เตรียมตัวสอบ SAT โค้งสุดท้าย ทำยังไงให้ติด? BY P’Goft

ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการสอบ SAT และ SAT Subject Test ของปีนี้ และเชื่อว่าน้องๆ หลายคนก็พยายามเตรียมตัวกันอย่างสุดขีด วันนี้พี่ก๊อฟจะมาแนะนำวิธีในการเตรียมตัวสอบเพื่อให้พิชิต คะแนน SAT ให้ได้สูงๆ โดยในการเตรียมตัวนั้นต้องมี “กลยุทธ์” และวางแผน เพราะว่าเวลาเหลือไม่มากแล้วดังนั้น น้องๆ จะต้องใช้เวลาอย่างมีคุณภาพมากที่สุดนะครับ
โดยขั้นตอนที่พี่ก๊อฟจะมาแนะนำมีดังนี้
1.คะแนนวิชาไหนคุ้ม ?
อย่างแรกที่น้องต้องพิจารณาเลย คือ วิชาไหนมีสัดส่วนมากที่สุดในการสอบเข้าคณะที่น้องต้องการ น้องหลายคนพยายามคิดแต่จะทำคะแนนในวิชาที่ตัวเองชอบ เพราะว่าอ่านแล้วเข้าสมองที่สุด โดยลืมนึกไปว่าวิชานั้นอาจจะไม่ใช่วิชาที่สำคัญที่สุด ดังนั้นอย่างแรกต้องดูก่อนเลยว่า วิชาไหนมีน้ำหนักที่มากที่สุด ไล่ไปจนถึงน้อยที่สุด
2. เปรียบเทียบคะแนน หาช่องว่างที่เพิ่มคะแนนได้
ในโค้งสุดท้ายนี้ พี่เชื่อว่าน้องทุกคนคงเริ่มมีคะแนนกันบ้างแล้ว หากน้องๆลองแจกแจงคะแนนออกมา จะช่วยให้น้องเห็นภาพรวมว่ายังมีวิชาไหนที่เรายังมีโอกาสขยับคะแนนให้สูงขึ้นได้อีก ถ้าให้พี่แนะนำ น้องๆควรเน้นไปที่วิชานั้นก่อน มีหลายคนตกม้าตาย เพราะมัวเสียเวลากับวิชาที่สามารถทำคะแนนได้สูงอยู่แล้ว เช่น ได้คะแนน SAT MATH 730 แต่คิดว่าตัวเองสามารถไปถึง 800 ได้ โดยที่คะแนน SAT Physic ยังอยู่ที่ 680 แบบนี้เป็นการเตรียมตัวที่ไม่มีกลยุทธ์และใช้ความรู้สึกมากเกินไป น้องๆต้องตัดเอาความรู้สึกส่วนตัวออกและเริ่มใช้การวิเคราะห์มากขึ้นนะครับ
3. เรียงความสำคัญของแต่ละวิชา
พี่มีหลักการเรียงความสำคัญของแต่ละวิชาได้ง่ายๆ คือ
ต้องเป็นวิชาที่ น้ำหนักถ่วงเยอะ และ เรายังได้คะแนนน้อย
หลังจากนั้นก็เรียงมา
4. วางแผนให้ดีว่า จะเก็บอะไรก่อน
อันนี้เป็นปัญหาของหลายคนมากๆว่า พี่ครับผมควรทุ่มเก็บวิชา ถึง สองวิชา ในรอบ พฤศจิกายน แล้วมาเก็บอีก 2 วิชา ในช่วงธันวาคม ดี หรือ ว่าควรอ่านทุกอย่างหมดเลยแล้วลุยทุกรอบดี
คำถามนี้ตอบยากมากครับ เพราะว่าแต่ละคนรับความหนักได้ไม่เท่ากัน แต่จากประสบการณ์ของพี่การทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ประสิทธิภาพจะลดลงแน่นอน ดังนั้น ถ้าน้องไม่ได้มั่นใจในความรู้ของตัวเองมากๆจริงๆ พี่ขอแนะนำให้กระจายและ focus เป็นรอบๆอย่าพยายามจะเอาทุกวิชาในรอบเดียว เพราะมันจะฉุดกันไปหมดครับ

