Review ข้อสอบ SAT Math ปี 2018 ทุกรอบ!!

สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน ในช่วงต้นปีแบบนี้ หลายๆ คนก็มักจะชอบทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องเรียน, ครอบครัว, ความรัก ^^ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย แต่สุดท้ายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างพี่เชื่อว่าถ้าเราถอยกลับมาวิเคราะห์และเรียนรู้จากมัน เราก็น่าจะได้บทเรียนที่ดีให้เราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในปีถัดๆ ไปนะครับ
สำหรับหน้าที่ของครูสอน SAT Math อย่างพี่ภัทร์ คงจะไม่มีอะไรที่เหมาะมากไปกว่าการรีวิวข้อสอบ SAT Math ทุกรอบในปี 2018 ที่ผ่านมา! ปีที่ผ่านมามีการสอบ SAT ในไทยทั้งหมด 4 รอบ ได้แก่ Mar, May, Oct และ Dec และหลังจากพี่ได้ลองทำและวิเคราะห์โจทย์ SAT Math ทั้งหมด 5 ชุด โจทย์ทั้งหมด 290 ข้อ โอ้แม่เจ้าเยอะอะไรอย่างนี้ (พี่วิเคราะห์ข้อสอบ SAT US Edition ที่มีบางชุดแตกต่างจากชุด International Edition ด้วย) รีวิวฉบับนี้พี่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆที่กำลังจะเตรียมตัวสอบ SAT ในปีหน้า จะได้รู้ว่าโจทย์แนวไหนกำลังมาแรง ประเด็นใดออกข้อสอบบ่อย ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปลุยกันเลย!!
1. ผิดกี่ข้อ ได้กี่คะแนนกันแน่?
ก่อนอื่นเลยน้องต้องเข้าใจก่อนว่าสำหรับการแปลงคะแนน SAT เช่น SAT Math จาก Raw Score (0 – 58) เป็น Scale Score (200-800) มันไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัวเป๊ะๆ ว่าตอบผิด 1 ข้อ โดนหัก 10 คะแนน เพราะการแปลงคะแนนจะอิงเกณฑ์และอิงกลุ่ม แปลว่าคะแนนเราไม่ใช่แค่ขึ้นกับว่าเราทำได้กี่ข้อ แต่เราจะต้องกับคนอื่นๆ ทั่วโลกที่สอบ SAT ในรอบนั้นว่าเค้าทำได้กี่ข้อด้วย
ปกติแล้ว CollegeBoard ออกข้อสอบทุกรอบได้มาตรฐานเดียวกันเป๊ะมากๆ ทำให้การแปลงคะแนนทุกรอบแทบจะเหมือนกัน คือตอบผิด 1 ข้อ โดนหัก 10 คะแนน แต่จากรอบ Dec 2018 ที่ผ่านมาดันมามีเรื่องให้น้องๆ โวยวายเพราะข้อสอบมันดันง่ายกว่ารอบอื่นๆ พอข้อสอบง่ายกว่าปกติ เด็กส่วนใหญ่จะทำผิดน้อยลงมากๆ ทำให้ score conversion ค่อนข้างโหดร้าย กลายเป็นว่าตอบผิด 1 ข้อ โดนหัก 20 คะแนนทันที ในทางตรงข้ามการแปลงแบบนี้มันก็มีข้อดีเหมือนกันเพราะถ้าข้อสอบรอบนั้นดันยากกว่าปกติ น้องก็จะได้ประโยชน์เหมือนกันเช่น ตอบผิด 1-2 ข้อก็ยังได้เต็ม 800 ตารางด้านล่างเป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่พี่เล่าให้ฟังด้านบนครับ

2. Algebra และ Word Problems ยังคงเป็น 2 บทที่ออกสอบเยอะสุด
สำหรับน้องๆ ที่ไม่ค่อยแน่ใจขอบเขตของเนื้อหา SAT Math พี่ขออธิบายก่อนว่าเนื้อหา SAT Math เทียบเท่ากับเนื้อหาเลข ม.ต้น + ม.ปลายนิดหน่อย ของประเทศไทย ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะง่ายแต่น้องอย่าลืมว่าถ้าน้องอยากจะได้ SAT Math เต็ม 800 เพื่อไปยื่นคณะอินเตอร์ ท็อปฮิต จุฬาฯ และ มธ. ทั้ง BBA CU, BBA TU, ISE CU น้องต้องเป๊ะ ต้องทำถูกทุกข้อ!!

