SAT Subject Test Physics เต็ม 800 ด้วย 3 เทคนิคขั้นเทพ แม้ไม่เทพฟิสิกส์ ก็เต็มได้

Highlights
การจะได้ SAT Subject Test 800 คะแนนเต็มไม่จำเป็นต้องทำถูกทุกข้อ
- เทคนิค EMH on-the-fly: วิธีทำข้อสอบให้ได้คะแนนเต็มศักยภาพของน้อง
- เทคนิค Deja-vu: วิธีทำให้โจทย์ unseen กลายเป็น seen ในตอนสอบจริง
- เทคนิคการทำข้อสอบ “โคตร speed test” อย่าง SAT Subject Test (75 ข้อใน 60 นาที) ให้ทัน
ตั้งแต่มีระบบ TCAS มาหลอกหลอนวัยรุ่นไทย การจะสอบติดตัวจริงคณะที่มีการแข่งขันสูงๆ ใน TCAS รอบ 1 อย่างวิศวะ อินเตอร์ ISE Chula หรืออย่างทันตะ จุฬาฯ นั้นน้องต้องมีคะแนน SAT Subject Test (ชื่อเดิม SAT II) ที่ไม่น้อยไปกว่า 750 จากคะแนนเต็ม 800
ฟังดูน่ากลัว แต่ถ้าน้องทราบว่า…
- ข้อสอบ 75 ข้อ (ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดหัก 0.25 คะแนน) หากน้องได้คะแนนดิบเกิน 60 ก็จะได้คะแนนจริง 800 เต็มแล้ว! นั่นคือไม่ต้องทำได้ทุกข้อ!
- ข้อสอบมีความสม่ำเสมอ คล้ายข้อสอบเก่ามากๆ ไม่มีอะไรพิสดารอย่างข้อสอบ PAT2 วิชาสามัญของไทย
- สอบได้หลายรอบต่อปี และคะแนนเก็บไว้ได้ 2 ปี นั่นคือน้องเตรียมตัวล่วงหน้าได้นานและมีโอกาสแก้ตัวหลายรอบ
น้องจะรู้ทันทีว่า ต่อให้น้องไม่ได้เป็นเทพฟิสิกส์มาก่อน น้องก็สามารถทำคะแนนได้ 800 เต็มได้! (จากประสบการณ์การสอนของพี่ มีลูกศิษย์หลายๆ คนที่ได้ 800 เต็มโดยที่ไม่ได้เป็นเด็กที่เก่งฟิสิกส์มาก่อนครับ)
วันนี้พี่จะมาให้ 3 เทคนิค ในการเตรียมตัวสอบ SAT Subject Test Physics ให้ได้ 800 คะแนนเต็มกันครับ
เทคนิคที่ 1: EMH (Easy-Medium-Hard)

ข้อสอบแต่ละข้อคิดเป็น 1 คะแนนดิบเท่ากัน แต่ระดับความยากไม่เท่ากัน! แปลว่าหากน้องทำข้อง่าย (แบบแทบจะมองแล้วตอบ) ได้ 10 ข้อ จะคุ้มค่ากว่าการไปเสียเวลานานๆ กับข้อยาก 2-3 ข้อ!
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อไหนง่ายหรือยาก? ความจริงแล้วก็ขึ้นกับว่าน้องถนัดหรือไม่ถนัดบทไหนในฟิสิกส์ หรืออีกวิธีหนึ่งคือการดูว่า “คนส่วนใหญ่” ทำโจทย์ข้อนั้นได้หรือไม่ได้ ซึ่งจะมีระบุไว้ในหน้าเฉลยคำตอบของหนังสือ The Official SAT Subject Test Study Guide: Physics ของ College Board
ในทางทฤษฎี เราควรอ่านข้อสอบทั้งหมดก่อน แล้วทำข้อสอบจากข้อ Easy ให้หมด จากนั้นค่อยไป Medium แล้วสุดท้ายค่อย Hard แต่ในทางปฏิบัติ ข้อสอบ SAT Subject Test Physics นั้นเป็นข้อสอบ “โคตร speed test” คือมีเวลาให้แค่ 60 นาทีสำหรับข้อสอบ 75 ข้อ (เฉลี่ย 48 วินาทีต่อข้อ!) ดังนั้น พี่จึงแนะนำเทคนิค “EMH on-the-fly” คือให้น้องๆ ทำเรียงข้อจากข้อ 1 ไปข้อ 75 แล้วคัดกรองระดับความยากง่ายไปพร้อมๆ กัน
- หากอ่านคำถามแล้วรู้ว่าทำข้อนี้ได้ชัวร์ (Easy) ให้ทำข้อนี้ให้เสร็จอย่างรวดเร็ว (ภายใน 30 วินาที) แต่อย่าถึงขั้นสะเพร่า
- หากอ่านแล้วพอจะรู้วิธีทำแต่ไม่ค่อยชัวร์ (Medium) ให้ลองทำให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้า 48 วินาทีผ่านไป ยังทำไม่ได้ ให้ตัดชอยส์เดาไปเลย อย่าเสียดาย (ให้นึกเสมอว่า มีข้อ Easy ให้เก็บอีกเยอะ!)