5. ซื้อหนังสือโจทย์ของ College board ทำโจทย์แบบจริงจัง และไม่ต้องจับเวลา 1 ชุด
ที่พี่แนะนำให้ทำแบบนี้เพราะคะแนนสอบของเราที่ไปสอบมาไม่มีแบ่งบทครับ และข้อสอบที่ college board ออกมาเป็นหนังสือ (ไปซื้อใน Kinokuniya ได้นะครับ) นั้นเป็นข้อสอบที่เคยออกจริงครับ ความใกล้เคียงจะมีสูงมากนะครับ และน้องๆควรจะทำและดูว่าบทไหนที่เรายังอ่อน คำว่าอ่อน คือ ผิดแบบว่าข้ามไปเลย คิดไม่ออก อ่านแล้วไม่รู้ว่าทำยังไง แบบนี้เรียกว่าอ่อน ให้น้อง mark ไว้ในหนังสือเลยครับ แล้วบทนั้นจะเป็นบทที่เราต้องเน้นครับในการทำ (ขอร้องน้องๆทุกคนว่าอย่าหลอกตัวเองนะครับ บางทีเราทำแบบฝึกหัดแล้วเรามั่วแล้วถูก แล้วเราก็คิดว่าเราทำเรื่องนี้ได้ พี่ขอให้น้องซื่อสัตย์กับตัวเองว่าเราทำอะไรได้อะไรไม่ได้นะครับ)
6. List แต่ละวิชาว่า บทไหนออกเยอะ และ เราได้คะแนนน้อย
สำหรับบทที่ออกเยอะๆ น้องสามารถดูได้จากปริมาณที่มีการเผยแพร่ใน website หรือถ้าใครเรียนกับพี่ๆอยู่แล้วก็พอจะทราบกันว่าบทไหนออกเยอะ ดังนั้น list แต่ละวิชา พร้อมบอกปริมาณที่ออก หลังจากนั้น เอาบทที่เราทำไม่ค่อยได้จากข้อสอบที่ลองทำ มา mark ไว้ให้หมดทุกวิชา ทุกบทนะครับ
7. แต่ละวิชา เน้นบทที่เป็นจุดอ่อนก่อน
เมื่อรู้แล้วว่าบทไหนออกเยอะ แต่เราทำได้น้อย ให้เร่งมือทำเลยครับเน้นอ่านบทนั้นก่อนและเวลาอ่านให้อ่านจบเป็นบทๆอย่าข้ามไปมานะครับควรอ่านให้เกิดความต่อเนื่องและเข้าใจจริงๆ
8. ทำ “สมุดแห่งความผิด” จดทุกข้อที่ทำไม่ได้แยกเล่มออกมา
หลายครั้งหลายหน น้องๆทำข้อสอบแล้วผิด พอเปิดเฉลยปุ๊ป เริ่มเข้าใจแล้วน้องจะไม่ยอมจดข้อผิดพลาดของตัวเอง พี่ขอย้ำเลยว่า ต้องทำครับ โดยปกติมนุษย์เรา จะชอบผิดพลาดเรื่องเดิมๆ ดังนั้นแล้วต้องมีสมุดจดเรื่องความผิดพลาดของเรา แยกเล่มเป็นวิชาๆ ไว้เลยครับ
ข้อดีอีกอย่างของ “สมุดแห่งความผิด” คือ เวลาใกล้สอบแล้วมาอ่านทวนจะได้อ่านจากเฉพาะที่เราผิด ไม่ต้องไล่อ่านทั้งหมดเพราะก่อนสอบวัน ถึงสองวันเราไม่อาจจะสามารถทวนทั้งหมดได้
9. อ่านเป็นบท แล้วข้ามวิชา แล้วกลับมาอ่านวิชาเดิมใหม่
เป็นคำถามที่หลายคนถามเข้ามาเยอะมาก ในฐานะที่พี่เป็นนักจิตวิทยา (น้องหลายคนทราบดี) การอ่านเพื่อไปสอบแข่งขันแบบนี้นั้นจะต้องอาศัยกระบวนการความจำที่เป็น long term memory ซึ่งคือจะมีความติดทนนานและไม่หายไปง่ายๆ ที่นี้โดยหลักการของ long term memory เนี่ยนะครับ มีงานวิจัยมาหลายสิบปีว่า อะไรเป็นปัจจัยสำหรับ long term memory ก็ปรากฏว่า สิ่งที่สำคัญ คือ การ retrieval หรือ การทำซ้ำนั่นเอง เช่นการอ่านซ้ำ การดูซ้ำ แต่นอกจากนี้เขาก็มีการทดลองเพิ่มเข้าไปอีกว่า ทำซ้ำเนี่ย ควรจะทำอย่างไร การทำซ้ำที่ดี จะต้องเป็นการทำซ้ำโดยแบ่งช่วงเวลา ไม่ใช่ทำซ้ำในคราวเดียว มีงานวิจัยที่น่าสนใจ เขาแบ่งคนเป็น สองกลุ่ม
