วัดกันไปเลย! ความแตกต่างของ CU-TEP vs KEPT

วัดกันไปเลย! ความแตกต่างของ CU-TEP vs KEPT
สวัสดีครับน้องๆ กลับมาเจอกับพี่กั๊กและพี่แพททริค แบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีข้อมูลดีๆ มาแชร์ให้น้องๆ ทุกคนครับ สำหรับใครที่กำลังสนใจสอบเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คงเคยได้ยินเรื่องการใช้คะแนน KEPT ในการยื่นสมัครเรียนคณะดังกล่าวใน TCAS รอบที่ 1 แต่หลายๆ คนก็คงสงสัยว่า ข้อสอบ KEPT คืออะไร มีลักษณะอย่างไร และนำคะแนนไปใช้ยื่นที่ไหนได้บ้าง และยิ่งไปกว่านั้น น้องๆ รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว ข้อสอบ KEPT มักถูกนำมาเปรียบเทียบกับ ข้อสอบ CU-TEP ซึ่งก็สามารถใช้คะแนนยื่นในหลายคณะของหลายมหาวิทยาลัย วันนี้ พี่กั๊กและพี่แพททริคจึงอยากมาแชร์ความเหมือนและควาแตกต่างระหว่าง ข้อสอบ CU-TEP และ ข้อสอบ KEPT ให้น้องๆ ดูกันแบบเจาะลึกรายละเอียด และจะรู้เลยครับว่าแค่เตรียมตัว CU-TEP เพียงตัวเดียว น้องๆ ก็สามารถสอบทั้ง CU-TEP และ KEPT ได้แล้ว

มาทำความรู้จักข้อสอบ CU-TEP และข้อสอบ KEPT
เริ่มต้นด้วยการมารู้จักข้อสอบกันก่อนเลยครับ ว่าแต่ละข้อสอบมีที่มาอย่างไรบ้าง
CU-TEP ย่อมาจาก Chulalonkorgn University Test of English Proficiency เป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ออกโดย สถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปด้านภาษาอังกฤษ ผลคะแนน CU-TEP จะมีอายุ 2 ปี ซึ่งส่วนใหญ่คะแนนของ CU-TEP มักจะใช้ยื่นเพื่อเข้าศึกษาในภาคอินเตอร์ระดับปริญญาตรีและเพื่อเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้อาจมีบางมหาวิทยาลัยที่รับพิจารณาคะแนน CU-TEP ในการเข้าศึกษาต่อภาคอินเตอร์ เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้น สำหรับเกณฑ์การยื่นคะแนนของแต่ละคณะก็จะแตกต่างกันไปตามประกาศของคณะนั้นๆ
ส่วน KEPT ย่อมาจาก KhonKaen University English Proficiency Test เป็นข้อสอบวัดความสามารถภาษาอังกฤษที่ออกสอบโดย สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่วัดทักษะด้านการฟัง คำศัพท์ ไวยากรณ์ การสนทนา และการอ่าน เหมาะสำหรับวัดระดับความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษของบุคคลทั่วไป และสามารถใช้ผลคะแนนสอบเพื่อการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆตามที่หน่วยงานรับรองได้ ผลคะแนนสอบของ KEPT มีอายุ 2 ปีเช่นเดียวกันกับ CU-TEP เลยครับ

การยื่นคะแนนสอบ CU-TEP และ KEPT
ผลคะแนนของ CU-TEP และ KEPT จะสามารถใช้ยื่นศึกษาต่อในคณะและในมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกัน กล่าวคือ
ผลคะแนนของ CU-TEP โดยส่วนใหญ่จะใช้ยื่นศึกษาต่อในแทบทุกคณะอินเตอร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้ง แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี อักษรศาตร์ และจิตวิทยา เป็นต้น
นอกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังมีมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่รับรองผลคะแนนสอบ CU-TEP ในการยื่นสมัครศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี เช่น แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น แพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ รวมไปถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์อินเตอร์ของ ม.ธรรมศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งแต่ละคณะเหล่านี้ ก็จะใช้ระดับคะแนนที่แตกต่างกัน รวมถึงคะแนน CU-TEP ยังสามารถนำไปใช้ยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น CU-TEP ยังเป็นแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ที่ได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไปเพื่อพัฒนา หรือศึกษาต่อ และเตรียมตัวทำงาน ทั้งในหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน
สำหรับคะแนน KEPT เป็นคะแนนที่สามารถใช้ยื่นศึกษาต่อได้เฉพาะในมหาวิทยาลัยขอนแก่นบางคณะ ได้แก่
- คณะแพทยศาสตร์ โครงการ MDX และ MD02 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- คณะเภสัชศาสตร์ โครงการพิเศษ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- คณะทันตแพทยศาสตร์ โครงการ DTX มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นอกจากนี้ ข้อสอบ KEPT ยังแบ่งออกเป็น KEPT EXIT ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ สำหรับนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อใช้ในการยื่นจบการศึกษาอีกด้วย

วันและสถานที่สอบ CU-TEP แล KEPT
มาเริ่มกันที่การสอบ CU-TEP กันก่อนเลยนะครับผม การสอบ CU-TEP จะถูกจัดสอบทุกเดือน โดยจะจัดสอบเดือนละ 1 – 2 ครั้ง และจะเปิดรอบสอบ CU-TEP Speaking เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้การสอบ CU-TEP ถูกปรับให้สะดวกแก่ผู้เข้าสอบมากขึ้น กล่าวคือ สามารถเลือกสอบได้ทั้งแบบกระดาษคำตอบ และแบบระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับสถานที่สอบของ CU-TEP ผู้สมัครสอบสามารถตรวจสอบสถานที่ วัน และเวลาการสอบได้จากเว็บไซต์ทางการ โดยสถานที่สอบของ CU-TEP จะมีความหลากหลายกว่าสนามสอบของ KEPT เพื่อความสะดวกของผู้สมัครสอบในแต่ละภูมิภาค ทั้งนี้ สนามสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ CU-TEP คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั่นเอง ส่วนผลสอบ CU-TEP ผู้สอบจะรู้ผลสอบประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากการสอบผ่านเว็บไซต์ออนไลน์
ถัดมาที่การสอบ KEPT จะมีรอบสอบที่ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับการสอบ CU-TEP กล่าวคือ การสอบ KEPT จะจัดสอบปีละ 8 ครั้ง โดยในปัจจุบัน สถานที่สอบจะค่อนข้างจำกัด คือ สถาบันภาษา อาคารพจน์ สารสิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น เท่านั้น สำหรับผลสอบของ KEPT ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบผลการสอบได้ทางออนไลน์เช่นกัน ทั้งนี้ หากผู้เข้าสอบต้องการใบแจ้งผลคะแนนจะมีค่าธรรมเนียมในการขอเอกสารดังกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้สอบสามารถเช็คปฏิทินการจัดสอบของ CU-TEP และ KEPT ได้ในลิงค์ด้านล่างนี้เลย