- หากอ่านแล้วรู้ตัวว่าทำไม่ได้ชัวร์ (Hard) ให้ Skip โดยไม่ต้องเสียดายอะไร! (หรือถ้าจะตัดชอยส์เดาก็ให้รีบทำ)
หากทำไปสุดข้อสอบ น้องได้เกิน 60 ข้อ ก็แทบมั่นใจได้เลยว่า คะแนนแตะ 800 ได้ครับ!
เทคนิคที่ 2: DEJA-VU วิธีทำให้ข้อสอบ UNSEEN กลายเป็นข้อสอบ SEEN ในวันจริง

หากน้องคนไหนเคยไปสอบ SAT Subject Test มาแล้วมากกว่า 2 รอบ น้องจะจับสังเกตได้ว่า มีข้อสอบหลายๆ ข้อซ้ำของเดิมหรือดัดแปลงจากของเดิมแค่เล็กน้อย! นั่นแปลว่าหากน้องเคยฝึกฝนข้อสอบที่ “ตรงแนว” ข้อสอบเก่ามาก่อน ก็มีโอกาสสูงที่น้องจะได้เจอข้อสอบที่เหมือนหรือคล้ายกับที่น้องฝึกมาในข้อสอบจริง
เหมือนปรากฏการณ์ “เดจาวู” ยังไงยังงั้น!!!
แต่ถ้าน้องไม่มีโอกาสไปสอบมากกว่า 2 รอบ จะทำอย่างไร? ความจริงแล้ว น้องสามารถฝึกโจทย์ที่ใกล้เคียงของจริง(มากๆ)ได้ จากหนังสือ The Official SAT Subject Test Study Guide: Physics ของ College Board (หลายๆ ข้อถูกนำมาใช้ในข้อสอบปัจจุบัน!) หรือ หากน้องเรียนคอร์ส SAT Subject Test Physics และ Advance SAT Subject Test Physics ของ ignite by OnDemand น้องก็จะได้ฝึกทำโจทย์ที่ใกล้เคียงของจริงกว่า 1,000 ข้อครับ
น้องหลักสูตรไทยครับ… ความโชคร้าย(นิดๆ)ของเราคือ หัวข้อในฟิสิกส์ที่ deja-vu บ่อยในข้อสอบ มีบางหัวข้ออยู่นอกเหนือหลักสูตรไทย เช่น Carnot Engine Efficiency, Special Relativity, History and Contemporary Physics ซึ่งไม่ยากเลย แต่ถ้าไม่รู้มาก่อน ก็อดได้คะแนนไปฟรีๆ ดังนั้นอย่าลืมอ่าน/ฝึก/เรียนเรื่องเหล่านี้ก่อนไปสอบครับ (แน่นอนว่า คอร์สที่พี่สอน ครอบคลุมเนื้อหาเหล่านี้ให้ครบถ้วนครับ ^^)
เทคนิคที่ 3: Mock Exam วิธีฝึกให้ทำข้อสอบ “โคตร speed test” ได้ทัน

ปัญหาใหญ่ที่น้องๆ หลายคนเจอคือ ความรู้แน่น ทำโจทย์ได้ … แต่ทำไม่ทัน!!!
หรือบางคน เป็นสิงห์สนามซ้อม หมูสนามแข่ง พอเจอภาวะจับเวลาทำข้อสอบของจริง ก็มักจะเกิดอาการ “ล่ก” (หรือที่ในวงการกีฬาเรียกว่า choking) แล้วลงเอยที่ทำข้อสอบได้คะแนนไม่เต็มศักยภาพของตนเอง
จากประสบการณ์ของพี่ วิธีการเอาชนะภาวะ choking ที่ได้ผลที่สุดคือ การฝึกจำลองสอบเสมือนจริง (Mock Exam) ให้บ่อยครั้งที่สุด
ก่อนจะออกรบให้ชนะ ก็ต้องซ้อมรบจนกว่าจะมั่นใจ!
