๆ ฝึกทำโจทย์ให้มั่นใจกันอย่างจุใจ เตรียมพร้อมก่อนไปสอบกันนะครับ ก่อนจะเริ่มฝึกทำโจทย์ เรามาดูแผนเตรียมตัวสอบ BMAT ปี 2020 กันก่อนดีกว่า เพราะสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้การสอบปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากทุกครั้งที่ผ่านมา โดยทาง Cambridge ได้ยกเลิกการสอบ BMAT ในรอบ SEP ทำให้ปีนี้ๆ น้องเหลือรอบสอบแค่รอบ NOV ! เท่านั้น […]
Comments (0)
-
Blog, EP ม.ต้น
เรียน EP อยู่แล้วต้องเรียนภาษาอังกฤษเสริมอีกมั้ย ?
สวัสดีค่ะ พี่แนนจาก ignite นะคะ มีคำถามนึงที่ช่วงนี้พี่แนนได้ยินบ่อยมากๆ จากทั้งคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ม.ต้นที่เรียน EP มาว่า “เรียน EP อยู่แล้ว ยังต้องเรียนภาษาอังกฤษเสริมอยู่มั้ย” เพราะตามที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจคือหลักสูตรนี้เน้นภาษาอังกฤษอยู่แล้วน่าจะไม่ต้องทำอะไรมากมาย ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกัน พี่แนนมีเรื่องมาเล่าให้ฟังค่ะ เป็นเรื่องของนักเรียนคนนึงที่พี่เคยสอน น้องเรียน English Program มาตั้งแต่ ม.1 และตอนที่มาเจอกับพี่ครั้งแรก น้องอยู่ ม.3 แล้วและสนใจเตรียมตัวสอบเข้า Grade 10 ที่ MUIDS (โรงเรียนสาธิตนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล) ในวันที่เจอกับคุณแม่ของน้องครั้งแรกเพื่อวางแผนการเรียนกัน คุณแม่มองว่าน้องน่าจะไม่ต้องติวภาษาอังกฤษเยอะเพราะเรียน EP มา แต่เพื่อให้สามารถวางแผนการเรียนและสอนได้อย่างตรงจุด พี่จึงให้น้องลองทำโจทย์สอบเข้ารวมถึง พาร์ทการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ (Essay) สิ่งที่เกิดขึ้นคือน้องบอกกับพี่แนนว่าน้องเขียนไม่ได้ นึกคำศัพท์ไม่ออก เรียบเรียงไม่ถูก ในเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้นน้องจึงเขียนได้เพียง Paragraph สั้นๆ เท่านั้น Academic English ปัญหาสำคัญของน้อง EP EP หรือ English Program เป็นทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่นักเรียนทั้ง ม.ต้น และ […]
Comments (0)
-
Blog, SAT
รีวิวการเตรียมตัวสอบ รอบ Early น้องสตรีวิทย์ ติด BBA ยกแก๊ง!!
สวัสดีครับน้องๆ จากสถิติคะแนนยื่นสอบเข้าที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ดันบาร์ความโหดเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้การสอบเข้า BBA จุฬาฯ หรือ หลักสูตรบริหาร ภาคอินเตอร์ ที่เป็นคณะในฝันของใครหลายๆ คน ติดท๊อปลิสต์ คณะสอบเข้ายากในฝั่งอินเตอร์แทบทุกโพล แต่!!! วันนี้ แก๊งรุ่นพี่ ignite จากโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งตอนนี้พึ่งเป็นนิสิต BBA CU หมาดๆ ทั้ง 3 คน จะมาเล่าให้ฟังว่าการสอบเข้า BBA CU อาจไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยดีกว่าว่าพี่ๆ เค้ามีวิธีเตรียมตัวสอบเข้ากันยังไงบ้างถึงได้สอบติดรอบ Early กันยกแก๊งแบบนี้ Q: แนะนำตัวให้น้องๆ ignite รู้จักกันหน่อยว่าแต่ละคนติดคณะอะไรและใช้คะแนนอะไรยื่นบ้างครับ แจน: สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อแจนค่ะ สอบติด BBA จุฬาฯ ค่ะ ด้วยคะแนน SAT 1,450 และ IELTS 7.5 ค่ะ ครีม: สวัสดีค่ะ พี่ชื่อครีมค่ะ สอบติดทั้ง […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
สรุปทุกข้อสงสัยเลือกสอบแบบไหนดี ระหว่าง CU TEST Paper – Based Test VS CU TEST E-Testing
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ ISE วิศวะอินเตอร์ จุฬา ทุกคน พี่เชื่อว่าหลายคนใช้คะแนน CU-ATS & CU-AAT ในการยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่คงมีข้อสงสัยว่า แล้วมันต่างกันอย่างไร จะเลือกสอบ CU TEST แบบไหนดี วันนี้ พี่อิ้งค์ เลยมารีวิวและสรุปความแตกต่างของการสอบทั้ง 2 แบบ ว่ามีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะ เลือกสอบ CU TEST แบบ Paper – Based Test หรือแบบ E-Testing แบบไหนที่เหมาะสมกับเราและตอบโจทย์มากที่สุดครับ สรุปสิ่งที่เหมือนกันของการสอบ CU-TEST ทั้งแบบ Paper – Based Test VS E-Testing อย่างแรก เรามาพิจารณากันที่ความเหมือนกันของการสอบทั้ง […]
Comments (0)
Comments