กลุ่มแรก ให้จำศัพท์ยาก 20 คำ ให้จำ 5 รอบ รอบละ 10 นาที แต่ว่าแต่ละรอบห่างกัน 1 ชั่วโมง
กลุ่มสอง ให้ศัพท์ยาก 20 คำ ให้จำ 5 รอบ รอบละ 10 นาที แต่ให้จำวันละ 1 รอบ
ผลปรากฏว่า พอผ่านไป 1 สัปดาห์ หลังการจำรอบสุดท้าย ปรากฏว่ากลุ่มที่สอง สามารถจำศัพท์ยาก ได้มากกว่าถึง 50%
ซึ่งหมายความว่า การแบ่งช่วงเวลาในการดึงความจำเป็นสิ่งสำคัญ เคยเป็นไหม เวลาอ่านวิชานึงไป สองอาทิตย์ แล้ว พอมาอ่านวิชาใหม่อีกอาทิตย์นึง ของเก่าลืมหมดแล้ว เพราะว่าเราอัดมันเกินไป เกิดความไม่สม่ำเสมอ และไม่เกิดการดึงข้อมูลมาใช้ ดังนั้น เมื่อเรารู้แล้วว่าการทำงานของสมองเราเป็นอย่างไร พี่ขอแนะนำให้อ่านสลับกันไปมาโดยแบ่งเป็นบทๆแต่ละวิชาแล้วอ่านสลับไปมา แล้วพอเวลาจะเริ่มกลับมาอ่านวิชาเดิมให้เพื่อเวลาทวนสัก 10 -15 นาที เพื่อให้เรียกความจำเดิมกลับคืนมานะครับ

10. หาตัวช่วยให้มีสมาธิ
และนี่เป็นสิ่งน้องๆหลายคนกลัวกันมากๆเลยในช่วงใกล้สอบ คือ เรื่อง สมาธิ เพราะน้องๆเกิดมาในยุค ที่มีการ distraction ได้ง่าย จากการมาของ social network ดังนั้นอาจจะต้องใช้ตัวช่วยในการจัดการ เช่น FocusNow เป็น app ที่ให้เราสามารถตั้งเวลาว่าเราจะละจากมือถือ กี่นาที และถ้าเราละเมิด มันจะทำให้ต้นไม้ใน app เหี่ยวเฉา ให้พยายามเปรียบเปรย เป็นอนาคตของพวกเราจะได้มีกำลังใจในการสู้นะครับ
11. ความเครียดและความกลัวเป็นสิ่งที่ดี
อันนี้เป็นหลักการจิตวิทยาที่แล้ว แต่ต้องมาสอนน้องๆทุกคนนะครับ หลายคนพออ่านหนังสือไป แล้วเกิดความรู้สึกเครียดนิดๆ หลังจากนั้นก็เกิดอาการ วีนแตก ฉันไม่อยากเครียดไม่อ่านแล้วเว้ย เทให้หมด
ขอให้น้องมีสติและใจเย็นนะครับ พี่ในฐานะที่เรียนจิตวิทยาอยากจะบอกกับน้องๆ ว่า ความเครียดและความกลัว ถ้ามีอย่างพอเหมาะ จะเป็นสิ่งที่ดี และน้องทุกคนควรจะมีในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ด้วยครับ เพราะมันจะสร้างแรงกระตุ้นให้เราพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด เพราฉะนั้นอย่าหวาดกลัวกับความเครียด และความกลัวนะครับ
“Be positive with stress, then you will not be stressed.”