ตารางด้านบนเป็นสรุป % ของแต่ละบทที่ออกสอบ SAT Math ในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่ง 2 บทหลักๆ ก็ยังคงเป็นคือ Algebra (สมการ) , Word Problems (โจทย์ปัญหา) โดยรวมกันแล้วคิดเป็นเกือบ 50% ของข้อสอบทุกรอบ ส่วนอีกบทที่เด็กไทยมักจะมีปัญหาคือ Data Analysis (สถิติ, การวิเคราะห์ข้อมูล) ซึ่งบทนี้พี่บอกเลยว่าน้องๆ หลายคนไม่ชอบอ่านตารางใหญ่ๆ, กราฟข้อมูลแน่นๆ แต่จริงๆ แล้วโจทย์แนวนี้ก็สามารถทำเสร็จได้ภายใน 1 นาที ถ้าน้องรู้เทคนิคการอ่านสแกนโจทย์นะครับ
3. แนวโจทย์มาแรง แซงโค้ง
3.1 Number of solutions of a linear equation

โจทย์แนวนี้ใช้คอนเซปต์ในเรื่องของ Number of Solutions of a System of Linear Equations ว่ากราฟเส้นตรง 2 เส้นอาจจะตัดกันได้ 1 จุด, ไม่ตัดกัน หรือ ทับกันสนิทได้ ซึ่งคอนเซปต์เรื่องนี้พี่ภัทร์ได้ย้ำในคอร์ส SAT Math ว่าออกสอบ SAT ทุกรอบ ถ้าไม่ออกมาเผาได้เลย!! (เผาอะรายย เก๊าล้อเล่นนะ เดี๋ยวจะไปกันหมด)
3.2 Graphs of polynomial function

โจทย์แนวสร้างกราฟ polynomial function เป็นโจทย์อีกแนวที่ออกสอบ SAT Math ทุกรอบตั้งแต่ปี 2017-2018 โจทย์มักจะให้สร้างฟังก์ชันจากจุดตัดแกน x (x-intercept) โดยหลักการง่ายๆ คือ ถ้าโจทย์กำหนดให้ ฟังก์ชัน f มี x-intercepts = a, b and c เราจะประมาณได้ว่า f(x) = k(x – a)(x – b)(x – c)
แต่อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญที่พี่ภัทร์ย้ำเสมอคือ ถ้าจุดตัดแกน x จุดนั้นเป็น จุดตัด (zero) จะได้วงเล็บ (x – a)1 จะเป็นเทอมดีกรี 1 แต่ถ้าจุดตัดแกน x นั้นเป็น จุดสัมผัส (double zero) จะได้วงเล็บ (x – a)2 จะเป็นเทอมดีกรี 2 สำหรับน้องที่นึกภาพไม่ออก พี่ฝากตัวอย่างโจทย์แนวนี้ให้น้องๆ ลองทำความเข้าใจดูนะครับ
3.3 Margin of error
โจทย์การเก็บข้อมูลแนวบรรยายปกติแล้วจะออกสอบ SAT ทุกรอบๆละ 2 ข้อ และใน SAT ปี 2018 ประเด็นที่ฮอตที่สุดก็คือ “Margin of Error” ซึ่งศัพท์คำนี้แปลง่ายๆว่า “ค่าความคลาดเคลื่อน” สิ่งที่น้องต้องรู้เกี่ยวกับ Margin of Error คือมันหมายถึงค่าบวก/ลบ ความคลาดเคลื่อนจากค่าเฉลี่ย (mean)
ตัวอย่างเช่นถ้าโจทย์กำหนดให้ The reported mean score of all students in the class is 70% with a margin of error of 3% แปลว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนที่เป็นไปได้คือ 70 ± 3 = 67 – 73% ซึ่งช้อยส์ส่วนใหญ่มักจะมาเป็นคำบรรยายยาวๆ เช่น Between 67% to 73% are all possible mean scores of all students in the class. ถ้าน้องแม่นในหลักการของโจทย์แนวนี้ น้องจะตอบได้ง่ายมากๆ ในเวลาไม่เกิน 30 วินาทีแน่นอน เพราะมันแทบไม่ต้องคำนวณอะไรเลย!!
3.4 Box and whisker plot
กราฟ Box and Whisker Plot ถือเป็นโจทย์ที่มาแรงแซงโค้งสุดๆ เพราะมันไม่เคยออกข้อสอบ SAT เลยในปี 2017 แต่กราฟนี้กลับมาแรงแซงโค้งออก 2 รอบติดกันตอนปลายปีรอบ Oct 2018 และ Dec 2018 สำหรับกราฟชนิดนี้มีจุดสำคัญที่น้องต้องรู้จักคือขีด, ขอบกล่อง จะแสดงค่า min, max, median, 1st quartile และ 3rd quartile ของชุดข้อมูลนั้นๆ เช่น a

