ส่องหลักสูตรแพทย์ 2 ปริญญา มีกี่หลักสูตร เรียนอะไรบ้าง?
มาแรงไม่พักนาทีนี้ ต้องยกให้หลักสูตร “แพทย์ 2 ปริญญา” ไปเลย ที่หลายมหาวิทยาลัยชั้นนำ ผลิตหลักสูตรกันออกมาเพียบ ตอบโจทย์คนอยากเรียนหมอ ที่อยากเรียนด้านอื่นๆ เพื่อเสริมทักษะ แค่ 1 ปริญญายังไม่พอ ไหนๆ จะเรียนทั้งที ขอเรียนทีเดียวคุ้มมมม พี่แอดมินเลยขอทำหน้าที่รวบรวมสุดยอดหลักสูตรแพทย์ 2 ปริญญาเอาไว้ให้ ว่าจะมีกี่หลักสูตร และแต่ละหลักสูตรมีจุดเด่นอย่างไร ไปดูเพิ่มเติมกันครับ
แพทย์ 2 ปริญญา คืออะไร?
แพทย์ 2 ปริญญา ก็คือหลักสูตรที่มีการควบรวมระหว่างหลักสูตรแพทย์ กับสาขาวิชาอื่นๆ ซึ่งมีทั้งรูปแบบจบการศึกษาได้รับปริญญาตรี 2 ใบ จาก 2 มหาวิทยาลัย และจบการศึกษาได้รับปริญญาตรีพร้อมปริญญาโท
แพทย์รามา 2 ปริญญา
เริ่มกันที่แพทย์รามา กับหลักสูตร 2 ปริญญาในดวงใจของน้องหลายๆ คน
- โครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. – วศ.ม. หรือ วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (วิศวกรรมชีวการแพทย์)
เรียนทั้งหมด 7 ปี โดยน้องๆ จะได้เรียนชั้นพรีคลินิก 3 ปีแรกที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จากนั้นชั้นปีที่ 4 จะเป็นการเรียนในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นเวลา 1 ปีและกลับเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในชั้นปีที่ 5 – 7 ทางด้านคลินิก โดยยังคงมีการทำงานวิจัยของหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ควบคู่ไปด้วย
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (วศ.ม. (วิศวกรรมชีวการแพทย์)) (M. Eng. (Biomedical Engineering))
- โครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. – กจ.ม. หรือ การจัดการมหาบัณฑิต (นานาชาติ)
เรียนทั้งหมด 7 ปี โดยเรียนชั้นพรีคลินิก 3 ปีแรกที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จากนั้นเข้าศึกษาในหลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต (นานาชาติ) โปรแกรม Healthcare and wellness management 1 ปีที่วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และกลับมาเรียนชั้นคลินิกที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ควบคู่ไปกับการทำวิจัยสำหรับวิทยานิพนธ์หลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิตอีก 3 ปี
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และการจัดการมหาบัณฑิต (นานาชาติ) (กจ.ม.) (Master of Management, M.M.)
แพทย์จุฬา 2 ปริญญา
โครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. – วท.ม. หรือ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิศวกรรมชีวเวช)
โดยน้องๆ ที่เรียนในโครงการนี้จะสามารถเลือกลงทะเบียนเรียนรายวิชาในสาขาวิชาวิศวกรรมชีวเวชควบคู่ไปกับการเรียนตามหลักสูตรแพทย์ได้ตามความสนใจ และเมื่อเรียนตามหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตครบ 120 หน่วยกิต และมีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการบริหารหลักสูตรกำหนด จะมีสิทธิ์สมัครเข้าศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สหสาขาวิศวกรรมชีวเวชได้
หากได้รับการคัดเลือกเข้าหลักสูตร ในชั้นปีที่ 4-6 น้องๆ จะได้เรียนตามหลักสูตรแพทย์ ควบคู่ไปกับการสัมมนา และการทำวิทยานิพนธ์ในหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต โดยสามารถเลือกได้ใน 6 สาขาวิจัย ได้แก่ สาขา Medical instruments and biosensors, สาขา Biomechanics, สาขา Rehabilitation, สาขา Medical Imaging, สาขา Tissue engineering and Drug delivery system และสาขา Bioinformatics
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) (Master of Science, M.Sc.)