ซึ่งการฝึกแบบระดับ Mock Exam นั้น ต้อง “จริงจัง” คือจับเวลาจริง ข้อสอบเหมือนของจริง และถ้าเป็นไปได้ ควรสร้างบรรยากาศให้เหมือนจริงด้วย (คือมีคนอื่นนั่งสอบด้วยในห้อง และมีคนคุมสอบ) นั่นคือไม่ใช่การนั่งฝึกชิลๆ ในห้องนอนที่บ้าน
โดยการฝึกฝนแบบจำลองสอบเช่นนี้ จะทำให้เรารู้ว่าสปีดในการทำข้อสอบของเรานั้นโอเคแล้วหรือยัง คือยังมีการไปเสียเวลากับข้อยากๆ มากเกินไปหรือเปล่า ยังคิดข้อง่ายได้ช้าไปหรือไม่ (อย่าลืมเทคนิค EMH) หรือมีการสะเพร่า โดนโจทย์หลอก concept ที่ชอบหลอกบ่อยๆ อยู่ไหม
และที่สำคัญ เราเริ่มปรับตัวกับภาวะกดดันในห้องสอบได้แล้วหรือยัง
ด้วยความสำคัญของการฝึกระดับ Mock Exam จึงทำให้ ignite by OnDemand มีการจัดจำลองสอบ Mock Exam สำหรับข้อสอบ SAT Subject Test แทบทุกรอบก่อนสอบจริง และในคอร์ส Advance SAT Subject Test Physics ที่พี่สอน ก็มีการฝึกแบบ Full Mock Exam ถึง 2 ครั้งในตอนท้ายคอร์ส รวมถึงมี Full Test พร้อมเฉลยละเอียดให้ฝึกเพิ่มอีก 2 ชุด
จากที่ได้เก็บข้อมูลจากน้องๆ ลูกศิษย์ที่ได้สอนมา หากเราฝึกจำลองสอบแบบ full-test ประมาณ 3 ครั้งขึ้นไป เราจะเริ่มคุมเวลาการทำข้อสอบได้ดี และคะแนนก็จะเริ่มพุ่งขึ้นจนไปแตะ 800 เต็มได้ครับ
Last but not least…

สำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากเตรียมตัวสอบ SAT Subject Test Physics กับพี่เกรท ignite by OnDemand ก็มาเจอกันได้ในคอร์ส SAT Subject Test Physics นะครับ ซึ่งในคอร์สนี้น้องจะได้…
- เรียนครบทุกบทที่ออกข้อสอบ รวมถึงบทที่นอกเหนือหลักสูตรไทย เช่น Special Relativity, 2nd Law of Thermodynamics, History and Contemporary Physics
- ฝึกโจทย์จากแนวข้อสอบใกล้เคียงของจริงหลายร้อยข้อ มั่นใจว่าได้ deja-vu ในห้องสอบกันแน่นอน!
- เทคนิค Supermap X ที่ช่วยให้น้องสามารถจำสูตรฟิสิกส์ได้และวิเคราะห์โจทย์ได้อย่างเห็นภาพ
- NEW!!! ในคอร์สมีโจทย์แนวข้อสอบ CU-ATS ให้ด้วยนะครับ
- NEW!!! ตำราพูดได้ น้องสามารถ Scan QR Code ในตำราเพื่อดูสรุป SupermapX แบบวีดีโอ ครบทั้ง 27 Chapters ได้ทุกที่ ทุกเวลา
- เรียนกับพี่เกรท อดีตเหรียญเงินฟิสิกส์โอลิมปิกระดับโลก จบ pure physics จาก Stanford University, USA (GPA 3.99 with Distinction) พร้อมประสบการณ์สอนกว่า 4 ปี
และน้องสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Line@: @ignitebyondemand ครับ
แล้วเจอกันนะครับ
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
คู่มือสำหรับพ่อแม่ อยากให้ลูกติดหมอ ตั้งแต่ TCAS รอบแรก ต้องใช้อะไรบ้าง
สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทุกที่อยากให้ลูกๆเป็นหมอทุกท่านนะครับ…วันนี้ ignite จะขอมาแนะนำการ สอบเข้าคณะแพทย์ TCAS รอบ 1 หรือที่ผู้ปกครองหลายๆ ท่านจะคุ้นหูกับคำว่า “แพทย์รอบ Portfolio” ซึ่งมีมหาวิทยาลัยที่เปิดรับ เช่น แพทย์จุฬาฯ แพทย์รามาฯ แพทย์ม.ขอนแก่น แพทย์ม.เชียงใหม่และอีกมากมายโดยวันนี้ ignite จะมาแนะนำข้อมูลสำคัญที่จะทำให้ลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่สอบติดหมอก่อนใครตั้งแต่ TCAS รอบแรก…ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลย !! สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio ต้องใช้อะไรบ้าง GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม สิ่งที่จำเป็นต่อการ สอบเข้าแพทย์รอบ Portfolio อย่างแรกคือ GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะกำหนดให้ใช้เกรดรวมทั้งหมด 4-5 เทอมด้วยกัน แต่จะมีเกณฑ์เกรดเฉลี่ยสะสมแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของแต่ละคณะ แต่ต้องเรียนคุณพ่อคุณแม่ว่าหากลูกของท่านมี GPAX ตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป น้องๆ จะมีโอกาสในการยื่นเข้าคณะแพทย์รอบ 1 ได้ทุกมหาวิทยาลัย […]