ปฏิทินสอบ CU-TEP (ปรากฏในแถบด้านซ้ายมือของเว็บไซต์)
http://www.atc.chula.ac.th/index2.html
ปฏิทินสอบ KEPT

ค่าสอบและการสมัครสอบ CU-TEP และ KEPT
สำหรับการค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ CU-TEP ที่ครอบคลุมทักษะ Listening, Reading, และ Writing มีราคาทั้งสิ้น 900 บาท แต่หากผู้สมัครสอบจำเป็นต้องใช้คะแนน CU-TEP Speaking เพื่อนำไปยื่นเข้าบางคณะของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเช่น BBA, EBA, JIPP, แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ ค่าสมัครสอบจะอยู่ที่ราคา 2,900 บาท การสมัครสอบของ CU-TEP ผู้สมัครสอบ สามารถสมัครออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ข้างต้น ในหัวข้อ “ระบบลงทะเบียนออนไลน์” เมื่อข้อมูลที่กรอกได้รับการยืนยันแล้ว ผู้สมัครสอบสามารถชำระเงินการสอบ โดยมีวิธีดังนี้
- ชำระเงินผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารทหารไทย โดยพิมพ์ใบชำระเงินจากระบบการสมัคร และนำใบชำระเงินไปยื่นกับทางเคาน์เตอร์ธนาคาร เพื่อทำการชำระเงิน (สามารถชำระเงินได้ภายในเวลาทำการ ของธนาคารภายในวันสุดท้ายของการสมัครสอบ) หรือ ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
- ชำระเงินผ่าน ATM โดยชำระผ่านตู้ ATM โดยเลือกเมนูชำระสินค้าและบริการ ทำการใส่ Ref 1 และ Ref 2 ตามที่ระบุไว้ในใบชำระเงินที่พิมพ์ออกมาจากระบบ (สามารถชำระเงินภายในเวลาเทื่องคืน ของวันสุดท้ายของการสมัครสอบ ถ้าหากชำระเงินเกินตามเวลาที่กำหนด ทางระบบจะปรับยอดเป็นวันถัดไป ซึ่งถือว่าเกินตามระยะเวลาการชำระเงิน จะถือว่าผู้สมัครได้ชำระเงิน เกินกำหนดระยะเวลาการสมัครสอบ) สามารถพิมพ์ใบชำระเงินได้ภายในเวลา 17.00 น.ของวันสุดท้ายของการสมัคร
* ผู้สมัครสามารถตรวจสอบสถานะการชำระเงินของตนเองได้ ภายใน 3 วันทำการ หลังจากทำการชำระเงิน
** หากผู้สมัครไม่ได้ชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถชำระเงินย้อนหลังได้ และต้องรอสมัครใหม่ในรอบต่อไป
ส่วนการสอบ KEPT มีค่าธรรมเนียบการสอบ 500 บาท และหากต้องการใบแจ้งผลคะแนน จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 100 บาท วิธีการสมัครสอบ KEPT สามารถทำได้ทางออนไลน์เช่นกัน คือ ผู้สมัครสอบสามารถพิมพ์แบบฟอร์มชำระค่าธรรมเนียมการสอบ ได้หลังจากกรอกใบสมัครผ่านระบบออนไลน์เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นผู้สมัครสอบต้องชำระค่าธรรมเนียมการสอบภายใน 24 ชั่วโมงหลังยืนยันการสมัคร และต้องชำระค่าธรรมเนียมการสอบผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์เท่านั้น ไม่รับการชำระผ่าน ATM หรือออนไลน์ และเพื่อให้น้องๆ สะดวกในการสมัครสอบมากขึ้น พี่กั๊กและพี่แพททริคจึงขอนำลิงค์การสมัครสอบมาแชร์ให้น้องๆ ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ
1. ลิงค์การสมัครสอบ CU-TEP
http://register.atc.chula.ac.th/ChulaATC/index.php?mod=welcome&op=&lang=th
2. ลิงค์การสมัครสอบ KEPT ทั้ง KEPT สำหรับบุคคลทั่วไป และ KEPT EXIT สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี

เจาะลึกข้อสอบและระยะเวลาในการทำข้อสอบ CU-TEP และ KEPT
เรามาลองเจาะลึกที่รายละเอียดข้อสอบแต่ละตัวกันบ้างครับผม
ข้อสอบ CU-TEP ที่ผู้สมัครทั่วไปสอบมีคำถามทั้งหมดรวม 120 ข้อ เป็นข้อสอบปรนัยทั้งหมด โดยที่ข้อสอบ CU-TEP ประกอบด้วย 3 ทักษะ ได้แก่ Listening, Reading, และ Writing โดยในแต่ละพาร์ทจะมีรายละเอียดการสอบ ดังนี้
- ข้อสอบ LISTENING มีจำนวน 30 ข้อ ระยะเวลาการทำ 30 นาที แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
– บทสนทนาสั้นระหว่างผู้พูด 2 คน จำนวน 15 ข้อ
– บทสนทนาที่ผู้พูดโต้ตอบกันความยาวประมาณ 10-20 exchanges จำนวน 3 บท บทละ 3 ข้อ รวมเป็นทั้งหมด 9 ข้อ
– บทพูดคนเดียว (Monologue) ที่มีความยาวประมาณ 200-250 คำ จำนวน 2 บท บทละ 3 ข้อ รวมเป็น 6 ข้อสำหรับการสอบ Listening ผู้สอบจะได้ยินบทสนทนาแต่ละบทเพียงครั้งเดียว และหลังบทสนทนาผู้สอบจะได้ยินคำถามเพียงครั้งเดียวเช่นกัน เมื่อคำถามแต่ละข้อจบลง ผู้สอบต้องตอบคำถามโดยการเลือกจากตัวเลือก 1, 2, 3, หรือ 4
- ข้อสอบ READING มีจำนวน 60 ข้อ ระยะเวลาการทำ 70 นาที แบ่งข้อสอบออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
Cloze reading เป็นบทความภาษาอังกฤษ ที่มีการเว้นช่องว่าง 15 ช่อง 15 ข้อ 15 คะแนนผู้สอบต้องเลือกคำตอบจากตัวเลือก 1, 2, 3, หรือ 4 ให้บทความสมบูรณ์ถูกต้องทั้งด้านเนื้อหาและไวยากรณ์
– บทความสั้น เป็นบทความสั้นประมาณ 1 ย่อหน้าหรือประมาณครึ่งหน้า A4 มักเป็นรูปแบบจดหมาย และมีคำถามแบบปรนัยจำนวน 5 ข้อ
– บทความยาว เป็นบทความที่มีความยาวประมาณ 1 หน้า A4 จำนวน 4บทความ โดยมีคำถามจาก 4บทความรวมทั้งสิ้น 40 ข้อ*ด้วยจำนวนข้อถึง 60 ข้อ ภายใน 70 นาที ทำให้ผู้สอบมีเวลาเฉลี่ยต่อข้ออยู่เพียงข้อละ 1 นาทีเศษ ผู้สอบจึงควรบริหารเวลาในการทำข้อสอบให้มีประสิทธิภาพที่สุด
- ข้อสอบ WRITING มีจำนวน 30 ข้อ ระยะเวลาในการทำข้อสอบ 30 นาที เฉลี่ยข้อละ 1 นาทีเท่านั้น
ข้อสอบส่วนนี้จะออกมาในรูปแบบของ Error Identification เพื่อวัดความรู้ทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของผู้เข้าสอบโดยเฉพาะ เป็นข้อสอบปรนัยแบบเลือกจากตัวเลือก 1, 2, 3, หรือ 4 เช่นกัน
*ทั้งนี้ ดร.พี่กั๊กและพี่แพททริค ได้รวบรวมเทคนิคการทำข้อสอบ CU-TEP รวมถึง CU-TEP Speaking ไว้ให้แล้ว น้องสามารถคลิกเข้าไปอ่านได้ที่ >> เผยเทคนิคพิชิต CU-TEP + CU-TEP SPEAKING พร้อมแนวข้อสอบทั้ง 4 ทักษะ
สำหรับข้อสอบ KEPT เป็นข้อสอบที่วัดระดับภาษาอังกฤษของผู้สอบเพิ่มขึ้นจาก CU-TEP 2 ทักษะ กล่าวคือ นอกจากจะมีการสอบ Listening, Reading, และ Structure ที่คล้ายกับ Writing ของ CU-TEP ก็ยังมีพาร์ทของ Vocabulary และ Conversation ที่วัดเรื่อง Speaking เพิ่มเข้ามาอีกด้วย ต่อไปเราลองมาลงลึก เรื่องจำนวนข้อและระยะเวลาในการทำข้อสอบกันครับ
