Digital SAT คืออะไร? มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง..พร้อมเปิดเกณฑ์การคิดคะแนน Adaptive Test

หลังจากที่ทาง College Board ได้ออกมาประกาศแล้วว่า ข้อสอบ SAT จะเปลี่ยนเป็นการสอบแบบ “Digital SAT” ตั้งแต่เดือนมีนาคมของปี 2023 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากการสอบในกระดาษด้วยดินสอ 2B มาเป็นการสอบผ่าน Application บนช่องทางออนไลน์แทน รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวข้อสอบ ระยะเวลาจำนวนข้อ ตลอดจนเกณฑ์การคิดคะแนนแบบ Adaptive Test แบบใหม่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากสำหรับการทำข้อสอบ Digital SAT ครั้งนี้
Digital SAT คืออะไร ?

Digital SAT คือ การสอบที่เปลี่ยนจากการสอบ Papers-Based SAT โดยการใช้กระดาษดินสอ 2B เปลี่ยนมาเป็นการทำข้อสอบบนออนไลน์ ผ่านอุปกรณ์ เช่น Tablet , Notebook แทน ซึ่ง College Board มองว่าการทำข้อสอบแบบ Digital SAT จะเป็นข้อสอบที่ทำให้ผู้สอบ “เครียดน้อยลง” และ “สอบง่ายขึ้น” รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนหลายจุดเพื่อทำให้ข้อสอบ “สะดวกแก่ผู้สอบ” อาทิ ตัวข้อสอบที่มี Reading Passage สั้นลง มีการเพิ่มเวลาในการทำแต่ละข้อมากขึ้น มีฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ เพิ่มเติม เช่น Test Timer , Graphing Calculator , Mark for Review รวมถึงการยกเลิกข้อสอบ Part Math ที่ห้ามใช้เครื่องคิดเลข เป็นต้น
PAPER BASED SAT vs DIGITAL SAT แตกต่างกันอย่างไร ?

ต้องบอกก่อนว่าการสอบ SAT ก่อนปี 2016 นั้นจัดว่า “ยาก” กว่าในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนของภาษาอังกฤษ แต่ทุกครั้งที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำข้อสอบออกมา ทาง College Board ตั้งใจออกแบบข้อสอบใหม่ให้ดูง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่ยังคงวัดผลได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกันอีกครั้งในปี 2023 ที่มีการปรับเปลี่ยนในหลายๆ ส่วนด้วยกัน ไม่ว่าเป็น
1. ระยะเวลาในการทำข้อสอบ Digital SAT
Part Reading & Writing จะแบ่งเป็น 2 Module :
• ประกอบไปด้วย Module ละ 27 คำถาม และมีเวลาในการทำข้อสอบ 32 นาที
• รวมทั้งหมด 2 Module จะมีเวลา 1 ชั่วโมง 04 นาที นับว่าใช้เวลาน้อยกว่าข้อสอบเดิมพอสมควร
Part Math แบ่งเป็น 2 Module :
• ประกอบไปด้วย Module ละ 22 คำถาม และมีเวลาในการทำข้อสอบ 35 นาที
• รวมทั้งหมด 2 Module จะมีเวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที
แม้ว่าข้อสอบจะดูเหมือนใช้เวลาน้อยลงกว่าเดิมไปมาก แต่ด้วยเนื้อหาข้อสอบโดยเฉพาะพาร์ท Reading & Writing จะมีการคิดวิเคราะห์ที่ซับซ้อนมากกว่าเดิม น้องๆ อาจจะต้องมีเทคนิค และฝึกฝนทำข้อสอบ Digital SAT ให้เข้าใจวิธีการเเกะคำตอบได้เร็วขึ้น เพื่อให้สามารถพิชิตคะแนน Digital SAT ตรงนี้ไปได้ด้วยดี
2. แนวข้อสอบ Digital SAT
Part Reading & Writing
• จะไม่มี Passage ยาวระดับเกือบ 1,000 คำ เพื่อใช้ตอบคำถาม 10-11 ข้อ แต่จะมีเป็น Passage สั้นๆ ที่ยาวประมาณ 25-150 คำและใช้สำหรับตอบคำถามเพียงข้อเดียว
• มีเรื่องของ Poem ที่เพิ่มเข้ามาเพิ่ม
• ไม่มีเรื่องประวัติศาสตร์
• มี Part คำถาม Bullet Point
Part MATH
• โดยรวมเนื้อหา 90% ยังคงเหมือนเดิม
• ไม่มีพาร์ท Complex Number
• น้องๆสามารถใช้ Graphing Calculator มาช่วยทำโจทย์ให้เร็วขึ้นได้
• ข้อสอบ Grid In สามารถตอบติดลบได้เเล้ว
เกณฑ์การคิดคะแนนแบบ ADAPTIVE TEST