Comments (0)
-
Blog, GED
GED Math & Science สองวิชาสำคัญ ช่วยอัพ Total Score
สวัสดีค่ะน้องๆ กลับมาพบกับพี่หมิง Ignite อีกครั้ง วันนี้พี่หมิงก็มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับ GED มาฝากอีกเช่นเคยค่ะ สำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากใช้คะแนน GED เทียบวุฒิเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลายๆ คณะมักจะกำหนดคะแนนรวม (Total Score) ขั้นต่ำที่น้องๆ ต้องทำได้ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นสมัครเข้าคณะนั้นๆ เช่น CU-TU กำหนดคะแนน GED ขั้นต่ำที่ 660 คะแนน, MUIC กำหนดที่ 600 คะแนน เป็นต้น ดังนั้น นอกจากน้องๆ จะโฟกัสที่การสอบรายวิชาแล้ว อีกเรื่องที่ต้องคำนึงคือคะแนนรวม และสองวิชาที่ครูหมิงขอบอกเลยว่าเป็นตัวช่วยดึงคะแนนรวมที่ดีมากๆ ให้กับน้องๆ ก็คือ GED Mathematical Reasoning และ GED Science ค่ะ ก่อนอื่นเรามาเจาะลึกดูรายละเอียดของแต่ละวิชากันก่อนนะคะ GED Mathematical Reasoning ข้อมูลที่ต้องรู้ GED Mathematical Reasoning 1.ข้อสอบมี […]
Comments (0)
-
Blog
เจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูเกมและครูเวิลด์
นับถอยหลังอีกเพียง 4 เดือนสู่การสอบ IGCSE รอบตุลาคมสำหรับน้องๆ ระบบการศึกษานานาชาติ การสอบครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญเลยทีเดียว เพราะน้องๆ ต้องนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้ศึกษาต่อวิชาที่ต้องการในระดับ A-Level และอาจต้องใช้ยื่นควบคู่กันในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตอีกด้วย วันนี้พี่ๆ Ignite เลยจะพาน้องๆ มาเจาะลึก 2 วิชายาก IGCSE Chemistry & Biology กับครูพี่เกมและครูพี่เวิลด์ ผู้ที่มีประสบการณ์แน่นในการสอนน้องๆ หลักสูตรอินเตอร์ เพื่อที่จะได้รีบเตรียมตัวคว้าคะแนน A* กันถ้วนหน้า เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า! เจาะลึกข้อสอบ IGCSE Chemistry จุดไหนยากสุด? ครูพี่เกมต้องขออธิบายก่อนว่า ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึงความยากของ IGCSE Chemistry นั้น น้องๆ อาจจะต้องดูก่อนว่าข้อสอบที่น้องๆ จะเจอนั้นมาจากบอร์ดไหน CIE (Cambridge) หรือ Pearson Edexcel ถึงเเม้ว่าทั้ง 2 […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เหมือนไม่เหมือน เอาปากกามาวง เทียบให้ชัด CU-ATS VS ACT SCIENCE
สวัสดีครับว่าที่น้องๆ ทีมวิทยา วิศวะอินเตอร์ทุกคน ตั้งแต่มีการยกเลิก SAT Subject Tests ไป พี่เชื่อว่าน้องๆ หลายคน ต้องวางแผนเส้นทางสู่คณะในฝันกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ทั้ง CU-ATS และ ACT Science เป็นหนทางใหม่ในการพาน้องไปสู่จุดมุ่งหมาย แต่พี่เชื่อว่าคงมีหลายคนสงสัยว่า แล้วหน้าตาข้อสอบของ CU-ATS และ ACT Science เป็นอย่างไร แตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง และเราจะเลือกสอบตัวไหนดี วันนี้ทั้งพี่อิ้งค์และพี่ก๊อฟ ขอมา เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อสอบ CU-ATS และ ACT Science จับทั้งสองข้อสอบมาเปรียบเทียบกันในทุกแง่มุม เพื่อเป็นอีกแนวทางในการช่วยน้องๆ ตัดสินใจครับ ทำความรู้จักข้อสอบ CU-ATS VS ACT Science อย่างแรก เรามาทำความรู้จักข้อสอบทั้ง 2 แบบก่อนนะครับ […]
Comments (0)
Comments