แพทย์ธรรมศาสตร์ 2 ปริญญา
หลักสูตรร่วม 2 ปริญญา ระหว่างแพทยศาสตรบัณฑิต และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขา “กฎหมายทางการแพทย์และสุขภาพ” และ สาขา ”การบริหารโรงพยาบาลและธุรกิจสุขภาพ”
- หลักสูตรร่วมคณะนิติศาสตร์ สาขาวิชากฎหมายทางการแพทย์และสุขภาพ
พูดถึงความโดดเด่นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ต้องนึกถึงคณะนิติศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเป็นอันดับแรก หลักสูตรนี้จึงเป็นการนำเอาจุดเด่นทางด้านกฎหมายมาควบรวมกับความรู้ทางการแพทย์ โดยมุ่งเน้นผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ด้านกฎหมายทางการแพทย์และสุขภาพ พร้อมการเป็นนักวิชาการที่สามารถทำวิจัยพื้นฐานหรือต่อยอดเป็นงานวิจัยเชิงนโยบายได้
น้องๆ จะได้เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ควบคู่กับการเรียนพื้นฐานกฎหมายทางการแพทย์และสุขภาพ กฎหมายด้านสถานพยาบาล รวมไปถึงระบบหลักการความรู้ด้านระบาดวิทยาคลินิก โดยเป็นการเรียนภาคทฤษฎีควบคู่กับการทำวิจัยทางคลินิกจริง
เรียน 7 ปี เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชากฎหมายทางการแพทย์และสุขภาพ (ศศ.ม.) (Master of Art in Health and Medical Law)
- หลักสูตรร่วมคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ด้านการบริหารโรงพยาบาลและธุรกิจสุขภาพ
โดยน้องๆ จะได้เรียนครอบคลุมตามหลักสูตรแพทยศาตรบันฑิต พร้อมการเรียนหลักการบริหารโรงพยาบาล กฎหมายนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาทางการแพทย์ กฎหมายธุรกิจทางการแพทย์ และนิติเวชศาสตร์ขั้นสูง โดยเป็นการเรียนภาคทฤษฎีควบคู่กับการทำวิจัยทางคลินิกจริงเช่นเดียวกัน
เรียน 7 ปี เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารโรงพยาบาลและธุรกิจสุขภาพ (ศศ.ม.)
แพทย์ ม.ขอนแก่น 2 ปริญญา
ข้ามมาฝั่งภาคอีสานกันบ้าง จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก มข. อีกคณะแพทย์ในดวงใจน้องๆ ทั่วประเทศ ซึ่งหลักสูตรแพทย์ 2 ปริญญาของที่นี่จะแบ่งออกเป็น
- โครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. – วท.ม. หรือ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาการบริหารโรงพยาบาล)
เรียนทั้งหมด 6 ปี โดยเป็นการเรียนควบคู่กันตลอดหลักสูตร มุ่งเน้นการผลิตนักบริหารทางการแพทย์ นักวิจัยด้านการบริหารและการสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม. (การบริหารโรงพยาบาล))
- โครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. – วท.ม. หรือ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาวิทยาการข้อมูลและสารสนเทศสุขภาพ)
เรียนทั้งหมด 6 ปี โดยเป็นการเรียนควบคู่กันตลอดหลักสูตร มุ่งเน้นการผลิตแพทย์ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง นักวิจัยด้านวิทยาการข้อมูลและสารสนเทศสุขภาพ
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม. (วิทยาการข้อมูลและสารสนเทศสุขภาพ))
แพทย์ศิริราช 2 ปริญญา