“Adaptive Test” มีชื่อเรียกเต็มๆว่า Stage Adaptive Test คือข้อสอบที่มีการวัดผลลัพธ์ตามระดับความง่าย ปานกลาง ยาก จากการทำข้อสอบ เป็นการสอบ Computer-based ทำให้ข้อสอบถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามความสามารถของแต่ละคน คำถามที่น้องๆ ได้ทำจะวัดจากความสามารถของตนเอง ไม่เหมือนการสอบแบบเดิมที่เป็น Paper-based หรือข้อสอบชุดเดียวกัน โดยข้อสอบจะถูกแบ่งออกเป็น 2 Modules ด้วยกัน ได้แก่
Module 1 ทุกคนจะได้ทำข้อสอบเหมือนกัน และถ้าได้คะแนนมากกว่า 60% น้องๆ ก็จะได้ไปทำ Module 2 ต่อ แบบ Hard Test ต่อ มีโอกาสได้คะแนน 450-800 คะแนน
แต่ถ้าไม่ถึง 60% น้องๆ ก็จะได้ Easy Test แทน ซึ่งมีโอกาสได้คะแนน 200-600 คะแนน นั่นหมายความว่าจะไม่มีโอกาสคะแนนเต็มเหมือน Hard Test
โดยรวมข้อสอบ Digital SAT นับว่ามีเครื่องมือที่มาพร้อมกับความสะดวกรวดเร็วในฟังก์ชั่นการทำข้อสอบต่างๆ ที่เข้ามา Support มากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่น้องๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่าเดิม คือการฝึกฝนแนวโจทย์ที่เปลี่ยนไป พร้อมรู้เทคนิคการทำคิดวิเคราะห์แนวโจทย์ที่ซับซ้อนกว่าเดิมเพื่อที่น้องๆ จะได้ใช้เวลาในการทำข้อสอบได้ทันและถูกต้อง สำหรับการพิชิต High Score ครั้งใหม่
และสำหรับน้องๆ คนไหนที่ต้องการเรียนต่อต่างประเทศหรือเข้าคณะอินเตอร์ และจำเป็นต้องใช้คะแนน Digital SAT น้องๆ สามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับพี่ๆ ทีม ignite ได้เลยทันที ทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านทาง Line หรือที่สาขา สยามพิวรรธน์ ชั้น 12B ได้เลย