12. กินให้เยอะและมีพลังงาน
น้องๆคนไหนที่ห่วงสวย จุดนี้ต้องขอให้น้องๆทุกคนปล่อยวางเรื่องนี้ไว้ก่อนและตั้งใจเน้นไปที่การสอบก่อนนะครับ เรื่องลดความอ้วนค่อยว่ากัน
สุดท้ายนี้พี่ก็ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสอบ และพยายามให้เต็มที่ที่สุด นะครับ พี่เคยบอกน้องหลายๆคนในห้องว่า “ รู้อะไรไม่สู้เท่า “รู้งี้” ” ไม่อยากให้น้องๆเกิดความรู้สึกที่ว่า รู้งี้ ตอนนั้นพยายามมากกว่านี้ดีกว่า
สู้ๆนะครับทุกคน
พี่ก๊อฟ

สำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากเตรียมตัวก่อนสอบกับพี่ก๊อฟ สามารถมาเจอกันได้ในคอร์ส SAT Subject test Chemistry คอร์สทบทวนเนื้อหา ครอบคลุมทุกบทที่ออกสอบ พร้อมเทคนิคในการทำข้อสอบ และเมื่อเรียนเนื้อหาจนเข้าใจแล้วอยากฝึกทำโจทย์ พี่ก๊อฟก็มีคอร์ส Advanced SAT Subject test Chemistry เน้นตะลุยโจทย์ฝึกจับเวลาเสมือนจริง เพื่อพิชิต 800 คะแนนเต็ม กันทุกคนนะครับ
ดูข้อมูลคอร์สเรียนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ignitebyondemand.com/our-courses/sat-subject-test/
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
ไม่มีหมวดหมู่, Blog, GED
GED Ready เครื่องมือ(ไม่)ลับ อัพคะแนนตามเป้า!
สวัสดีค่ะน้องๆ กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความ GED วันนี้พี่จะมาเล่าถึงเครื่องมือในการเตรียมสอบ GED ที่สำคัญมากๆ ที่เรียกว่า GED Ready โดยเฉพาะน้องๆ ที่วางแผนอยากจะไปสอบ GED และต้องการที่จะยื่นวุฒิตัวนี้เพื่อเข้าจุฬา หรือ ธรรมศาสตร์ ซึ่งตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ทางที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้กำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของ GED จาก 145 คะแนน (High School Equivalency) เป็น 165 คะแนน (GED College Ready) บอกเลยว่ายากกว่าเดิมมาก และที่สำคัญนโยบายใหม่ของ GED ตั้งแต่ปี 2017 (แอบไปถามทาง GED มาแล้ว ข้อมูลนี้คอนเฟิร์ม!!) ระบุว่า หากสอบผ่าน GED High School Equivalency ไปแล้ว (145/200) การทำเรื่องขอสอบใหม่เพื่อต้องการปรับคะแนนขึ้นจะไม่สามารถทำได้ทุกคนแล้วนะคะ ส่วนใครแก้ได้ใครแก้ไม่ได้เดี๋ยวพี่จะให้ข้อมูลไว้ข้างล่างค่ะ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้มีเงื่อนไขเกิดขึ้นใหม่มากมาย สำหรับใครที่ยังยืนยันจะสอบ […]
Comments (0)
-
Blog, SAT
How to เตรียมตัวสอบ SAT ให้ได้ 1530 ตั้งแต่ม.5 โดยน้องแนทเซนต์โย
สวัสดีครับน้องๆ วันนี้พี่ภัทร์ภูมิใจนำเสนอน้องสาวสุดน่ารักจาก ignite เจ้าของคะแนน SAT รวม 1530 ซึ่งถือว่าสูงมากๆ พี่ภัทร์เลยขอพาน้องสาวคนนี้ มาแชร์ไทม์ไลน์การ เตรียมตัวสอบ SAT พร้อมทั้งเทคนิคการพิชิตข้อสอบ SAT ให้ได้ Perfect score รับรองว่ายื่นที่ไหน ก็ติดแน่นอน เราไปทำความรู้จักน้องสาวคนนี้กันเลยครับผม Q: แนะนำตัวให้น้องๆ ignite รู้จักกันหน่อยครับ? น้องแนท: สวัสดีค่ะ แนท นะคะ ณัฐชา พิชิตธนารักษ์ ตอนนี้อยู่ ม.5 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ค่ะ แนทเพิ่งสอบ SAT รอบ September ของปีนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ คะแนนที่ได้คือ 1530 โดยได้ SAT Math 780 และ SAT Reading and Writing 750 ค่ะ […]