Hybrid Program 6 ยกกำลัง 1 เป็นหลักสูตรแพทย์ 2 ปริญญา ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยน้องๆ สามารถเลือกเรียนได้หลายสาขาตามความสนใจ เช่น หลักสูตรการศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพ Bio-Design วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาธารณสุขศาสตร์ และการจัดการ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรนานาชาติระดับปริญญาโท โดย 2 สถาบันการศึกษาชั้นนำจากต่างประเทศ คือ Oregon Health & Science University ประเทศสหรัฐอเมริกา ในหลักสูตร Health Informatics และ The University of Western Australia ประเทศออสเตรเลีย ในหลักสูตร Public Health
ซึ่งหลักสูตรนี้จะมีการปรับเนื้อหาและสร้างรายวิชาใหม่ จากเดิมที่นักศึกษาปี 1 ต้องเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ ปรับเป็นวิชาที่นำไปใช้ได้จริงในการเรียนแพทย์ เรียนกับอาจารย์จากศิริราชตั้งแต่ชั้นเรียนปีที่ 1 และยังมีการเพิ่มวิชาใหม่ๆ อย่าง วิชาว่าด้วยผู้สูงอายุ ศาสตร์ระบบสุขภาพ ไว้ในหลักสูตรด้วย
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) และปริญญาโทในคณะที่สนใจ
แพทย์ SWU-NOTT 2 ปริญญา
โครงการร่วมของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม สหราชอาณาจักร
ต้องบอกก่อนว่าหลักสูตรนี้ไม่ใช่การเรียนแพทย์นานาชาติ แต่เป็นการเรียนคณะแพทย์ใน 2 สถาบัน โดยช่วงปี 1-3 จะเป็นการเรียนพรีคลีนิคที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม แล้วกลับมาศึกษาต่อในชั้นคลีนิค ปีที่ 4-6 ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมกับเพื่อนๆ คณะแพทย์ภาคปกติอีก 3 ปี
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับปริญญาตรีจาก 2 สถาบัน โดยเมื่อจบการศึกษา 3 ปีแรกจะได้รับ Bachelor Degree of Medical Sciences (B.Med.Sci.) จาก University of Nottingham และเมื่อจบการศึกษาชั้นปีที่ 6 จะได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (Doctor of Medicine, M.D.) จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
แพทย์ CICM 2 ปริญญา
ปิดท้ายด้วย หลักสูตรแพทย์ 2 ปริญญาอย่าง แพทย์แผนจีน วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หลักสูตรนี้จะเป็นหลักสูตรแพทย์นานาชาติ จัดการเรียนการสอนแบบ 2 ภาษา คือ ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เน้นการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาโดยไม่ใช้สารเคมี เน้นใช้สมุนไพร การฝังเข็ม ครอบแก้ว เป็นต้น
- ปีที่ 1 จะเป็นการศึกษาโดยใช้ภาษาอังกฤษ เรียนหมวดวิชาศึกษาทั่วไปซึ่งเป็นหลักสูตรกลางของมหาวิทยาลัย และกลุ่มวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ โดยเรียนที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ สถาบันภาษา และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
- ปีที่ 2 ใช้ภาษาจีนในการศึกษา จัดการเรียนการสอนที่ Beijing University of Chinese Medicine สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเป็นการเรียนกลุ่มวิชาภาษาสำหรับการแพทย์แผนจีน