จากกราฟด้านบน min = 15 , max = 60 , median = 35 , 1st quartile = 25 และ 3rd quartile = 40
โจทย์ Box and Whisker Plot ที่ออกข้อสอบมาจริงๆ แล้วถามค่อนข้างง่าย ถ้าน้องเข้าใจจุดสำคัญๆ ของกราฟชุดนี้น้องสามารถตอบคำถามได้อย่างแน่นอนครับ
น้องจะเห็นได้ชัดเลยนะครับ ว่าการสอบ SAT Math แต่ละรอบเราไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะเจอข้อสอบชุดที่ยากกว่าปกติ หรือ ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นสิ่งที่น้องสามารถทำได้ คือการเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเราพร้อมแล้ว ไม่ว่าข้อสอบจะมาในรูปแบบไหน เราก็จะสามารถพิชิตมันได้ครับ
ดังนั้น พี่ขอแนะนำให้น้องๆ ม.5 ลงสอบในทุกรอบ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาส เพิ่มรอบสอบในการพิชิต Perfect Score หากน้องคนไหนต้องการตัวช่วยเพื่อเสริมความมั่นใจในการทำโจทย์ หรืออยากได้เทคนิคในการทำข้อสอบเพื่อพิชิต 800 คะแนนของพี่ภัทร์ สามารถมาเจอกับพี่ภัทร์ได้ใน คอร์สสด Exclusive Class for SAT MATH เริ่มเรียน 9 มีนาคมนี้ เวลา 09:00-12:00 น. สถานที่เรียน อาคารสยามพิวรรธน์ ชั้น 12B