ข้อสอบ KEPT มีคำถามทั้งหมดรวม 100 ข้อ คิดเป็น 100 คะแนนเต็ม เป็นข้อสอบแบบปรนัยหรือตัวเลือก ระยะเวลาในการสอบทั้งหมดรวม 3 ชั่วโมงเต็ม โดยแบ่งเป็น Listening 30 ข้อ 30 นาที และทักษะที่เหลือจะแจกข้อสอบพร้อมกันที่เหลือ 70 ข้อ และมีระยะเวลาในการทำข้อสอบ 2 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่ง 70 ข้อดังกล่าวประกอบด้วย
- Vocabulary 10 ข้อ
- Structure 20 ข้อ
- Conversation 15 ข้อ
- Reading 25 ข้อ
ในส่วนของเนื้อหาและระดับความยากของ ข้อสอบ KEPT ต้องขอบอกเลยว่าน้องสามารถอ้างอิงจาก ข้อสอบของ CU-TEP ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะข้อสอบทั้ง 2 สถาบันนี้มีหลากทักษะที่คล้ายกัน และหากน้องเตรียมตัวสอบ CU-TEP อยู่แล้ว เพียงแค่น้องลองหาแบบฝึกหัดที่ทดสอบด้านคำศัพท์ หรือ Vocabulary มาทำเพิ่ม เมื่อพร้อม น้องๆ ก็สามารถลองสอบได้ทั้ง 2 ข้อสอบเลยครับผม ถือว่าคุ้มมากๆ ตามสำนวนที่เขาว่า ยิงปืนนัดเดียว ได้นกถึงสองตัวเลยครับผม แค่เปลี่ยนมาเป็นเตรียมสอบวิชาเดียว แต่สามารถไปสอบได้ถึงสองตัวเลยครับ

Courses CU-TEP เรียน Online ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็เรียนได้
จบกันไปแล้วนะครับ สำหรับข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างการสอบและข้อมูลการสอบของ CU-TEP และ KEPT น้องจะเห็นได้เลยว่า มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่างมากๆระหว่าง 2 ข้อสอบนี้ โดยเฉพาะจำนวนข้อ รูปแบบคำถาม และทักษะการสอบในแต่ละส่วน ดังนั้น น้องสามารถเตรียมตัวสอบ CU-TEP เพียงตัวเดียว เพื่อสอบทั้ง CU-TEP และ KEPT ไปพร้อมๆ กันได้ ถือว่าคุ้มมากๆ เลยนะครับ เพราะเตรียมตัวเพียงวิชาเดียว สอบได้ถึง 2 ตัว ดังนั้น พี่กั๊กและพี่แพททริคจึงขอแนะนำคอร์สเรียน CU-TEP ที่เก็บครบทุกทักษะที่ใช้สอบใน CU-TEP และ KEPT และเพื่อความสะดวกสบายของน้องๆ ทาง ignite by OnDemand จึงมีคอร์ส SELF เพื่อให้น้องทุกคน จากทุกๆ จังหวัดสามารถเรียนได้ที่สาขาของ OnDemand ทั่วประเทศเลยครับ
ใหม่ล่าสุด! กับคอร์ส CU-TEP ในระบบ Learn Anywhere ที่พร้อมเสิร์ฟให้น้องๆ ทุกคนเข้าถึงบทเรียนได้ เพียงมี Mobile, iPad, iMac, Notebook หรือ PC ก็สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ถ้ามี Internet เพื่อให้น้องๆ สามารถเรียน Online ที่ไหน เมื่อไหร่ก็เรียนได้ กับพี่กั๊กและพี่แพททริค พร้อมทุกคอร์ส Versions ล่าสุด!
สามารถดูรายละเอียดคอร์สเรียน CU-TEP ได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/cu-tep/
ดูรายละเอียดคอร์สเรียนในระบบ Learn Anywhere ทั้งหมดได้ที่ >> https://www.ignitebyondemand.com/anywhere/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, SAT
รีวิวเตรียมตัวสอบและสัมภาษณ์จนติด BBA TU โดยน้องภูมิ – ก๊อต คู่หู คู่ฮาจากรั้ว BBA TU ปีล่าสุด!