- ปีที่ 3 เป็นการศึกษาโดยใช้ภาษาอังกฤษ โดยเป็นการเรียนกลุ่มวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยเรียนที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ปีที่ 4 เป็นการศึกษาโดยใช้ภาษาจีนเจาะลึกวิชาชีพเฉพาะ (การแพทย์แผนจีน) โดยเรียนที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ส่วน ปีที่ 5-6 ใช้ภาษาจีนในการศึกษา เป็นการเรียนเจาะลึกวิชาชีพเฉพาะ และเดินทางกลับมาฝึกเวชปฏิบัติก่อนสิ้นสุดหลักสูตรที่คลินิกการแพทย์ผสมผสานบริการด้านการแพทย์แผนจีน วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ / คลินิกการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว และโรงพยาบาลชลบุรี
เมื่อจบการศึกษาจะได้รับปริญญาตรีจาก 2 สถาบัน คือ การแพทย์แผนจีนบัณฑิต (พจ.บ.) (Bachelor of Traditional Chinese Medicine, B.CM.) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ Bachelor of Traditional Chinese Medicine จาก Beijing University of Chinese Medicine สามารถสอบใบประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนได้ทั้งในไทยและจีน
หลักสูตรน่าสนใจเพียบเลยใช่ไหม สำหรับน้องๆ คนไหนที่สนใจอยากเรียนเข้าคณะแพทย์ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พี่แอดมินมีคอร์สใหม่มาแนะนำกับคอร์ส Medical Preparation เตรียมเส้นทางสู่แพทย์รอบพอร์ตแบบครบทุกมิติ เริ่มตั้งแต่การค้นหาตัวตน ปูพื้นฐานการทำวิจัยใส่พอร์ต จนไปถึงเตรียมพร้อมสู่การสัมภาษณ์เลยทีเดียว หรือหากสนใจเติมไฟ เสริมแรงบันดาลใจในการทำงานวิจัยก็มาจอยกันได้ที่ Research for Medical
สุดท้ายนี้ พี่แอดมินและพี่ๆ ignite ทุกคนก็ขอส่งแรงใจ และจะอยู่เคียงข้างน้องตลอดเส้นทางความฝัน สู้ไปด้วยกันครับ สนใจวางแผน จัดสรรตารางเรียนกับพี่ๆ Education Consult แบบส่วนตัวโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทักเข้ามาคุยกันได้ตลอดที่ Line: @ignitebyondemand และ โทร 091-5761475
หากต้องการเลือก Shop คอร์สเรียน Online สามารถเลือกช้อป!คอร์สเรียนด้วยตัวเองได้ที่
Related Blog & News
ข่าวสารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
-
Blog, SAT Subject Tests
รีวิวสอบเข้า ISE จุฬาฯ ด้วย SAT Subject Tests จากน้องโน้ต กรุงเทพคริสเตียน
สวัสดีน้องๆ ที่อยากสอบเข้า ISE หรือ คณะวิศวะอินเตอร์ จุฬาฯ ทุกคนนะครับ!! วันนี้พี่แอดมินพาพี่โน้ต รุ่นพี่ ignite ที่สอบติด ISE จุฬาฯ ปีล่าสุด มารีวิวการสอบเข้าวิศวะอินเตอร์ ด้วยคะแนน SAT Subject Tests เพื่อให้น้องๆ ได้ทราบว่าข้อสอบแต่ละวิชามีความยากง่ายอย่างไร ควรเตรียมตัววิชาไหนก่อนและเคล็ดลับการสอบติดจากพี่โน้ต เพื่อให้น้องๆ ทุกคนใช้เป็นแนวทางการเตรียมตัวได้อย่างถูกต้องนะครับ เคล็ดลับเตรียมตัวให้สอบติด ISE จุฬาฯ สำหรับพี่คิดว่าการเริ่มเตรียมตัวสอบเข้า ISE ตอน ม.5 เทอม 1 เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ ไม่ช้าเกินไป ยังพอมีเวลาเหลือให้เราสามารถไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีกด้วย ถ้าเริ่มต้นเตรียมตัวตอน ม.6 อาจจะทำให้เราเหนื่อยจนไม่ค่อยมีเวลาไปทำอย่างอื่นและถ้ายังไม่ได้คะแนนที่ต้องการในรอบแรก ก็จะมีเวลาแก้ตัวน้อยลงอีกด้วยนะครับ ยิ่งถ้าน้องๆ รู้ตัวและตั้งป้าหมายว่าจะเข้า ISE ตั้งแต่ ม.4 ยิ่งจะทำให้เราเตรียมตัวได้ไว เผลอๆ […]
Comments (0) -
Blog
ไขข้อสงสัย ความแตกต่างระหว่างหลักสูตร A-Level, IB, AP ในระบบการศึกษาแบบนานาชาติ