คอร์สเนื้อหาที่สอนอย่างเป็นระบบ ครบจบในคอร์สเดียว นอกจากพี่ภัทร์จะรวบรวมโจทย์ใหม่ล่าสุดตามแนวข้อสอบ Official SAT 2018 มาให้น้องๆ แล้วปีใหม่นี้พี่ภัทร์ก็ขอมอบของขวัญพิเศษ คือการดูแลน้องๆ แบบรายบุคคล (Student Success Program) เรียกได้ว่าพี่ภัทร์จะติดตามน้องๆ จนกว่าน้องจะสอบติดเลยครับ อีกทั้งน้องๆ ที่ลงเรียนคอร์สนี้จะได้รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม Boost up และ Sat Clinic ที่จะจัดก่อนการสอบ SAT ทุกรอบด้วยครับ
สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.ignitebyondemand.com/platform-live-class/
หรือหากน้องๆต้องการดูรายละเอียด คอร์ส SAT Math แบบ Self ก็สามารถเข้าดูได้ที่ https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/sat-math-cu-aat/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog
PATHWAY TO SUCCESS กิจกรรมที่จะพาลูกของคุณพ่อคุณแม่ไปสู่คณะในฝันที่ ignite by OnDemand
สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ อย่างที่ทราบกันว่าการเตรียมตัวสอบเข้าคณะอินเตอร์ หรือคณะที่เปิดรับใน TCAS รอบ 1 นอกจากการเรียนที่เข้มข้นแล้ว กิจกรรมต่างๆ ระหว่างการเตรียมตัวสอบก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้ลูกๆ ของท่านมีโอกาสสอบติดมากขึ้น เพราะหลักสูตรต่างๆ ที่เปิดรับใน TCAS รอบ 1 มักมองหานักศึกษาที่มีทักษะและประสบการณ์ที่มากกว่าแค่ความรู้ในห้องเรียน ignite เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ เราจึงจัดสรรกิจกรรมมากมายเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจว่าลูกของท่านจะสอบติด…วันนี้แอดมินขอพาผู้ปกครองทุกท่านไปทำความรู้จักกับ “PATHWAY TO SUCCESS” กิจกรรมที่จะพาลูกของคุณพ่อคุณแม่ไปสู่คณะในฝันที่ ignite by OnDemand กิจกรรมแนะแนวและค้นหาตัวตนที่ ignite เริ่มต้นที่การค้นหาตัวตน เพราะการได้เรียนสิ่งที่น้องๆชอบและเป็นตัวเองคือสิ่งสำคัญ ignite จึงจัดกิจกรรมแนะแนวหลากหลายงานตามสายอาชีพในฝัน ไม่ว่าจะแพทย์ วิศวะ บริหารและอื่นๆ อีกมากมายให้น้องๆ ได้ค้นหาตัวเองว่าตนเหมาะจะเข้าไปเรียนในคณะนั้นๆ หรือไม่ IGNITE FAIR & IGNITE DAY งานแนะแนวเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์กว่า 50 หลักสูตร น้องๆ และผู้ปกครองจะได้พบกับบูธรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมตอบข้อสงสัยและให้ปรึกษาน้องๆ อย่างใกล้ชิด โดยน้องๆ สามารถเข้ามาสอบถามทั้งเรื่องเรียน สังคมในคณะและเคล็ดลับการเตรียมตัวสอบแบบ Exclusive และนอกจากบูธจากรุ่นพี่กว่า 50 […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
CU-AAT คืออะไร? ครบทุกข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับข้อสอบ CU-AAT
สวัสดีน้องๆ ทุกคนครับ พี่แอดมินเชื่อว่าตอนนี้น้องๆ หลายคนคงกำลังสงสัยกันใช่มั้ยว่าข้อสอบ “CU-AAT คืออะไร” วันนี้เราจะมาตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการสอบ CU-AAT ตั้งแต่เนื้อหาข้อสอบเป็นอย่างไร มีกี่วิชา ใช้ยื่นคณะไหนได้บ้าง ค่าสมัครสอบและตารางสอบ…ไม่พูดพร่ำทำเพลง พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย !! CU-AAT คืออะไร ข้อสอบ CU-AAT (Chulalongkorn University Academic Aptitude Test) คือ ข้อสอบที่ใช้วัดความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ (Mathematics) และภาษาอังกฤษ (Verbal) ใช้ในการพิจารณาผู้ยื่นเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ของหลักสูตรนานาชาติ จุฬาฯ โดยลักษณะข้อสอบคล้ายกับข้อสอบ SAT ธรรมดาทั้ง Part Mathematics และ Part Verbal แต่ความยากของเนื้อหาข้อสอบจะแตกต่างกันออกไป คณะที่สามารถใช้คะแนน CU-AAT เพื่อยื่นพิจารณาศึกษาต่อ เช่น MEDICAL คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ISE คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) EBA คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อินเตอร์) BALAC คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
ความแตกต่างของ CU-ATS vs SAT Subject Tests
สวัสดีครับชาว igniter ทุกคน ตั้งแต่ต้นปี 2021 มานี้ น้องๆ ทุกคนต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้ง การยกเลิกข้อสอบ SAT Subject Tests, สนานสอบ SAT ยกเลิกการสอบเพราะพิษโควิด, Requirement ที่ไม่แน่นอนของทางมหาวิทยาลัยว่าจะใช้คะแนนสอบใดแทนได้บ้าง ทำเอาน้องๆ หลายๆ คนถึงกับตั้งตัวไม่ทันเลย พี่ๆ ignite ทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ครับ อย่างไรก็ตาม สำหรับน้องๆ ทีม ISE CU เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า จะสามารถยื่นคะแนน CU-ATS และ CU-AAT แทน SAT Subject Tests ได้ ดังนั้น พี่ๆ จึงไม่รอช้า มาแชร์แบบหมดเปลือกว่าข้อสอบ CU-ATS มีอะไรที่เหมือนหรือต่างไปจากข้อสอบ SAT Subject Test บ้าง […]
Comments (0)
-
Blog, GED
เคลียร์ทุกข้อสงสัย GED Rescore ทำยังไง ครูหมิง GED Guru มีคำตอบ!
สวัสดีค่ะน้องๆ ทุกคนกลับมาพบกับพี่หมิง GED Guru จาก Ignite กันอีกครั้งนะคะ วันนี้พี่ก็มีข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับการ Rescore GED มาฝาก เนื่องจากช่วงนี้ก็เข้าใกล้การยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว น้องๆ ทีม GED ก็ทักมาถามพี่หมิงกันเยอะมากว่า “อยากเพิ่มคะแนน อยาก Rescore คะแนน GED ต้องยังไงบ้าง” Blog นี้พี่มีคำตอบให้ค่ะ! GED Rescore คืออะไร ทำไมต้องทำ? สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่เคยสอบ GED อาจจะงงว่า Rescore คืออะไร ทำไมต้องทำ? พี่ต้องบอกก่อนค่ะว่าหลายๆ คณะ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่การแข่งขันสูง เช่น CU, TU, MUIC มีการกำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำ บางคณะกำหนดสูงถึง 660+ ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นสมัครเข้าเรียนได้ จึงเป็นที่มาว่าทำไมน้องๆ ที่ตั้งเป้าคณะเหล่านี้มักจะสอบถามเรื่อง […]
Comments (0)
Comments