Comments (0)
-
Blog, IELTS
คุยกับอดีต IELTS Examiner คนไทยในต่างแดน P’Patrick Oxford
น้องๆ หลายๆ คนอาจจะคุ้นหน้าหรือเคยเรียนกับพี่แพททริคกันมาบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นคอร์ส IELTS หรือ SAT Reading & Writing แต่ทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วพี่แพททริคเคยเป็นอดีต IELTS Examiner คนไทย ในต่างประเทศมาก่อน!!! ถ้าน้องๆ อยากรู้จักกับพี่แพททริคมากขึ้นไปอ่านกันต่อได้เลย Q: ช่วยแนะนำตัวหน่อยครับ A: สวัสดีครับ ชื่อพี่แพททริคครับ จบ Postgraduate Diploma ด้าน English for Academic Purposes จาก The University of Waikato ที่ New Zealand ปริญญาโทด้าน Digital Language and Literacies จาก Lancaster University แล้วก็ปริญญาโทอีกใบด้าน Teaching English Language […]
Comments (0)
-
Blog, CU-ATS/CU-AAT, SAT Subject Tests
คณะวิศวะ SIIT คืออะไร? เรียนอะไรบ้าง? อยากสอบติดต้องทำอย่างไร?
สวัสดีว่าที่น้องๆ วิศวะทุกคนนะครับ พี่แอดมินขอพามาทำความรู้จักกับคณะวิศวะอินเตอร์ “SIIT” หลักสูตรยอดฮิตที่เชื่อว่าน้องๆ ต้องเคยได้ยินชื่อมาแล้วแน่นอน เรียกว่าเป็นคณะที่เด็กมัธยมปลายหลายๆ คนใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนกันเลยทีเดียว แต่แค่เคยได้ยินชื่ออย่างเดียวคงไม่พอ วันนี้พี่แอดมินจะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับคณะวิศวะอินเตอร์ SIIT คืออะไร? เรียนอะไรบ้าง? อยากสอบติดต้องทำอย่างไร? ให้พวกเราไม่พลาดทุกประเด็นเกี่ยวกับคณะนี้เลยนะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักวิศวะ SIIT พร้อมกันเลยจ้า วิศวะ SIIT คืออะไร? เรียนอะไร? SIIT (Sirindhorn International Institute of Technology) หรือ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ คณะวิศวะอินเตอร์ที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติ โดยมีทั้งหมด 9 สาขาวิชา ซึ่งเป็นหลักสูตรด้านวิศวกรรมศาสตร์ 7 สาขาและหลักสูตรการจัดการ 2 สาขา ทั้งนี้ SIIT จะเน้นการเรียนการสอนกับอาจารย์ที่มีคุณภาพ ด้วยความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในห้องแล็บที่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ครบครัน ซึ่งการเรียนการสอนของ SIIT จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งเนื้อหาการเรียน แบบฝึกหัด การพรีเซนต์ต่างๆ และยังได้เรียนร่วมกับนักเรียนแลกเปลี่ยนหลากหลายเชื้อชาติอีกด้วย SIIT เป็นคณะที่มีทุนการศึกษาในแต่ละปีกว่า 200 […]
Comments (0)
Comments