ในยุคที่โรงเรียนนานาชาติในไทยพากันผุดเป็นดอกเห็ด บรรดาผู้ปกครองและน้องๆ ก็อาจจะสับสนกับระบบและหลักสูตรต่างๆ ของ โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ทำไมคนนั้นเรียน A-Level แล้ว ระบบ IB ละคืออะไร ทำไมบางโรงเรียนถึงเลือกได้ทั้งสองแบบ ในขณะที่บางโรงเรียนมีแค่ AP แล้วต้องสอบ SAT ด้วย ?? วันนี้พี่เอมี่และพี่แทนจะมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับความต่างของแต่ระบบวิชาในโรงเรียนกันค่ะ โดยหลักสูตรที่ popular ที่สุดในประเทศไทยคงจะหนีไม่พ้นหลักสูตรอังกฤษ ตามด้วยหลักสูตรอเมริกัน และ หลักสูตร IB ตามลำดับ ความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษานานาชาติ หลักสูตรอังกฤษ – หลักสูตรอเมริกัน – หลักสูตร IB พอจะเห็นภาพความแตกต่างของระบบการศึกษาต่างๆ กันแล้วใช่ไหมคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ปกครองที่กำลังเลือกโรงเรียนให้บุตรหลาน หรือน้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระบบโรงเรียนนานาชาติต่างๆ ควรจะศึกษาหลักสูตรที่เหมาะกับความถนัดและความต้องการในการเรียนต่อในอนาคตมากที่สุดค่ะ […]
Comments (0) -
Blog, SAT
รวมคำถามที่พบบ่อย การสมัครสอบ SAT ปี 2021
สวัสดีครับวันนี้พี่แอดมินพาพี่ภัทร์และพี่ข้าว #กูรูSAT มาเคลียร์ข้อสงสัยใน การสมัครสอบ SAT แบบใหม่ ที่จะใช้ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้น้องๆ กังวลในการสมัครสอบ พวกเราเลยขอรวบรวมคำถามและปัญหาที่พบบ่อยๆ ไว้ที่นี่ที่เดียวกันไปเลย…พร้อมแล้วไปดูคำถามแรกสุดฮิตที่เป็นปัญหาของน้องๆ หลายคนจากพี่ภัทร์ กันก่อนเลยว่าเราควรสมัครสอบ SAT ที่ไหนถึงจะไม่โดนยกเลิก สมัครสอบ SAT ที่ไหนถึงจะไม่โดนยกเลิก by พี่ภัทร์ รวมคำถามที่พบบ่อย ในการสมัครสอบ SAT ปี 2021 Q : วิธีเปลี่ยนสนามสอบ SAT หลังจากที่สมัครทุกอย่างไปเรียบร้อยแล้ว A : เข้าไปที่ my sat > my registration> เลือกรอบที่ต้องการจะเปลี่ยน > กด I would like to…. > change registration (แต่ตอนนี้เหมือนระบบการเปลี่ยนสนามสอบจะเกิดขัดข้อง น้องๆอาจต้องลอง […]
Comments (0) -
Blog, Medical TCAS 1 (Portfolio)
เตรียมตัวอย่างไรให้พิชิต BMAT Biology โดย ครูเคนจิ
สวัสดีครับน้องๆ ว่าที่น้องหมอทุกๆ คน พี่เคนจิ สอนวิชา BMAT Biology ให้ครับ ignite by OnDemand อยากมาแชร์เทคนิคที่หลายๆคนสงสัยว่าจะ เตรียมตัวทำข้อสอบ BMAT Biology ยังไง? ให้ทำได้ครบ ทำได้ทัน และมั่นใจในทุกคำตอบ พี่เคนจิ ได้ไกด์แนวทางในการเตรียมตัวให้น้องๆ ไว้แล้วเริ่มอ่านกันได้เลย เทคนิคเตรียมตัวสอบ BMAT Biology โดยครูเคนจิ 1. ทำความเข้าใจ specification ทำความเข้าใจ specification ให้ดีว่าเราต้องรู้อะไรบ้าง เพราะสิ่งที่เราต้องรู้ในแต่ละปีอาจจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ใช้ตัว specification เป็น checklist ดูว่าเรารู้ทุกอย่างครบถ้วนดีแล้วหรือยัง ข้อสอบจะชอบออกเนื้อหาใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้าไป 2. ทำโจทย์ BMAT เยอะๆ ทำโจทย์เยอะ ๆ เพื่อให้คุ้นเคยกับแนวคำถาม เพราะโจทย์ทั้งยาวและชอบดักทางเรา โดยการใช้คำที่มักทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง อย่างเช่น only, could be กับ must […]
Comments (0)
Comments