สวัสดีครับน้องๆ สำหรับหลายคนที่อยากเข้าเรียน BBA หรือหลักสูตรบริหารอินเตอร์นั้น อาจจะคิดว่าการสอบเข้า BBA เป็นเรื่องง่ายๆ ชิวๆ แต่เดี๋ยวก่อน!! วันนี้รุ่นพี่ ignite 2 คน ซึ่งตอนนี้เพิ่งเป็นนักศึกษา BBA TU (หลักสูตรการบริหารธุรกิจ ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ไปหมาดๆ จะมาเล่าให้น้องฟังว่า การสอบเข้า BBA ไม่ได้ง่ายอย่างที่น้องคิด!! ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันดีกว่าครับว่าพี่ๆ เค้าพยายามกันมากแค่ไหน และมีวิธีเตรียมตัวสอบเข้ากันยังไงให้ติดคณะในฝัน? Q : แนะนำตัวให้น้องๆ ignite รู้จักกันหน่อยครับ ก๊อต : สวัสดีน้องๆ ครับ พี่ชื่อ ก๊อต-พจนารท จบจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิตครับ ตอนนี้สอบติด BBA (หลักสูตรการบริหารธุรกิจ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ ภูมิ : พี่ชื่อ ภูมิ-จารุภูมิ จบจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยมครับ ตอนนี้สอบติด BBA ธรรมศาสตร์ คณะเดียวกันกับก๊อตเลยครับ Q […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
CU-AAT คืออะไร? ครบทุกข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับข้อสอบ CU-AAT
สวัสดีน้องๆ ทุกคนครับ พี่แอดมินเชื่อว่าตอนนี้น้องๆ หลายคนคงกำลังสงสัยกันใช่มั้ยว่าข้อสอบ “CU-AAT คืออะไร” วันนี้เราจะมาตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการสอบ CU-AAT ตั้งแต่เนื้อหาข้อสอบเป็นอย่างไร มีกี่วิชา ใช้ยื่นคณะไหนได้บ้าง ค่าสมัครสอบและตารางสอบ…ไม่พูดพร่ำทำเพลง พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย !! CU-AAT คืออะไร ข้อสอบ CU-AAT (Chulalongkorn University Academic Aptitude Test) คือ ข้อสอบที่ใช้วัดความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ (Mathematics) และภาษาอังกฤษ (Verbal) ใช้ในการพิจารณาผู้ยื่นเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ของหลักสูตรนานาชาติ จุฬาฯ โดยลักษณะข้อสอบคล้ายกับข้อสอบ SAT ธรรมดาทั้ง Part Mathematics และ Part Verbal แต่ความยากของเนื้อหาข้อสอบจะแตกต่างกันออกไป คณะที่สามารถใช้คะแนน CU-AAT เพื่อยื่นพิจารณาศึกษาต่อ เช่น MEDICAL คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ISE คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) EBA คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) BALAC คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
ความแตกต่างของ CU-ATS vs SAT Subject Tests
สวัสดีครับชาว igniter ทุกคน ตั้งแต่ต้นปี 2021 มานี้ น้องๆ ทุกคนต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้ง การยกเลิกข้อสอบ SAT Subject Tests, สนานสอบ SAT ยกเลิกการสอบเพราะพิษโควิด, Requirement ที่ไม่แน่นอนของทางมหาวิทยาลัยว่าจะใช้คะแนนสอบใดแทนได้บ้าง ทำเอาน้องๆ หลายๆ คนถึงกับตั้งตัวไม่ทันเลย พี่ๆ ignite ทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ครับ อย่างไรก็ตาม สำหรับน้องๆ ทีม ISE CU เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า จะสามารถยื่นคะแนน CU-ATS และ CU-AAT แทน SAT Subject Tests ได้ ดังนั้น พี่ๆ จึงไม่รอช้า มาแชร์แบบหมดเปลือกว่าข้อสอบ CU-ATS มีอะไรที่เหมือนหรือต่างไปจากข้อสอบ SAT Subject Test บ้าง […]
Comments (0)
-
Blog, GED
เคลียร์ทุกข้อสงสัย GED Rescore ทำยังไง ครูหมิง GED Guru มีคำตอบ!
สวัสดีค่ะน้องๆ ทุกคนกลับมาพบกับพี่หมิง GED Guru จาก Ignite กันอีกครั้งนะคะ วันนี้พี่ก็มีข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับการ Rescore GED มาฝาก เนื่องจากช่วงนี้ก็เข้าใกล้การยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว น้องๆ ทีม GED ก็ทักมาถามพี่หมิงกันเยอะมากว่า “อยากเพิ่มคะแนน อยาก Rescore คะแนน GED ต้องยังไงบ้าง” Blog นี้พี่มีคำตอบให้ค่ะ! GED Rescore คืออะไร ทำไมต้องทำ? สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่เคยสอบ GED อาจจะงงว่า Rescore คืออะไร ทำไมต้องทำ? พี่ต้องบอกก่อนค่ะว่าหลายๆ คณะ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่การแข่งขันสูง เช่น CU, TU, MUIC มีการกำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำ บางคณะกำหนดสูงถึง 660+ ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นสมัครเข้าเรียนได้ จึงเป็นที่มาว่าทำไมน้องๆ ที่ตั้งเป้าคณะเหล่านี้มักจะสอบถามเรื่อง […]
Comments (0)
Comments