สามารถซื้อคอร์สเรียนออนไลน์ ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ผ่าน Shop Online ของ ignite …พร้อมแล้วคลิกเลย http://bit.ly/3WslPZu
ดูรายละเอียดคอร์สเรียนของ ignite ทั้งหมดได้ทาง >> http://bit.ly/3IS5IkF
ปรึกษาสอบถามรายละเอียดการเรียนต่อ สำหรับทุกคณะอินเตอร์ยอดฮิตได้ทาง Line : @ignitebyondemand หรือโทร 02-6580023 , 091-5761475
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog
IGCSE คืออะไร? ตอบทุกข้อสงสัยไปกับ ignite by ondemand
IGCSE (International General Certificate of Secondary Educational) คือ หลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษที่ทำให้ได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.4 ในไทย ซึ่งหากเรียนจบหลักสูตร IGCSE แล้ว สามารถไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ เช่น AS, A Level, IB หรือเพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย โดยปกติในประเทศไทยนั้น การสอบ IGCSE จะอยู่ในระบบการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการเรียนการสอนแบบอังกฤษ (UK) แต่น้องๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ก็สามารถสมัครสอบ IGCSE ได้โดยตรงกับทาง British Council Thailand นะครับ สำหรับการสอบ IGCSE นั้น ต้องเลือกสอบจำนวน 5 วิชา เพื่อให้ได้ IGCSE Certificate โดย IGCSE มีให้เลือกมากกว่า 70 […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
เจาะลึกเส้นทางสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก “University of Cambridge” น้องพรอมท์ Shrewsbury International School
กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับบทสัมภาษณ์ ignite Idol น้องพรอมท์ Shrewsbury International School ที่เพิ่งสอบติดคณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษปีล่าสุดมาหมาดๆ … ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจของประเทศไทยและ ignite มากๆ ที่สามารถส่งเด็กไทย ไปคว้าที่นั่งในคณะแพทย์เคมบริจด์ ได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นคณะแพทย์ที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับว่าสอบเข้ายากที่สุดในโลก วันนี้พี่แอดมินขอพาน้องพรอมท์ มาเจาะลึกเส้นทางสู่คณะแพทย์ University of Cambridge ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดเผยเส้นทางสู่การสอบติดคณะแพทย์ระดับโลก ให้เด็กไทยทุกคนที่มีความฝันได้ศึกษาแนวทางการเตรียมตัวที่ถูกต้อง…พี่แอดมินเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้ประเทศไทยได้คุณหมอที่มีศักยภาพระดับโลกกลับมาพัฒนาวงการสาธารณสุขไทยเพิ่มอย่างแน่นอนครับ ได้ยินว่าน้องพรอมท์อยากเป็นหมอ เพราะต้องการทำงานที่ช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น? เรื่องนี้มีที่มา ที่ไปอย่างไรครับ ใช่ครับ…จริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2 แล้วครับ ด้วยความที่ยังเด็กมาก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรไปตอนนั้น แต่พอโตขึ้นผมได้มีโอกาสไปสอนหนังสือให้น้องๆ […]
Comments (0)
-
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
5 โจทย์ที่ต้องเจอใน BMAT Critical Thinking พร้อมเทคนิค CAP รับมือทุกโจทย์ Part 1
สวัสดีครับน้องๆ กลับมาพบกับพี่กั๊กกันอีกครั้งนะครับ ใกล้จะถึงช่วงสอบ BMAT กันอีกแล้ว เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ คงตั้งใจทบทวนโค้งสุดท้ายกันอยู่แน่นอน แต่เนื่องจากการสอบ BMAT นั่นมีหลายพาร์ทเหลือเกิน หากจะต้องโฟกัสทุกจุดคงจะใช้เวลาพอสมควรแน่ๆ วันนี้พี่กั๊กเลยมาพร้อมกับเทคนิควิเคราะห์โจทย์ BMAT Critical Thinking เพื่อเพิ่มเลเวลในการอัพคะแนนของน้องๆ ใน BMAT Part 1 และช่วยลดการใช้เวลาในการนั่งทบทวนว่า เอ้…โจทย์ข้อนี้ต้องการอะไรนะ? แต่ก่อนจะเริ่มเทคนิควิเคราะห์โจทย์จากพี่กั๊ก เรามาทบทวนกันอีกรอบดีกว่าว่า “BMAT Part 1 นั้น จริงๆ แล้วเป็นยังไง?” BMAT Part 1 เป็นอย่างไร ต้องเจอกับข้อสอบแบบไหน? แน่นอนว่าการที่น้องๆ จะสอบเข้าแพทย์และได้เป็นคุณหมอในอนาคต สิ่งๆ หนึ่งที่น้องจำเป็นจะต้องมีก็คือทักษะการคิดวิเคราะห์นั่นเอง ซึ่งหากน้องเป็นคนที่มีการคิดวิเคราะห์สูง ตรงนี้ก็อาจจะสื่อถึงความสามารถในการนำไปปรับใช้กับสถานการณ์เร่งด่วนต่างๆ ที่ต้องเจอในสายอาชีพนั่นเอง ดังนั้นนี่ก็เป็นที่มาของเจ้าตัว BMAT Part 1 โดยในส่วนนี้จะถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2 พาร์ท คือ BMAT Problem Solving (16 ข้อ) : […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT
เจาะลึกเทคนิคพิชิต ACT Science ข้อสอบเป็นยังไง? ต่างจากข้อสอบอื่นยังไงบ้าง?
สวัสดีครับน้องๆ หลังจากที่หลายคณะเริ่มประกาศรับคะแนนการสอบ ACT เพื่อคัดเลือกนิสิต นักศึกษาใหม่เข้าคณะ เช่น ISE CU หรือ SIIT น้องๆ หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการสอบนี้กันมากขึ้น แถมยังมีบางคนรีวิวอีกว่าข้อสอบ ACT ง่ายกว่าการสอบแบบอื่นๆ วันนี้พี่อิ๊งค์จะมาช่วยไขข้อสงสัยถึงรูปแบบของ ข้อสอบ ACT Science ว่าเป็นยังไง แล้วจะง่ายกว่าข้อสอบอื่นจริงหรือไม่กันครับ ลักษณะข้อสอบ ACT Sciencee ข้อสอบ ACT Science มีคำถาม 40 ข้อ โดยให้เวลาในการทำอยู่ที่ 35 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นข้อสอบ Speed Testมากๆ น้องจะต้องฝึกฝนในการทำให้มาก และฝึกจัดการเวลาในการทำข้อสอบให้เชี่ยวชาญก่อนไปสอบ ซึ่งรูปแบบของคำถาม จะมีการให้ Passage มาประมาณ 6 เรื่อง ในแต่ละเรื่องจะมีคำถาม 4-7 ข้อ […]
Comments (0)
Comments